ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2144 ความลับเล็ก ๆ ของท่านอา
บทที่ 2144 ความลับเล็ก ๆ ของท่านอา
“ใช่ใช่ใช่ ท่านอากู้มาที่นี่เพื่อช่วยงานเป็นครั้งคราว แขกหลายคนที่มาที่นี่ล้วนชื่นชมฝีมือการทำอาหารของนางมาก และแขกหลายคนต้องการให้นางทำอาหารด้วยตนเอง?” หลี่ฝานกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
“งั้นหรือ?” กู้เสี่ยวหวานตกใจเมื่อได้ยินว่ากู้ฟางสี่ทำอาหารด้วยตนเอง “ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้จากท่านอาเลย!”
“บางทีนางอาจจะกลัวว่าเจ้าจะห้ามนาง” หลี่ฝานกล่าวว่า
“ไม่เป็นความจริง หากการมาที่นี่นั้นทำให้ท่านอามีความสุข ข้าเองก็มีความสุขกับนางเช่นกัน?” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องกลับไปคุยเรื่องนี้กับนาง ก่อนจะมาที่นี่นางไม่ได้บอกเจ้า ในเมื่อเจ้ารู้แล้วข้าจึงปิดบังต่อไปไม่ได้”
“ขอบคุณท่านลุงหลี่ ข้าจะแสร้งทำเป็นว่าท่านไม่ได้บอกเรื่องนี้ บางทีถ้ากลับไปนางอาจจะเป็นคนบอกข้าเองทุกอย่าง” กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการให้ท่านอาได้ยินว่าหลี่ฝานเป็นคนพูดเรื่องนี้
“ในเมื่อท่านอาของข้าทำงานที่ร้านจิ่นฝู เหตุใดนางถึงไม่บอกเรา?” หลังจากขึ้นมานั่งบนรถม้าแล้ว อาจั่วก็ถามทันที
“บางทีท่านอาคงกลัวว่าข้าจะไม่เห็นด้วย เพราะปกติแล้วท่านอาเป็นคนเตรียมอาหารที่บ้านตลอดสามมื้อ ถ้าข้ารู้ว่านางยังมาทำงานในร้านจิ่นฝูคงกลัวว่าข้าจะห้ามไม่ให้นางทำ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“การทำอาหารสามมื้อต่อวันก็เป็นเรื่องลำบากมากพอแล้ว หากเป็นข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้นางออกไปเหนื่อยอีก!” อาจั่วพึมพำ
กู้เสี่ยวหวานมองอาจั่วก่อนจะแปะมือกันด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้พูดอะไรอีก
“องค์หญิงอันผิง…” ทันใดนั้นมีเสียงดังขึ้นจากข้างนอก
ซูหมาง!
กู้เสี่ยวหวานยกม่านรถขึ้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ใต้เท้าซู ท่านจะไปไหนหรือ?”
“ไปกินข้าวกลางวันที่ร้านจิ่นฝู องค์หญิงอยากจะไปกับข้าหรือไม่พะยะค่ะ” ซูหมางกุมมือของเขาคำนับ
“ขอบคุณใต้เท้าซู แต่ไม่เป็นไรข้าเพิ่งมาจากร้านจิ่นฝูและกำลังจะกลับบ้าน!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“เช่นกันนั้นเดินทางดี ๆ!”
“ใต้เท้าซูก็เช่นกัน”
เมื่อมองรถม้าอีกคันเคลื่อนตัวออกไป กู้เสี่ยวหวานก็ตระหนักถึงปัญหา
ได้ยินมาว่ากองกำลังรักษาความสงบมักจะทานอาหารกลางวันตอนเที่ยงอยู่ที่กองกำลัง และใต้เท้าซูมักจะถือว่ากองกำลังรักษาความสงบเป็นบ้านของเขา เขากินและใช้ชีวิตที่นั่น เขาจะไปที่ร้านจิ่นฝูแค่เพื่อทานอาหารกลางวันตอนเที่ยงได้อย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกเล็กน้อย หากแต่ก็ไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด
เมื่อนางกลับถึงบ้านก็เห็นว่าฟางเพ่ยหยากำลังรอตนเองอยู่ เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกลับมาจึงรีบทำความเคารพ “ท่านพี่…”
“เพ่ยหยา ลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่ได้วันนี้” หลังจากได้ยินว่าฟางเพ่ยหยาตัดสินใจเข้าวัง ตนเองก็ไม่ค่อยได้พบหน้าอีกฝ่ายเลย
ข้าได้ยินมาว่าทางวังหลวงส่งตัวพี่เลี้ยงมาสอนมารยาทในวัง และเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอ ท่าทางของฟางเพ่ยหยาตอนนี้จึงเรียบร้อยกว่าเมื่อก่อนมาก
“ท่านพี่ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังเพื่อเข้าร่วมการคัดเลือก!” ฟางเพ่ยหยาพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่ว่ารอยยิ้มนั้นจะกว้างมากแค่ไหนกู้เสี่ยวหวานก็ยังคงพบร่องรอยของความเหงาบนใบหน้างดงามดวงนั้น
เมื่อนึกถึงความคิดของฟางเพ่ยหยาที่มีต่อกู้หนิงอัน กู้เสี่ยวหวานก็ทนไม่ได้อีกต่อไปแล้วคว้ามือของฟางเพ่ยหยามาจับไว้แล้วพูดด้วยความรัก “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงพยายามให้เต็มที่ ฮ่องเต้ ไทเฮาและฮองเฮาล้วนเป็นคนใจดี โดยเฉพาะฮ่องเต้ที่เป็นหนุ่มรูปงาม แต่การใช้ชีวิตในวังหลวงนั้นไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้ชีวิตนอกวัง เจ้าต้องดูแลตัวเองให้ดี!”
