ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2157 ตกที่นั่งลำบาก
บทที่ 2157 ตกที่นั่งลำบาก
กู้เสี่ยวหวานเป็นผู้เสนอความคิดนี้ให้กู้หนิงอัน และให้อีกฝ่ายเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ต่อ ในตอนนั้นกรมคลังต่างก็สนับสนุน เนื่องจากเห็นด้วยว่าหากนำนโยบายเรื่องทะเบียนบ้านไปใช้อย่างรอบด้าน จะช่วยลดคดีการค้ามนุษย์และจำนวนอาชญากรได้
กู้หนิงอันพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะเปลี่ยนกระแสน้ำ แต่ท้ายที่สุดเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ฮ่องเต้ต้องตื่นตระหนก ฮ่องเต้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกู้หนิงอัน ทว่าตอนนี้ดันเกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ ผู้ที่ต่อต้านในเวลานั้นน่าจะรอซ้ำเติมกู้หนิงอันอยู่
“เมื่อข้ากรอกข้อมูลเสร็จทุกอย่างก็จะเรียบร้อย” กู้หนิงอันกล่าวทั้งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
เขาไม่สามารถปิดบังอะไรจากพี่สาวได้จริง ๆ พี่สาวของเขามีสายตาที่เฉียบคมและสามารถอ่านสถานการณ์ออกได้ทันที แท้จริงแล้วทุกคนไม่ได้ทำงานล่วงเวลา มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำงานล่วงเวลา เนื่องจากมีคนมากมายในทางการรอดูความล้มเหลวของตน ฉะนั้นแล้วใครกันจะมาช่วยเหลือเขา?
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนั้นใครเป็นผู้ดำเนินการบันทึกข้อมูล” กู้เสี่ยวหวานถาม
“ข้ารู้ กรมคลังเป็นผู้บันทึก นอกจากนี้ยังมีบันทึกว่าแต่ละชุดลงทะเบียนที่ใดด้วย แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมาก แต่ข้ารู้ว่ามีห้าคนที่เข้าร่วมการลงทะเบียน” กู้หนิงอันไม่รู้ว่าพี่สาวของเขาถามเรื่องนี้ทำไม แต่ก็รีบตอบคำถามนาง
“เจ้านำรายชื่อทั้งห้าคนนั้นมา แล้วพรุ่งนี้ไปที่สำนักศึกษาเพื่อตามหาเด็กกลุ่มนี้กัน” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
“ตามหาคนเหล่านั้นหรือ ทำไมถึงต้องตามหาพวกเขาล่ะ ข้าเคยตามหามาก่อน แต่ทุกคนบอกว่าลายมือในทะเบียนไม่ใช่ของพวกเขา ยิ่งกว่านั้นลายมือบนสมุดนั้นเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนใส่ร้ายพวกเขา ตอนนี้ยังมีเวลาอีกเจ็ดวัน ตราบใดที่มีคนสารภาพผิด ก็จะได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที”
“อย่างไรก็ตาม หากเรากล่าวหาพวกเขา พวกเขาจะยอมรับหรือ” กู้หนิงอันสงสัย
“เจ้าไม่ต้องกังวล มีใต้เท้าหลินอยู่ เขาเป็นหัวหน้าสำนักฮั่นหลิน ข้าได้ยินมาว่าสำนักฮั่นหลินเพิ่งเปิดรับบันฑิต คนเหล่านี้เล่นไม่ซื่อ ข้าคิดว่าคงมีผู้บงการให้สัญญากับพวกเขาว่า หากพวกเขาช่วยเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนบ้านจะช่วยให้ได้เข้าศึกษาในสำนักฮั่นหลิน!” กู้เสี่ยวหวานเย้ยหยันในขณะที่นางคิดถึงข้อตกลงนี้
“ท่านพี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร… มีคนจ้างพวกเขาหรือ ใครเป็นคนจ้างพวกเขากัน แล้วเหตุใดถึงต้องการทำร้ายข้า” กู้หนิงอันไม่เข้าใจ “หรือว่าเป็นกู้จือเหวิน”
“เขาเคยคุยอะไรกับเจ้า” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว
“ครั้งหนึ่งเขาเคยถามข้าว่าสมุดทะเบียนบ้านนี้ต้องดำเนินการอย่างไร ข้าก็บอกไป ตอนนั้นข้าบอกว่ามีแผนจะไปจ้างบันฑิตมาช่วยงาน เขาก็รู้เรื่องด้วย ต่อมาเหมือนว่าเขาจะไปจัดการเรื่องนี้ ข้าได้เห็นสมุดลงทะเบียนของเขา ลายมือเรียบร้อย ข้อมูลถูกต้อง ไม่มีข้อผิดพลาด ดังนั้นข้าจึงไม่ได้คิดเอะใจอะไร” กู้หนิงอันขมวดคิ้ว เขาไม่ได้ตระหนักเรื่องความชั่วร้ายของกู้จือเหวิน
อย่างไรก็ตาม คนอย่างกู้จือเหวิน…
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ากู้จือเหวินเข้ามาในกรมคลังได้อย่างไร” กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าน้องชายของนางสามารถอ่านและตัดสินสถานการณ์ได้ แต่สำหรับเล่ห์กลเหล่านี้ เขายังเด็กเกินไป ทั้งประสบการณ์ในการทำงานก็น้อยมาก
“เขาเป็นคนของซื่อจื่อ ข้ารู้! ทุกคนในกรมคลังก็รู้เรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้ามาอย่างชอบธรรม แต่ทุกคนก็ยกยอเขามาก!” กู้หนิงอันกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่สื่อออกมาว่าเขาไม่ได้โง่
