ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2145 จากกัน
บทที่ 2145 จากกัน
หลูเหวินซินเห็นฟางเพ่ยหยากลับมาก็คิดไม่ตกว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปตนเองจะไม่ได้พบลูกสาวบ่อย ๆ เช่นนี้อีกแล้ว จึงทำให้นางรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสีย แต่ก็ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นกังวล ดังนั้นจึงได้แต่ฝืนยิ้มออกมา
“เพ่ยหยา เจ้าไปเยี่ยมองค์หญิงมาแล้วหรือ?” หลูเหวินซินถามด้วยรอยยิ้ม
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นางได้เก็บข้าวของเพื่อเข้าวังให้ฟางเพ่ยหยา ทุกครั้งที่มองไปยังข้าวของของลูกสาว นางรู้สึกเหมือนมีคนใช้มีดแหลมคมกรีดหัวใจตนเองจนเป็นแผล
“เจ้าค่ะท่านแม่!”
“องค์หญิงทำเพื่อข้ามากมาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าและข้ามีในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะการอ้อนวอนขององค์หญิง หากในอนาคตเจ้าได้เข้าวังแล้ว เจ้าต้องดูแลองค์หญิงให้ดี แม้ว่านางจะไม่ใช้องค์หญิงโดยสายเลือด หากวันหนึ่งฮ่องเต้และไทเฮาไม่มีความสุข…ทุกอย่างอาจจะเกิดขึ้นได้ เราไม่ต้องการเห็นจุดจบเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเราจะต้องคิดทางออกเผื่อให้นางไว้เสมอ!” หลูเหวินซินเตือนสติ
“ท่านแม่ ข้ารู้ ข้าจะเอาใจใส่ท่านพี่เสมอเพื่อไม่ให้นางตกอยู่ในอันตราย!” ฟางเพ่ยหยากล่าวอย่างร้อนรน
“แบบนั้นก็ดีแล้ว เฮ้อ…” หลูเหวินซินเหลือบมองลูกสาวตนเอง ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาพวกนางมีเพียงกันสองแม่ลูกมาตลอด ตอนนี้ลูกสาวผู้เป็นที่รักกำลังจะเข้าวัง หลูเหวินซินรู้สึกเหมือนถูกควักหัวใจมาบดขยี้ “เพ่ยหยา หากเจ้าเข้าวังไปแล้วก็ไม่รู้ว่าเราสองคนแม่ลูกจะได้พบกันอีกเมื่อไร ถึงเจ้าจะอยู่ในวัง แต่ใจมนุษย์นั้นช่างร้ายกาจ หยาเอ๋อร์ แม่ไม่ขอให้เจ้าร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่ง ขอเพียงเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างาสงบสุขอยู่ในวัง แค่นั้นข้าก็พอใจแล้ว”
น้ำตาของฟางเพ่ยหยาไหลรินอาบแก้ม “ท่านแม่ หยาเอ๋อร์รู้ หยาเอ๋อร์รู้ หยาเอ๋อร์จะดูแลตัวเองอย่างดีแน่นอน ข้าไม่ได้ต้องการมีชื่อเสียงฐานะสูงส่ง ข้าขอแค่ได้อยู่ในวังอย่างสงบ ตราบใดที่ไม่มีเรื่องอะไรก็หมายความว่าเป็นข่าวดีใช่หรือไม่?”
หลูเหวินซินร้องไห้และพยักหน้า “ใช่ ตราบใดที่เจ้ายังสบายดี ไม่มีเรื่องอะไรก็นับว่าเป็นข่าวดี ในชีวิตนี้ของข้า คนที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเจ้า ข้าต้องการเห็นเจ้ามีชีวิตที่ดีไปตลอด ตราบใดที่เจ้ายังใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย ข้าก็จะหมดห่วง!”
สองแม่ลูกร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เสี่ยวเยว่ที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงร้องไห้นั้นก็พานน้ำตาไหลออกมา ไม่รู้ว่าการจากไปในวันพรุ่งนี้ของคุณหนูของตนเองจะได้กลับมาอีกหรือไม่
ตอนเช้าของวันต่อมา รถม้าที่จัดเตรียมโดยจวนตระกูลหลูจอดอยู่หน้าประตู
นายท่านหลูและฮูหยินเฒ่า หลูเหวินซิน รวมถึงป้าสะใภ้สองคนของฟางเพ่ยหยา ต่างรอส่งนางอยู่หน้าประตู เมื่อกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูมาถึง ฟางเพ่ยหยากำลังกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้ายในอ้อมแขนของหลูเหวินซิน กู้เสี่ยวหวานก้าวลงจากรถม้า เมื่อเห็นว่าองค์หญิงและท่านจวิ้นจู่มาถึงแล้ว ครอบครัวหลูจึงรีบแสดงความเคารพ เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานอยู่ที่นี่ ฟางเพ่ยหยาก็เช็ดน้ำตาและรีบวิ่งเข้าไปหาอีกคน
“อวี้ซูและข้ามาส่งเจ้าน่ะ!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว “เจ้าต้องจำสิ่งที่ข้าบอกเมื่อวานนี้ให้ดี หากเจ้าสบายดี ท่านแม่ของเจ้าก็จะสบายดีและตระกูลหลูก็จะสบายดี เจ้าไม่จำเป็นต้องมีอำนาจล้นฟ้า เจ้าแค่ต้องมีเจตจำนงที่แน่วแน่และไม่สั่นคลอน! เข้าใจไหม?”
