ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2147 ไม่เคยเห็นหมูวิ่ง
บทที่ 2147 ไม่เคยเห็นหมูวิ่ง
ในเมืองหลวงนี้ใครเล่าจะสามารถครองคู่กับกู้ฟางสี่ได้?
กู้เสี่ยวหวานต้องคิดเรื่องนี้อย่างรอบครอบ
คนผู้นั้นต้องเป็นคนดี โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้สำหรับคนที่ไม่เคยแต่งงานมากก่อน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อม่าย แต่ไม่มีลูกจะเป็นการดีกว่า กู้เสี่ยวหวานรับรู้ถึงความรู้สึกน่าเศร้าของแม่เลี้ยง ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจะต้องตั้งใจวางแผนเรื่องนี้ให้ดี
เมื่อบอกเรื่องนี้กับถานอวี้ซู ถานอวี้ซูก็เอ่ยชื่อของคนสองคนออกมา
“ท่านพี่ ท่านคิดอย่างไรกับรองเฉินเหมิ่งและท่านลุงติงลุ่นที่อยู่เคียงข้างปู่ของข้า”
“ท่านลุงติงแก่เกินไป!” กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธอย่างไม่ไยดี ติงลุ่นคือที่ปรึกษาของท่านแม่ทัพถาน ติงลุ่นคนนี้เองก็รุ่นราวคราวเดียวกับถานเย่สิง กู้ฟางสี่อายุยังไม่ถึงสามสิบปี ความแตกต่างระหว่างอายุของสองคนนี้มากเกินไป
ถานอวี้ซูคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ถูกต้อง พวกเขาอายุต่างกันมาก แล้วรองแม่ทัพเฉิน เขาเคยแต่งภรรยามาก่อน แต่ต่อมาภรรยาของเขาเสียชีวิตเพราะตกเลือดระหว่างคลอดลูก เขาต่อสู้เคียงข้างท่านปู่มาหลายปี และไม่เคยแต่งงานใหม่มาก่อน”
หาได้ยากที่จะเจอผู้ชายแบบนี้ กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถพูดอะไรกับเฉินเหมิ่งได้ ดังนั้นนางจึงพยักหน้าและพูดว่า “งั้นเรามาคอยสังเกตกันเถอะ!”
“ท่านพี่วางแผนไว้อย่างไรหรือ?”
“แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับท่าทีของท่านอาด้วย!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“ท่านอาคงไม่ชอบใจมาก ท่านต้องการให้ท่านอารู้เรื่องนี้หรือไม่ ถ้านางรู้ นางจะต้องตำหนิท่านแน่ ถ้าเป็นข้าการที่เห็นท่านกระตือรือร้นที่จะหาคู่ให้ตนเอง ข้าก็อดสงสัยไม่ได้ว่าท่านรำคาญข้าและต้องขับไล่ข้าออกไป!” ถานอวี้ซูกล่าว
กู้เสี่ยวหวานจ้องมองที่ถานอวี้ซู “เช่นนั้นแล้วเจ้ามีความคิดดี ๆ หรือไม่?”
“ท่านบอกไม่ใช่หรือว่าท่านอาจะไปร้านจิ่นฝูเป็นบางครั้ง? เราลองให้ท่านลุงเฉินไปร้านจิ่นฝูเพื่อกินอาหารสักมื้อสองมื้อ ให้เขาสั่งอาหารที่ท่านอาทำ จากนั้นก็สร้างสถานการณ์เพื่อให้ทั้งสองทำความรู้จักกัน นอกจากนี้ ครั้งที่แล้วท่านลุงเฉินและท่านลุงติงก็เคยพูดว่าพวกเขาต้องการมาหาท่านเพื่อกินซาวเข่าไม่ใช่หรือ? เราขอให้ลุงเฉินมาหาแล้วเราค่อยจับคู่ให้ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“ดีเลย!” กู้เสี่ยวหวานตบโต๊ะไม้เล็ก ๆ ด้านข้าง และตกลงเห็นด้วย
ช่วงบ่ายมีแสงแดดอ่อน ๆ ถานอวี้ซูพาเฉินเหมิ่งและติงลุ่นมาถึงที่ประตูสวนชิง
กู้ฟางสี่และโค่วตันออกไปซื้อวัตถุดิบ นำมาล้างและจัดเตรียมเอาไว้ ส่วนเรื่องการซื้อถ่านและก่อเตาย่างนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาโม่และโค่วไห่
เมื่อทุกอย่างพร้อม ถานอวี้ซูและคนอื่น ๆ ก็มาถึง
กู้เสี่ยวหวานพากู้เสี่ยวอี้ไปทักทายที่ประตู และเมื่อเห็นเฉินเหมิ่งและติงลุ่นขี่ม้าตัวใหญ่โดยมีถานอวี้ซูนั่งอยู่ด้านหลัง จากนั้นติงลุ่นก็ตะโกนมาจากระยะไกล “เสี่ยวหวาน ข้ารอซาวเข่าของเจ้าจนผมขาวหมดแล้ว ในที่สุดก็เชิญข้าเสียที!”