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะไปพร้อมกับน้องชาย “บ้านใหญ่ตระกูลกู้เกิดเรื่องแบบนั้น เจ้าคิดว่าซูหลินจะยังใช้งานเขาอยู่อีกหรือ”
“วันนี้เขาไม่ได้มาที่กรมคลัง จริง ๆ เขาไม่มาหลายวันแล้ว แต่ปกติเขาก็มักจะไม่มา ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีใครเป็นห่วงเขา”
“อย่าทำอะไรวู่วาม ตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้ให้แน่ชัดเถิด รอข้าไปหาใต้เท้าหลินก่อน ข้าจะมาคุยกับเจ้าอีกที” กู้เสี่ยวหวานมีความคิดอยู่ในใจแล้ว นางต้องการตรวจสอบบันฑิตเหล่านั้นและกู้จือเหวิน
กู้เสี่ยวหวานบอกให้กู้หนิงอันกลับไปพักผ่อน ในระหว่างที่เดินกลับไปที่ลานบ้าน นางก็เห็นอาจั่วกำลังกระวนกระวายเป็นมดบนกาน้ำร้อน
“คุณหนู ท่านไปที่ใดมาหรือ? ข้าตื่นขึ้นมาก็ไม่พบท่านแล้ว ข้าตกใจแทบแย่!” เมื่ออาจั่วเห็นกู้เสี่ยวหวานกลับมา นางก็แทบจะร้องไห้ด้วยความดีใจ
“ข้าแค่นอนไม่หลับ ข้าเลยออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพัก ไม่มีอะไรหรอก เจ้ามาช่วยหวีผมให้ข้าหน่อย เดี๋ยวข้าต้องออกไปข้างนอก” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างใจเย็น
อาจั่วพยักหน้า จากนั้นนางกับโค่วตันก็ช่วยหวีผมให้กู้เสี่ยวหวาน หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็ออกไป
รถม้าตรงไปที่จวนตระกูลหลิน
ตระกูลหลินเป็นตระกูลที่เก่งกาจมาหลายชั่วอายุคน แค่มองจากประตูใหญ่ก็สามารถเห็นความเข้มงวดและความสมบูรณ์ของตระกูลหลินได้อย่างชัดเจน
เมื่อคนเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นกู้เสี่ยวหวาน ก็รีบเชิญนางเข้าไปด้านใน จากนั้นก็ส่งคนไปรายงานใต้เท้าหลิน
พูดตามเหตุผลเมื่อผู้มาเยือนเป็นสตรี โดยทั่วไปแล้วก็มักจะมาเยี่ยมเยียนสตรีด้วยกัน แต่ทว่ากู้เสี่ยวหวานบอกว่าต้องการพบเจ้าสำนักหลิน ทันทีที่มาถึงจวนตระกูลหลิน นางก็แสดงท่าทีร้อนใจเหมือนมีเรื่องร้ายแรง
เหล่าคนรับใช้ตระกูลหลินรู้จักฐานะของสตรีผู้มาขอเข้าพบหัวหน้าสำนักดี จึงไม่มีผู้ใดกล้าละเลยนาง
พวกเขานำทางกู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องโถงด้านหน้าซึ่งมีภาพวาดทิวทัศน์สีดำแขวนอยู่เหนือห้องโถง โต๊ะและเก้าอี้เท้าแขนสองตัววางอยู่ใต้ภาพ ถัดจากเก้าอี้เท้าแขนไม้สัก มีโต๊ะตัวสูงวางอยู่ข้าง ๆ กัน โดยที่ด้านบนมีกระถางต้นสนเขียวชอุ่มสองต้น และตำแหน่งถัดไปก็ยังมีเก้าอี้เท้าแขนไม้สักอีกด้านละหกตัว
ในห้องโถงแห่งนี้ มีตู้สำหรับจัดเก็บของสะสมที่มีมูลค่าต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินไห่เทียนที่แต่งกายเรียบร้อยก็มาถึงพร้อมกับหลินจิ้งหรู
กู้เสี่ยวหวานรีบลุกขึ้นและโค้งคำนับใต้เท้าหลินด้วยความเคารพ “เสี่ยวหวานทำความเคารพใต้เท้าหลิน!”
“องค์หญิงอันผิง เหตุใดท่านถึงมาที่นี่หรือ” หลินไห่เทียนถามอย่างใจเย็น เขาคิดเสมอว่าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก แม้ว่านางจะมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย แต่นางก็มีความสามารถในการถีบตัวเองและมีประสบการณ์มากมาย
จากนั้นเขาก็กังวลเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวานมากมาตลอด เพราะในตอนที่กู้เสี่ยวหวานถูกคุมขัง ใต้เท้าหลินก็เดินทางไปยังศาลาว่าการเพื่อช่วยเหลือนาง
หลินจิ้งหรูประหลาดใจมากเช่นกันเมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมาที่นี่ หลังจากเชิญอีกฝ่ายนั่งลง นางก็เล่าทุกอย่างที่รู้มาเมื่อเช้านี้ให้ใต้เท้าหลินฟังทันที
เมื่อหลินไห่เทียนได้ยิน สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป “เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร การมีทะเบียนบ้านเป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน ฮ่องเต้ก็คาดหวังต่อการดำเนินการตามแนวคิดนี้อย่างมาก แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องขึ้น เราต้องช่วยกันหาสาเหตุและวิธีแก้ หากเกิดความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรกในการดำเนินการเรื่องทะเบียนบ้าน สิ่งที่เราพยายามมาทั้งหมดจะสูญเปล่า!”