ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2156 ความผิดพลาดครั้งใหญ่
บทที่ 2156 ความผิดพลาดครั้งใหญ่
“อืม พอดีว่ามีเรื่องยุ่ง ๆ มากมาย ลำพังแค่เรื่องทะเบียนบ้านก็ยุ่งจนปลีกตัวไปไหนไม่ได้แล้ว ผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องทะเบียนบ้านที่กรมคลังก็อยู่กันเกือบทั้งคืนและเพิ่งกลับบ้านมาพักผ่อน อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปทำงานอีก” กู้หนิงอันพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับห้องไปก่อนเถอะ ข้าจะเตรียมน้ำร้อนให้ เจ้าพักผ่อนสักครู่เถิด อาบน้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย กินข้าว แล้วค่อยกลับไป” กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของนางเผยความกังวลออกมา
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ที่กระทรวงยุ่งมาก ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้เจอกับท่านพี่ ข้าอยากจะพูดคุยกับท่านพี่ก่อน” กู้หนิงอันเดินเข้าไปในศาลาหลังคาทรงแปดเหลี่ยม ลมยามเช้ายังคงเย็นสบาย ในขณะที่ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกพับอย่างเรียบร้อยและพาดลงบนเก้าอี้ เขาก็พยักหน้าให้กู้เสี่ยวหวานนั่งลง “ท่านพี่…”
เมื่อเห็นว่าน้องชายโตขึ้นมาก กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกสบายใจ หลังจากที่นางนั่งลง สองพี่น้องก็เริ่มพูดคุยกัน
บทสนทนาสั้น ๆ ระหว่างทั้งคู่ เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ดูเหมือนว่างานจะดำเนินไปอย่างราบรื่นเมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของกู้หนิงอัน แต่ทว่า…
เมื่อเห็นร่างที่เหนื่อยล้าของน้องชายที่กลับมาตอนรุ่งสาง กู้เสี่ยวหวานก็เดาได้ว่าเขากำลังปกปิดบางอย่างกับตน หรือว่าเรื่องราวนั้นมันยากที่จะอธิบาย!
“เรื่องทะเบียนบ้านกำลังจะเสร็จแล้ว ตอนนี้มีเรื่องอื่นเข้ามาเหรอ ทำไมตอนนี้เจ้าถึงต้องทำงานอย่างหนักล่ะ ก่อนหน้านี้ข้าก็เห็นว่าเจ้าทำงานสบาย ๆ แต่เหตุใดช่วงนี้เจ้าถึงออกจากบ้านเร็วและกลับช้าถึงสองวันติดกัน อีกทั้งบางวันก็ถึงขนาดทำงานอยู่ข้ามคืน?” กู้เสี่ยวหวานถาม
กู้หนิงอันครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ย “มีบางอย่างเกิดขึ้น”
จากนั้นเขาก็อธิบายเหตุผลว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงต้องออกจากบ้านเร็วและกลับดึก
แท้จริงแล้วการยื่นทะเบียนบ้านเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อสองสามวันก่อน ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขาเฝ้ารอให้งานเสร็จสิ้นอย่างดีและสมบูรณ์ที่สุด เพราะอีกเจ็ดวันพวกเขาจะต้องเข้าวังเพื่อนำไปให้ฮ่องเต้ตรวจสอบ
แต่ใครจะคิดว่าสองวันมานี้ มีบางคนมาบ่นว่าเมื่อจะเดินทางออกไปนอกเมืองพร้อมเล่มทะเบียนบ้านที่ออกใหม่ กลับได้รับแจ้งว่าเล่มมีปัญหา โดยระบุว่าข้อมูลบนเล่มพกพา แตกต่างจากข้อมูลที่ลงทะเบียนในฐานข้อมูลจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมือง
ประชาชนเหล่านั้นคิดว่าตนลงทะเบียนผิดจึงอยากไปแจ้งที่ศาลาว่าการอีกครั้งเพื่อตรวจสอบข้อมูลว่ามันแตกต่างกันได้อย่างไร
หลังจากที่ทั้งสามฝ่ายเผชิญหน้ากันก็พบว่ามีฐานข้อมูลที่ไม่ตรงกัน จึงตัดสินไม่ได้ว่าฝ่ายใดผิด
ต่อมาจึงได้นำเอกสารมาให้กรมคลังแก้ไข แต่ข้อมูลก็ยังไม่ตรงกัน
นั่นหมายความว่าทั้งสี่ฝ่ายล้วนได้รับข้อมูลที่ไม่ตรงกันหมด
แต่เดิมทะเบียนบ้านทำขึ้นเพื่อให้สามารถลงทะเบียนข้อมูลของประชาชนทั้งหมดได้ ตราบใดที่มีข้อมูลอยู่ในสมุดทะเบียนบ้าน ทางการก็สามารถสืบทราบข้อมูลในสถานที่ที่บุคคลนั้น ๆ ไปได้
นี่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการคุ้มครองประชาชนทั่วไป ต่อไปภายภาคหน้าผู้ที่ลักพาตัวเด็กและสตรีจะลดน้อยลง หากจะลักพาตัวใครก็ต้องร่วมกันขโมยสมุดทะเบียนบ้านด้วย เพราะหากไม่มีทะเบียนบ้านก็จะถูกเจ้าหน้าที่จากศาลาว่าการกักขัง
“ตอนนี้มีผู้มาแจ้งมากกว่ายี่สิบหลังคาเรือน ว่าสมุดทะเบียนบ้านมีข้อผิดพลาดและไม่รู้ว่าจะมีสมุดทะเบียนบ้านคนอื่น ๆ ผิดอีกกี่หลัง ตอนนี้ก็เลยยุ่งวุ่นวายไปหมด เพราะต้องตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งกับศาลาว่าการ กรมคลัง กองกำลังรักษาความสงบ และประชาชนทั่วไป ซึ่งมันยากกว่าการลงทะเบียนใหม่ทีละรายการเสียอีก!” กู้หนิงอันขมวดคิ้วและกล่าวอย่างหนักใจ “ฮ่องเต้ต้องการตรวจสอบทะเบียนบ้านในอีกเจ็ดวันที่จะถึง หากเกิดความผิดพลาดใหญ่หลวงขนาดนี้ ข้าเกรงว่าจะถวายให้ฮ่องเต้ไม่ทัน”
กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว ใครกันที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่และกรอกข้อมูลผิด?