“ท่านพี่ ไม่ต้องห่วง เพ่ยหยาเข้าใจ! ตราบใดที่ข้าสบายดี ครอบครัวของข้าก็จะไม่เป็นไร!” ฟางเพ่ยหยากล่าวอย่างหนักแน่น
ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว ไม่ว่าจะยื้อเวลาอีกนานเท่าไหร่แต่สุดท้ายก็ต้องปล่อยนางไป ตระกูลหลูคลี่ยิ้มจางและส่งฟางเพ่ยหยาไปอย่างไม่เต็มใจ
เกรงว่าอีกหลายปีกว่าพวกเราจะได้พบกันอีก
กู้เสี่ยวหวานเฝ้าดูรถม้าจากไปด้วยอารมณ์สับสนวุ่นวายในใจ
หลังจากบอกลาตระกูลหลูแล้ว กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูก็ขึ้นรถม้าจากไป กู้เสี่ยวหวานยังเอาแต่นิ่งเงียบตลอดเวลา ถานอวี้ซูก็รู้ว่านางทนไม่ได้ที่ต้องแยกทางกับฟางเพ่ยหยา ดังนั้นจึงปลอบโยน “ท่านพี่ เรายังสามารถเข้าวังไปเจอเพ่ยหยาได้ เราสามารถเล่าเรื่องของตระกูลหลูให้นางฟังได้ เอาเถอะ ท่านอย่าเสียใจไปเลย!”
“ข้าไม่ได้เสียใจกับนาง ข้าแค่รู้สึกว่าเมื่อคนเราโตขึ้นก็จะต้องเสียสละบางสิ่งเช่น ครอบครัว ความรัก และชีวิต!” กู้เสี่ยวหวานถอนหายใจ
เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของนางในชาติที่แล้ว นางจากมาเก้าปีแล้ว ปานนี้พ่อแม่ของนางผมคงจะขาวหมดแล้ว พวกเขาจะต้องเสียใจแค่ไหนนะที่ต้องสูญเสียลูกสาวไปในวัยนี้
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางหลับตาและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจดจำรูปลักษณ์ของพ่อแม่ แต่มันก็ผ่านมาเนิ่นนาน ใบหน้าของทั้งคู่นั้นเริ่มเลือนหายไปจากความทรงจำตามกาลเวลา
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกหดหู่ตลอดทั้งวันและไม่มีอารมณ์ที่จะทำอะไร ถานอวี้ซูจึงไม่กล้าจากไปและอยู่ในสวนชิงเป็นเพื่อนนางตลอดทั้งวัน
เดือนเก้ากำลังจะมาถึงในไม่ช้า ตอนนี้อากาศก็เริ่มหนาวเย็นลงเรื่อย ๆ เมื่อกู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นในตอนเช้า นางก็รู้สึกหนาวไปทั้งร่างกาย เวลาอากาศกำลังเปลี่ยนแปลงและปีนี้กำลังจะผ่านไปอีกครั้ง
เมืองหลวงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง วันที่เก้าเดือนเก้าเป็นวันสำคัญของหมิงตูจวิ้นจู่และซูจือเยว่
กู้ฉวนลู่กินและดื่มที่ลานบ้านตลอดทั้งวัน ด้วยความพยายามอันน่าทึ่งนี้ทำให้น้ำหนักของเขาเพิ่มขึ้นมาก เขาได้ทานอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อย กู้ฉวนลู่คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตก็คงจะดี!
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เถ้าแก่เซี่ยวก็นำข่าวดีมาให้
“ไม่กี่วันก่อนซื่อจื่อต้องเตรียมงานแต่งงานของท่านจวิ้นจู่ ในที่สุดข้าก็ว่างบอกเรื่องของท่านกับซื่อจื่อ แม้ว่าซื่อจื่อจะไม่โกรธ แต่เขาก็ค่อนข้างไม่พอใจ ท้ายที่สุด…ท่านก็รู้ว่าครอบครัวของท่านเป็นคนทำสิ่งเหล่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นข้าเกรงว่าคงจะถูกตัดศีรษะทิ้งไปนานแล้ว!” เถ้าแก่เซี่ยวกล่าว
กู้ฉวนลู่พยักหน้า “ข้ารู้ ข้ารู้ว่าเราทำอะไรผิด ข้าขอโทษซื่อจื่อ ข้าขอโทษ เถ้าแก่เซี่ยวโปรดบอกข้าโดยเร็วว่ามีวิธีใดที่สามารถชดเชยให้ซื่อจื่อได้บ้าง? เพื่อซื่อจื่อแล้วต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็เต็มใจทำ!”
“ท่านสามารถทำได้ทุกอย่างจริงหรือ?” เถ้าแก่เซี่ยวไม่เชื่อ
กู้ฉวนลู่ตบหน้าอกของตัวเองและสัญญา “ข้ากล้าสาบานต่อสรวงสวรรค์ สิ่งที่ซื่อจื่อต้องการให้ข้าทำแม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิต ข้าก็จะทำให้ซื่อจื่อมีความสุขอย่างแน่นอน!”