ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2162 บทเรียนจากคนรุ่นก่อน
บทที่ 2162 บทเรียนจากคนรุ่นก่อน
กู้เสี่ยวหวานไม่อาจรอได้อีกต่อไป หญิงสาวตรงไปยังจวนตระกูลหลินและรายงานทุกอย่างให้เขาฟัง หลินไห่เทียนได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน เรื่องนี้พวกเขาจะปล่อยให้ล่าช้าอีกไม่ได้ และเรื่องใหญ่ที่กุ้ยชุนเจียวรายงายมาก็เกิดขึ้นในสามวันต่อมา!
เนื่องจากนโยบายลงทะเบียน ทำให้มีข้อมูลลงทะเบียนผิดพลาดจึงเกิดเหตุประท้วงครั้งใหญ่
ประชาชนราวสองร้อยคนถือสมุดทะเบียนบ้านรวมตัวกันหน้ากรมคลังและกล่าวว่าเพราะเหตุการณ์นี้ทำให้การเดินทางของพวกเขาล่าช้า จึงทำให้ธุระของเขาเกิดความล่าช้า หมอก็ไปรักษาผู้ป่วยนอกเมืองไม่ได้ ทำให้ผู้ป่วยตกอยู่ในอันตราย การที่เดินทางออกจากเมืองไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายครั้งใหญ่
“ข้าทำข้อตกลงกับลูกค้าแล้ว ข้าจะออกไปนอกเมืองเพื่อคุยธุระกับเขาไม่กี่วันนี้ แต่ตอนนี้เจ้าบอกว่าข้อมูลของข้าผิดพลาดและจะไม่ปล่อยให้ข้าออกไปนอกเมือง แล้วกิจการข้าจะทำอย่างไร ถ้าข้าเดินทางไปล่าช้ามันจะทำให้ข้าเสียหายหลายพันตำลึงเงิน เจ้าช่วยข้ารับผิดชอบไหวหรือไม่?”
“ฮึกฮึก ท่านแม่ของข้าป่วยหนักและข้าต้องการกลับไปดูใจนางเป็นครั้งสุดท้าย แต่เจ้าบอกว่าข้อมูลของข้าผิดและไม่ยอมให้ข้าออกจากเมือง ฮือ ท่านแม่ของข้ากำลังจะตาย เจ้าจะทำให้ข้าล่าช้าไม่ได้!”
“คนไข้ของข้ากำลังรออยู่นอกเมือง มีเพียงแค่ข้าที่รู้อาการป่วยของนาง ข้าดูแลเรื่องการรักษาและการจ่ายยา แต่เจ้ากลับไม่ให้ข้าออกจากเมือง ถ้ามีอะไรผิดพลาดจะทำให้คนไข้คนนั้นมีอันตรายถึงชีวิต”
มีคนมารวมตัวกันหน้ากรมคลังมากถึงสองร้อยคน มีผู้คนหลายช่วงอายุมารวมตัวกันที่นี่
กู้หนิงอันกำลังลงทะเบียนข้อมูลอย่างระมัดระวัง จึงไม่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายข้างนอก เซี่ยงฉีเซวียนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน และเห็นว่ากู้หนิงอันยังคงมีท่าทางนิ่งสงบ ดังนั้นเขาจึงโกรธมากและกระชากพู่กันจากมือกู้หนิงอัน
“เจ้ายังมีอารมณ์มานั่งทำงานอยู่อีกเรอะ! เหตุใดยังไม่รีบออกไปดูความวุ่นวายข้างนอกอีก ข้างนอกวุ่นวายจะตายอยู่แล้ว!”
กู้หนิงอันได้ยินเช่นนั้นพลันเงยหน้าขึ้นเชื่องช้า “ใต้เท้าเซี่ยง ท่านกำลังพูดถึงอะไร? เกิดอะไรขึ้นข้างนอกหรือ?”
“ว่าอย่างไรนะ? หึ มันก็เป็นเพราะความคิดอันห่วยแตกของเจ้าอย่างไรล่ะ ตอนนี้ชาวบ้านมารวมตัวกันประท้วงเรื่องการลงทะเบียนอยู่ด้านนอก ทะเบียนบ้านในมือของพวกเขานั้นไร้ประโยชน์ พวกเขากำลังถูกจำกัดไม่ให้ออกจากเมือง เจ้าไปดูเอาเองแล้วกันว่าตอนนี้ข้างนอกเป็นอย่างไร”
เซี่ยงฉีเซวียนเคยคิดว่าจอหงวนคนนี้มีสมองอันเฉลียวฉลาด แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาก็เป็นเพียงคนโง่คนหนึ่ง หลังจากทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เขายังมีกะจิตกะใจทำงานด้วยความสบายใจ!
เซี่ยงฉีเซวียนกระชากอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยความโกรธว่า “มีคนมากกว่าสองร้อยคนกำลังรอคำอธิบาย เจ้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้คนเดียว ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องออกไปอธิบายให้ชัดเจน”
เมื่อกู้หนิงอันได้ยินว่ามีคนมากกว่าสองร้อยคนออกมาประท้วง เขาเองก็ตกใจเป็นอย่างมาก
เขาสะบัดมือของเซี่ยงฉีเซวียนออกอย่างแรงและรีบวิ่งออกไปด้านนอก เมื่อเห็นความเร็วของการวิ่งของอีกฝ่ายแล้ว เซี่ยงฉีเซวียนก็กลัวว่าเขาจะหนีไป ดังนั้นจึงตะโกนไล่หลังไป “ใครก็ได้ จับเขาที กู้จู่ซื่อหนีไปแล้ว!”