“ใครเป็นคนกรอกข้อมูลลงในสมุดบันทึกพวกนั้น” กู้เสี่ยวหวานถาม
“ตอนนั้นเราไม่มีกำลังคนเพียงพอ เราจึงเชิญบัณฑิตมาสองสามคนเพื่อช่วยงาน ตอนนี้เราไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นเจ้าของลายมือเหล่านั้น!” กู้หนิงอันถอนหายใจ เสียงของเขาแหบเล็กน้อยเนื่องจากเหนื่อยล้าสะสมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่น้องชายที่บัดนี้ตัวสูงกว่า พลันหัวใจของนางก็เจ็บปวดขึ้นมา
เมื่อเรื่องกลายเป็นแบบนี้กู้เสี่ยวหวานจึงเริ่มคาดเดา “เจ้าคิดว่ามันเกิดความผิดพลาดจากฝ่ายไหนหรือ”
“ในเวลานั้น กรมคลัง ศาลาว่าการ และกองกำลังรักษาความสงบต่างก็ส่งคนมาลงทะเบียน แต่เนื่องจากกำลังคนไม่เพียงพอ เราจึงเลือกบัณฑิตมาสองสามคนเพื่อช่วยงาน ซึ่งเป็นการกรอกต่อหน้า หากกรอกข้อมูลผิดก็น่าจะผิดแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่รู้ว่าเหตุผลใดทำให้ทั้งสี่ฝ่ายกรอกข้อมูลไม่ตรงกันเลย!” กู้หนิงอันพยายามวิเคราะห์
นี่เป็นปัญหาที่ยากมาก เพราะข้อมูลของทั้งสี่ฝ่ายล้วนไม่ตรงกัน
“แปลว่าตอนนี้เจ้ากำลังตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งหรือ” กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่าย การเผชิญหน้ากับข้อมูลนับพัน หมายความว่าพวกเขาคงต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่อ่อนล้า แต่การใช้สายตาก็คงหนักมากเช่นกัน
“อื้ม!” กู้หนิงอันพยักหน้า และมองดูท่าทางที่เศร้าหมองของพี่สาว เขาปลอบโยนนาง “ท่านพี่ ไม่ต้องกังวล มันจะดีขึ้น!”
“เจ้าเคยคิดไหมว่าอาจมีคนจงใจให้เกิดความผิดพลาดขึ้น อีกอย่างไม่กี่วันมานี้เพิ่งมีคนมาบอกว่าข้อมูลทะเบียนบ้านผิด ทำไมถึงไม่มีใครเปิดโปงก่อน แต่รอจนฮ่องเต้ต้องการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนบ้าน แล้วเพิ่งมาร้องเรียน ถ้ารู้เร็วกว่านี้ย่อมมีเวลาแก้ไข แต่นี่ฮ่องเต้จะทำการตรวจสอบในอีกเจ็ดวันแล้ว เจ้าคิดว่าแก้ไขทันหรือ?”
กู้หนิงอันส่ายหัว “มันไม่มีทางอื่น บัณฑิตเหล่านั้นทำผิดพลาดและตอนนี้เราไม่กล้าเชิญพวกเขามาอีก เพราะเกรงว่าจะทำผิดพลาดซ้ำสอง”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกล่าวว่ามีใครบางคนเจตนาไม่ดี กู้หนิงอันก็ไม่มั่นใจ “ท่านพี่ เราสุ่มเลือกคนเหล่านี้ในโรงเรียน พวกเขาเป็นแค่นักเรียนธรรมดา พวกเขาจะมีความกล้าแบบนั้นหรือ พวกเขาจะกล้าต่อต้านราชสำนักหรือ การทำเช่นนั้นทำให้พวกเขามีมลทิน ซึ่งเป็นการตัดโอกาสในการเข้าสู่ราชการในอนาคตไม่ใช่หรือ” กู้หนิงอันถามด้วยความประหลาดใจ
“เช่นนั้นหรือ? เจ้าพอจะจำได้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร? พวกเขายอมรับความผิดหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานถามกลับ
กู้หนิงอันถูกอีกฝ่ายถาม เขาก็ตอบไม่ถูก “ไม่ยอมรับ”
กู้เสี่ยวหวานเอ่ยออกมา “หนิงอัน เจ้าไม่กล้าบอกเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ให้ข้ารู้ เป็นเพราะเจ้ากลัวว่าจะตกเป็นที่วิจารณ์ภายในกระทรวงใช่หรือไม่?”