ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2158 ข้าต้องการดูใบรายชื่อ
บทที่ 2158 ข้าต้องการดูใบรายชื่อ
กู้เสี่ยวหวานกล่าวต่อ “หลังจากหนิงอันคุยกับข้าแล้ว เขาเกิดความคิดที่จะลงทะเบียนข้อมูลให้กับประชาชนทุกพื้นที่ และทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชน!”
“เรื่องนี้ข้าทราบดี ฮ่องเต้ได้ยกย่องการกระทำที่เป็นประโยชน์นี้ในท้องพระโรง! แนวทางดังกล่าวคือการรับใช้ประชาชนด้วยหัวใจของเขาอย่างแท้จริง!” หลินไห่เทียนพยักหน้า
“วันนี้ข้าได้ยินจากหนิงอันว่ามีคนในกรมคลังต่อต้านอย่างรุนแรงและไม่ให้ความร่วมมือ แต่ทว่าฮ่องเต้ทรงเห็นด้วย ดังนั้นมันจึงดำเนินต่อไป!” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยทุกเรื่องที่รู้ออกมา “ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังขอให้บัณฑิตห้าคนช่วยลงทะเบียน เรื่องนี้ถูกดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็ดันเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในขั้นตอนของทะเบียนบ้านแบบพกพา!”
“ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาเช่นเดียวกัน ข้าได้ยินมาว่าไม่มีใครในกรมคลังเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว พวกเขาทั้งหมดมองดูด้วยสายตาเย็นชา นายน้อยกู้เป็นผู้ลงทะเบียนบ้านทั้งตอนกลางวันและแก้ไขในตอนกลางคืนแต่เพียงผู้เดียว” หลินไห่เทียนพูดพร้อมกับถอนหายใจ หลินจิ้งหรูที่มาด้วย เมื่อได้ยินก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ใต้เท้าหลินพร้อมกับขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
“เหลือเวลาอีกเพียงเจ็ดวันก่อนที่ฮ่องเต้จะตรวจสอบทะเบียนบ้าน ทว่าขณะนี้เขาเพียรพยายามอยู่เพียงผู้เดียว เขาไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลของครัวเรือนนับพันได้หรอก และหากทำการแก้ไขไม่เสร็จสิ้น เอกสารที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ จะทำให้ชีวิตของเขาพัง!” กู้เสี่ยวหวานคร่ำครวญ สิ่งแรกที่ฮ่องเต้สั่งให้ทำกลับเป็นเช่นนี้
ผู้อยู่เบื้องหลังช่างเหี้ยมโหดยิ่งนัก!
หลินจิ้งหรูได้ยินและลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “องค์หญิงให้ข้าช่วยได้หรือไม่ แม้ว่าข้าจะทำอะไรได้ไม่มาก แต่ข้าสามารถเขียนและบันทึกข้อมูลทะเบียนบ้านได้ ถึงจะมีคนช่วยเพิ่มขึ้นหนึ่งคนก็ดีกว่าทำทุกอย่างแค่คนเดียว”
เมื่อเห็นหลินจิ้งหรูยื่นมือมาช่วยเหลือ กู้เสี่ยวหวานยิ้มอย่างขอบคุณนาง “ขอบคุณคุณหนูหลิน แต่หากเราไม่พบว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แม้ว่าเราจะตรวจสอบอีกครั้งมันก็คงจะมีคนเล่นตุกติกอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเราจะเพิ่มคนมาช่วยอีกสิบคน แต่เวลาเพียงแค่เจ็ดวันก็ยุ่งเกินไปที่จะตรวจสอบข้อมูลในทะเบียนบ้านพกพาอีกครั้ง!”
น้ำเสียงของกู้เสี่ยวหวานสั่นเครือรู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูก ใต้เท้าหลินครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “องค์หญิงอันผิง มีคนคิดใส่ร้ายนายน้อยกู้หรือ?”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ ก็หันขวับไปมองใต้เท้าหลินจากนั้นก็คุกเข่าลง เสียงดังจนหลินไห่เทียนตกใจและรีบวิ่งไปประคองกู้เสี่ยวหวานขึ้น “องค์หญิงอันผิง เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้”
“ใต้เท้าหลิน เสี่ยวหวานเพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อเช้านี้ ข้านอนไม่หลับจึงออกไปรับลมที่ลานหน้าบ้าน และได้เห็นหนิงอันที่อดหลับอดนอนทั้งคืนเพื่อทำงาน เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้านในตอนรุ่งสาง ในฐานะพี่สาวข้าเป็นห่วงเขา เขาทำงานหนัก และยังถูกใส่ร้ายเช่นนี้อีก เป็นไปได้มากที่เรื่องนี้จะส่งผลกระทบอย่างต่ออาชีพการงานของเขาในอนาคต ข้าไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้ ข้ามาหาใต้เท้าหลินวันนี้เพราะข้าต้องการให้ใต้เท้าหลินช่วยน้องชายของเสี่ยวหวานด้วย!” กู้เสี่ยวหวานคุกเข่าลงและขอร้องใต้เท้าหลิน
หลินไห่เทียนลังเลเล็กน้อย หลินจิ้งหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็คุกเข่าลงโดยไม่คิด “ท่านปู่ ท่านสามารถช่วยนายน้อยกู้ได้ จิ้งหรูยังเชื่อว่า นายน้อยกู้มีความสามารถในการจัดการสิ่งต่าง ๆ หากท่านไม่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องนี้ คงต้องสูญเสียคนเก่ง ๆ ไป หากเป็นเช่นนั้นท่านปู่คงเสียใจเหมือนกันใช่หรือไม่?”