กู้หนิงอันไม่สนใจเขาและรีบไปที่ประตู
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันวิ่งมาด้วยความเร็ว ทหารยามหน้าประตูไม่ได้เอ่ยอะไรและเปิดประตูออกกว้างพอให้คนคนหนึ่งออกไป กู้หนิงอันแทบจะถูกผลักออกมา
เมื่อเห็นว่ากู้หนิงอันไม่ได้คิดหลบหนี เซี่ยงฉีเซวียนก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะมองดูประตูที่ถูกปิดอย่างรวดเร็วและพึมพำ “มาดูกันว่าเจ้าจะอธิบายเรื่องนี้กับประชาชนอย่างไร!” หลังจากพูดจบก็เอามือไพล่หลังและเดินจากไป
ทันทีที่กู้หนิงอันหยุดเดิน ก็พบว่าด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บนใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และเมื่อเห็นว่าใครบางคนออกมาก็ตะโกนขึ้น “เป็นเขา เป็นเขาที่มารับลงทะเบียนกับเรา!”
“ใช่แล้ว! เขาเอาคนมารับลงทะเบียนกับเราในตอนนั้น! ในที่สุดก็กล้าโผล่หน้าออกมาสักที ตอนนี้ข้าเสียหายหนักมาก เจ้าจะชดเชยให้ข้าอย่างไร!” ชายคนหนึ่งที่ดูแล้วเป็นเหมือนพ่อค้าตะโกนขึ้น
“ท่านแม่ของข้ากำลังจะตาย ข้าอยากไปดูใจนาง ได้โปรด ปล่อยข้าออกไป ฮือฮือ…”
ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบเกือบเป็นลมล้มพับเพราะร้องไห้อย่างหนัก ส่วนอีกคนก็ถอนหายใจ
“ข้าเป็นหมอและมีคนไข้รออยู่นอกเมือง หากข้าไม่ไปนางก็จะไม่รอด นั่นเป็นชีวิตชีวิตหนึ่ง พวกเจ้าไม่สามารถเพิกเฉยได้!”
เมื่อมีคนเริ่มผู้คนอีกเกือบสองร้อยกว่าคนด้านหลังก็เริ่มตะโกนเสียงดังและด่าทอกู้หนิงอัน
“เรื่องนี้เป็นเพราะเจ้าทั้งหมด ทะเบียนบ้านอะไรกันช่างวุ่นวายจริง ๆ และตอนนี้เราถูกจำกัดไม่ให้ออกจากเมือง ใครจะชดเชยความสูญเสียของเรากัน!”
“ใช่แล้ว เจ้าเป็นใคร! เจ้าพูดได้หรือไม่! ถ้าพูดไม่ได้ก็ไปเรียกคนที่ตัดสินใจได้มา!”
ผู้คนกว่าสองร้อยคนโห่ร้องดังสนั่นหวั่นไหว การประท้วงครั้งใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นที่นี่ ใช้เวลาไม่นานทั่วทั้งเมืองหลวงก็รู้เรื่องนี้ และในไม่ช้ากู้เสี่ยวหวานก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน เมื่อได้ยินว่ามีคนมากกว่าสองร้อยคนมารวมตัวกันที่กรมคลังเพื่อขอคำอธิบาย นางก็เข้าใจทันทีว่าซูหลินกำลังต้องการทำอะไร
คนที่ทะเบียนบ้านผิดพลาดรวมตัวกันไปที่กรมคลังเพื่อขอคำอธิบาย
เมื่อโค่วตันได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าก็ซีดเซียวลงด้วยความตกใจ และได้ยกตัวอย่างของเจ้าหน้าที่คนก่อนซึ่งกระตุ้นความโกรธของผู้คนเช่นกัน
“เมื่อสิบปีก่อน ขุนนางในเมืองหลวงก็ออกนโยบายใหม่โดยบอกว่าจะเป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรและประชาชน ขณะนั้นฮ่องเต้ได้อนุญาตให้นำนโยบายนี้ออกไปปฏิบัติงาน ช่วงแรก ๆ ก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่ใครจะรู้ว่ามันจะไปกระตุ้นความโกรธของประชาชน ทำให้ผู้คนมารวมตัวกันประท้วง ผู้คนโกรธมากและเริ่มเข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการต่อสู้ขึ้นและหลายคนก็เสียชีวิต เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ก็กริ้วมากและทรงขับไล่ขุนนางคนนั้นออกไปทันที และรู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้จะต้องถูกเกลียดชังจากประชาชน แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะโกธรมากถึงเพียงนี้ คนเหล่านั้นรวบรวมคนมามากขึ้น และสมาชิกในครอบครัวของผู้ตายก็ไปที่ศาลาว่าการทุกวัน และส่งเสียงเรียกร้องความยุติธรรม ต่อมาขุนนางคนนั้นโดนโทษประหาร คนพวกนั้นจึงเลิกประท้วง! เรื่องก็เงียบไปทั้งอย่างนี้ ช่างน่าสลดใจเหลือเกิน!”