“ช่วงนี้ข้ายุ่งเกินไปจึงไม่ได้เชิญท่านทั้งสองมา อย่าตำหนิข้าเลยนะเจ้าค่ะ” กู้เสี่ยวหวานยิ้ม
“เสี่ยวหวาน ข้าเคยไปร้านกู้จี้ซาวเข่าที่เจ้าเปิดมานับครั้งไม่ถ้วน! ที่นั่นมันทำให้ท้องข้าได้กินของอร่อย ข้าไม่กล้าตำหนิเจ้าหรอก!” ติงลุ่นพูดพลางหัวเราะ
เฉินเหมิ่งที่อยู่ด้านข้างนั้นสุขุมกว่าติงลุ่นมาก เขาทำความเคารพกู้เสี่ยวหวานจากนั้นทุกคนก็เข้าไปข้างใน
ฝ่ายของกู้ฟางสี่จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วในสวน
เมื่อเห็นใบเฟิงเย่ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ นั่งลงทันที เมื่อมองย้อนกลับไปเสี่ยวหวานทำเตาย่างซาวเข่าเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีตระแกรงย่างอยู่ด้านบนและถ่านเสวี่ยฮวาอยู่ด้านล่าง
นี่คือถ่านชนิดหนึ่งที่ไม่มีควัน แม้ว่าราคาจะแพงกว่าถ่านธรรมดาเล็กน้อย แต่เพราะมันไม่มีควันจึงจะดีต่อสุขภาพมากกว่า กู้เสี่ยวหวานคิดว่าแม้มันจะแพงกว่าเล็กน้อย แต่จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่ทำลายสุขภาพของแขกเพราะอาหารไม่สะอาด
หลังจากที่เฉินเหมิ่งและติงลุ่นเข้ามาแล้ว พวกเขามองไปที่เตาย่างซาวเข่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถ่านเสวี่ยฮวาด้านในเป็นสีแดงฉาน มือข้างหนึ่งของโค่วไห่ถือเนื้อและอีกข้างหนึ่งใช้แปรงขนาดเล็กเพื่อทาเครื่องปรุงรส น้ำมันที่ไหลออกมาและเมื่อหยดลงในกองไฟทำให้เกิดเสียงดังฉ่า ฉ่า ฉ่า
หลังจากนั้นไม่นาน กลิ่นของซาวเข่าก็ลอยโชยมาแตะจมูก เฉินเหมิ่งและติงลุ่นยังคงยืนอยู่อย่างนั้น เพื่อมองซาวเข่าที่ส่งกลิ่นหอมฉุย สายตาจ้องหมูสามชั้นที่เป็นสีขาวในตอนแรกเริ่มเปลี่ยนสี
กู้เสี่ยวหวานหยิบเหล้ากุ้ยฮวากลิ่นหอมหวานที่นางกลั่นมาจากห้องใต้ดิน และเมื่อนางเข้าไปในสวนก็เห็นเฉินเหมิ่งและติงลุ่นก็เริ่มทำตามตัวอย่างของโค่วไห่ ทาน้ำมันเล็กน้อย โรยเกลือเล็กน้อย แล้วพลิกไปมา พวกเขาทำอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมา ติงลุ่นก็ตะโกน “เสี่ยวหวาน เนื้อย่างของเจ้าอร่อยมากและเสี่ยวโค่วก็ย่างได้เนื้อสุกกำลังดี ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะทำไม่ได้ รอก่อน เมื่อข้าจะย่างเสร็จ เจ้าก็ลองมาชิมฝีมือข้าดู!”
โค่วไห่ไม่คาดคิดว่าเฉินเหมิ่งและติงลุ่นจะขอย่างซาวเข่าด้วยตัวเอง เมื่อพวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังมาก็เริ่มรู้สึกอายเล็กน้อย “คุณหนู พวกเขาเพิ่งกินหมูสามชั้นไป แต่ว่าพวกเขายังต้องการย่างมันด้วยตัวเองอีก”
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าค่อย ๆ สอนเขาไป ข้าเกรงว่าพวกเขาจะใส่เครื่องปรุงไม่ถูก!” กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติเลย แม้ว่าสองคนนี้จะเป็นคนสำคัญในกองทัพแต่ในสวนชิงตอนนี้พวกเขาเปรียบดั่งครอบครัว พวกเขาแค่ต้องการความสนุกสนาน ปล่อยให้พวกเขาทำสิ่งที่พวกเขาต้องการจะดีกว่า
เมื่อติงลุ่นได้ยินสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานบอกโค่วไห่ เขาก็ชะงักมือทันทีและพูดว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน อย่าดูถูกข้าสิ ครั้งที่แล้วข้าย่างได้ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าครั้งนี้ข้าจะทำได้ไม่ดี ข้ากินซาวเข่าของร้านกู้จี้ซาวเข่ามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ข้าไม่เคยเห็นหมูวิ่งแต่ข้ากินหมูมาเยอะแล้ว!” เขาเพียงแค่เคยได้ยินหรือเห็นมาก่อน อย่างไรก็ต้องรู้มาบ้าง
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะขบขันกับข้อสรุปของติงลุ่น
กู้ฟางสี่บังเอิญเดินมาพร้อมกับมันฝรั่งแผ่นบาง ๆ ในขณะนี้ เมื่อเห็นผู้คนในลานหัวเราะนางก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนถึงหัวเราะมีความสุขขนาดนั้น?”
กู้ฟางสี่เดินเข้ามาภายในสวน ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งไม่ได้คาดหวังว่าหญิงสาวหน้าตางดงามคนหนึ่งจะปรากฏตัว ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกแปลก ๆ และมองไปที่กู้ฟางสี่
กู้เสี่ยวหวานรีบแนะนำ “ท่านลุงเฉิน ท่านลุงติง นี่คือท่านอาของข้า! ท่านอานี่คือรองแม่ทัพเฉินและเสนาธิการติงที่อยู่เคียงข้างท่านแม่ทัพถาน”