ความลังเลใจของหลินไห่เทียนในตอนนี้เป็นเพราะเขาลังเลว่าเหตุใดกู้เสี่ยวหวานจึงเลือกที่จะมาหาเขา จึงรีบพูดว่า “องค์หญิงอันผิงลุกขึ้นเถิด ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อน้องชายอันเป็นที่รัก ไม่ต้องกังวล หากมีปัญหาใด ๆ บอกข้าได้เลย ถ้าสามารถช่วยได้ แน่นอนว่าข้าจะช่วย แต่ที่ท่านมาหาข้า ท่านอยากให้ข้าช่วยท่านอย่างไรหรือ”
“ใต้เท้าหลิน ข้าต้องการดูรายชื่อบัณฑิตที่จะเข้าสำนักฮั่นหลิน!” กู้เสี่ยวหวานยืนขึ้นด้วยสายตาที่แน่วแน่และพูดอย่างหนักแน่น
ในขณะนั้นเอง หลินไห่เทียนก็พอที่จะเดาอะไรบางอย่างออก
……
กู้ฉวนลู่นั่งฮัมเพลงเบา ๆ และนั่งไขว่ห้างสบาย ๆ อยู่ในห้องซึ่งบนโต๊ะล้อมรอบด้วยเหล้าชั้นดีและอาหารเลิศรส เขาดูมีความสุขกับชีวิตมาก
วันนั้นเถ้าแก่บอกว่าจะพาไปหาซื่อจื่อ เขาก็ถามไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นอีกทีก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงที่บ้านแล้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกประหลาดเกิดขึ้น แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไรก็นึกไม่ออก
แต่หลังจากวันนั้น เมื่อสาวใช้และคนรับใช้เหล่านั้นเห็นเขา ท่าทีของพวกนางก็ดีขึ้นมาก ตอนนี้ใคร ๆ ก็เรียกเขาอย่างให้เกียรติว่านายท่าน เมื่อเขาบอกว่าเขาอยากได้เหล้าและอาหารดี ๆ คนพวกนั้นก็ยังรีบจัดหามาให้เขา
ในขณะที่เขากำลังฮัมเพลงอย่างมีความสุขอยู่ในห้อง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างนอก “นายท่าน แม่นางเจียวเอ๋อร์มาขอพบ!”
“เชิญนางเข้ามา!” ทันทีที่ผู้มั่งคั่งอย่างกู้จือเหวินลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาก็จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พลางจัดข้าวของบนโต๊ะ จากนั้นก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของแม่นางเจียวเอ๋อร์ “เหวินหลาง…”
กู้จือเหวินเปิดประตูและคว้าร่างบอบบางของหญิงสาวเข้ามากอด “เจ้ามาแล้วหรือ เจ้าคงคิดถึงข้ามาก! ทำไมช่วงนี้เจ้าไม่มาหาข้าเลย”
“เหวินหลาง ข้าจะแสดงสิ่งดีดีให้เจ้าเห็น!” เจียวเอ๋อร์ยิ้มอย่างมีเลศนัย และหยิบบางอย่างออกมาจากอกเสื้อ
กู้จือเหวินรู้สึกตื่นเต้น และเมื่อเขาเห็นว่าเจียวเอ๋อร์กำลังถืออะไรอยู่เขาก็มีความสุขมาก
มันเป็นตั๋วแลกเงินจำนวนสามร้อยตำลึงและปิ่นปักผมทองคำบริสุทธิ์หนึ่งอัน เมื่อมองจากความประณีตของมันแล้ว ต้องมีราคาอย่างน้อยหนึ่งร้อยตำลึงเงิน
“ข้าได้รับมาจากแขกคนใหม่ของข้า แขกคนนั้นใช้เงินไปมาก ทั้งหมดนี้มีมูลค่าเกือบสี่ร้อยตำลึงเงิน เหวินหลางได้โปรดเก็บมันไว้เมื่อรวมเข้ากับครั้งที่แล้วน่าจะถึงหนึ่งพันเก้าร้อยตำลึงเงินแล้ว ตอนนี้ยังขาดอีกหนึ่งพันหกร้อยตำลึงเงิน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะรวบรวมได้ครบเสียที!” เจียวเอ๋อร์รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จากนั้นเอ่ยออกมาเสียงเบา
กู้จือเหวินทิ้งสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ลังเล พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อระงับความสุขที่พลุ่งพล่านในใจ และกล่าวปลอบโยน “ไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้ามีแขกที่ร่ำรวยกว่านี้สักสองสามคน เจ้าก็จะเก็บเงินได้อย่างรวดเร็ว อีกอย่างเจ้าก็ยังมีข้า!”
“ก็เพราะท่านนั่นแหละ เมื่อข้าเห็นแขกพวกนั้น ข้า… ข้าก็…” เจียวเอ๋อร์พูดทั้งน้ำตา “เจ้ารู้ไหม เมื่อข้าเห็นคนเหล่านั้น ข้าก็ได้แต่คิดมากเรื่องของท่าน ข้าคิดว่าทำไมสวรรค์ใจร้ายกับข้า ให้ข้าพบท่าน แต่ไม่ให้ข้าอยู่กับท่าน ข้าเกลียด ข้าเกลียด!”
ร่องรอยของความขยะแขยงปรากฏขึ้นในดวงตาของกู้จือเหวินแต่เขาก็พยายามกดมันเอาไว้ และเช็ดน้ำตาบนแก้มของนางเบา ๆ และพูดอย่างรักใคร่ “เจียวเอ๋อร์ อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน!”