โชคดีที่วังกุ้ยเฟยและโหยวกุ้ยเฟยไม่ได้อยู่ในวังอีกต่อไป ตอนนี้มีเพียงฮองเฮาและบัดนี้กำลังตั้งครรภ์ แม้ว่าตำแหน่งของนางจะสูงส่ง แต่กู้เสี่ยวหวานก็สามารถบอกได้ว่าฮองเฮาเป็นคนใจดีมาก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องเตือนเพ่ยหยา “หลังจากที่เข้าวังแล้ว จงรับใช้ฮ่องเต้ให้ดี เคารพฮองเฮาอย่ามีความคิดที่ไม่สมควรและทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี เจ้ารู้หรือไม่? เจ้าต้องไม่ถูกผลประโยชน์บังตาและหากเจ้าก้าวผิดเพียงก้าวเดียว เจ้าจะตกลงไปในก้นบึ้งแห่งหายนะชั่วนิรันดร์ และชีวิตของเจ้าก็จะพังพินาศ”
โหยวกุ้ยเฟยและวังกุ้ยเฟยเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
พวกเขาต้องการตำแหน่งอันสูงส่งและอำนาจที่มากขึ้น แต่พวกนางไม่รู้ว่าสวรรค์ได้จัดเตรียมทุกสิ่งไว้แล้ว! การเพ้อฝันไปกับของที่ไม่ใช่ของตัวเองจะมีแต่หายนะนำไปสู่ความตาย
ฟางเพ่ยหยาเข้าใจคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน และรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเตือนตัวเอง ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและพูดว่า “ท่านพี่ ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีอย่างแน่นอน!”
“ในชีวิตนี้ การเข้าวังเป็นเรื่องของความเจริญรุ่งเรืองและความมั่งคั่ง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลไป สิ่งที่เจ้าต้องการคือความสงบสุขและความสุขในชีวิต ฮ่องเต้ไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นของผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น เจ้าต้องแบ่งปันผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิงนับไม่ถ้วน เจ้าต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่าความรักไม่มีอยู่ในครอบครัวของฮ่องเต้ เจ้าสามารถรักเขาได้ แต่ไม่สามารถตำหนิเขาได้ เขามีหน้าที่รับผิดชอบและภาระที่เจ้าไม่เคยเห็นมาก่อน ตลอดจนทรัพย์สมบัติและอำนาจที่เจ้าจะได้เห็น เขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง เจ้าเข้าใจไหม?”
ฟางเพ่ยหยาเงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวานด้วยความสับสนในดวงตา “ท่านพี่ ท่านกำลังหมายความว่าอย่างไร…”
“แบ่งปันฝนและหยาดน้ำค้าง*[1] เจ้าต้องเตรียมพร้อมสำหรับความเหงา ความสุข ความทุกข์ที่ต้องพบเจอ ทั้งหมดนี้จะเอาแต่รอเขาไม่ได้ เจ้าต้องปรับตัว เมื่อเจ้าได้เป็นที่โปรดปราน อย่าหยิ่งผยองหรือทำการหุนหันพลันแล่น หากวันหนึ่งเจ้ากลายเป็นที่ชัง เจ้าก็ต้องอยู่อย่างสงบ เช่นนั้นจะเป็นการปกป้องชีวิตเจ้า!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง สายตาแน่วแน่คู่นั้นมองไปที่ฟางเพ่ยหยา
ในชีวิตที่แล้วกู้เสี่ยวหวานเคยดูละครเกี่ยวกับชีวิตวังหลังมากมาย
แม้ว่าหัวใจของทั้งสองจะรักกัน แต่พระเอกก็ยังมีชาติบ้านเมืองและประชาชนต้องดูแล เขาจะใช้ทั้งชีวิตซ่อนตัวเองอยู่ในหลังวังกับเหล่านางสนมได้อย่างไร? ไหนจะเหล่าขุนนางอีกล่ะ
ฮ่องเต้จะทำให้พวกเขาขุ่นเคืองเพราะพวกนางได้อย่างไร?
การอยู่กับนางสนมเหล่านี้ก็เท่ากับเป็นการผิดใจกับขุนนางในราชสำนัก ฮ่องเต้จะไม่ทำเช่นนั้น พระองค์แบ่งปันฝนและหยาดน้ำค้างกับผู้หญิงคนหนึ่ง ฮองเฮาจะไม่เห็นด้วย ไทเฮาจะไม่เห็นด้วย ราชสำนักจะไม่เห็นด้วย ดินแดนจะไม่เห็นด้วย และประชาชนก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อฟางเพ่ยหยาจากไป นางยังเอาแต่คิดถึงคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน เสี่ยวเยว่ซึ่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้ว่าคุณหนูและองค์หญิงคุยอะไรกัน แต่เมื่อคุณหนูออกมานางก็เอาแต่ขมวดคิ้วตลอดเวลา เมื่อลองคิดดูสิ่งที่องค์หญิงอันผิงพูดนั้นคงจะทำให้คุณหนูของตนเข้าใจบางอย่าง
ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการเข้าวังของคุณหนู!
[1] ความโปรดปราน