ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2167 แผนการล้มเหลว
บทที่ 2167 แผนการล้มเหลว
“เขาคงจะอายุมากแล้วสินะ แม้แต่เสียงของภรรยาตัวเองก็จำไม่ได้ อายุห้าสิบกว่าปี แต่เสียงฟังดูเหมือนสาววัยยี่สิบ!” เวลานั้นคนทันเหตุการณ์ทั้งหมดก็เอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว ใครกันที่โกหก? เขากำลังรอฟังประโยคนี้เพื่อฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือ?”
ชาวบ้านสองคนที่ไม่รู้ปรากฏตัวมาตอนไหนเบียดเสียดฝูงชนเข้ามา พวกเขาชี้ไปยังคนที่ต้องการตายและตั้งคำถามกับเขา
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น ผู้คนต่างมองไปที่ชายคนนั้นด้วยสายตาแปลกประหลาด ใบหน้าของชายคนนั้นเริ่มเหยเกไม่น่ามอง จึงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้และพูดว่า “บางทีข้าอาจจะประหม่าเกินไปเลยฟังไม่ออก!”
กู้หนิงอันมองคนผู้นั้นอย่างสงสัย จากนั้นมองไปที่ชาวบ้านสองคนที่เพิ่งเบียดเข้ามาจากด้านหลัง
พวกเขายังพูดต่อไปว่า “ดูสิแม้ว่าจะส่งเจ้าหน้าที่มา แต่นอกจากโล่แล้วพวกเขาก็ไม่ได้พกอาวุธใดอีก พวกเขาไม่ต้องการทำร้ายเรา! พวกเรามาคุยกันด้วยเหตุผลเถอะ จะทำให้เรื่องมันใหญ่โตขึ้นมาไปเพื่ออะไร? ท้ายที่สุดแล้วเราก็ต้องการแก้ไขปัญหานี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
“ถูกต้อง ถูกต้อง ตราบใดเรื่องนี้คลี่คลายลง พวกเราคนธรรมดาจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นได้อย่างไร เรามีชีวิตที่ดีก็ถือเป็นพรที่เจ้าหน้าที่มอบให้ พวกเราจะไปสร้างความยุ่งยากให้เขาทำไม!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
แม้ว่าเสียงของสองคนนี้จะไม่ดังนัก แต่เนื่องจากเสียงรอบข้างนั้นเงียบสนิททุกคนจึงได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน เมื่อได้ยินดังนั้นชาวบ้านก็เริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้งราวกับเห็นพ้องต้องกันในสิ่งที่ทั้งสองพูด
เมื่อกู้หนิงอันได้ยินสิ่งนี้ จู่ ๆ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาชำเลืองมองคนสองคนนั้นท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นเงยหน้ามองหน้าต่างที่ปิดอยู่ของอาคารฝั่งตรงข้าม หัวใจพลันเต้นระรัวขึ้นมา
เขาเดินไปหยุดข้างซูเผยอันและเอ่ยบางอย่าง ตอนแรกซูเผยอันรู้สึกประหลาดใจจากนั้นก็ค่อย ๆ พยักหน้าตกลง
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกัน ซูเผยอันก็ยืนขึ้นและพูดเสียงดัง “ทุกคน อย่างเพิ่งใจร้อนกันไป หากใครต้องการออกไปนอกเมืองตอนนี้ เราจะทำหนังสือผ่านทางชั่วคราวให้ ตราบใดที่มีหนังสือผ่านทางเล่มนี้ทุกคนจะสามารถเข้าและออกประตูเมืองได้ตามปกติ แต่หลังจัดการเรื่องทะเบียนบ้านอย่างเป็นทางการแล้ว หนังสือผ่านทางนั้นจะถือเป็นโมฆะ ทุกท่านว่าดีหรือไม่?”
กู้หนิงอันเสนอความคิดนี้และซูเผยอันเห็นด้วยกับเขาว่าเป็นวิธีที่ดี ตอนนี้ชาวบ้านเหล่านี้มารวมตัวกันที่นี่และส่งเสียงโห่ร้องเพื่อออกจากเมือง
สมุดทะเบียนบ้านต้องใช้เวลาตรวจสอบสักระยะหนึ่ง ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีที่ดีที่จะใช้หนังสือผ่านทางชั่วคราวเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของคนเหล่านี้และรอจนกว่าจะมีการตรวจสอบเสร็จ
เมื่อเผชิญเรื่องปัญหา เราไม่อาจตื่นตระหนก ซูเผยอันรู้สึกว่าแม้เขาจะอายุน้อย หากแต่เขาก็มีแผนการในการจัดการของตนเอง เมื่อเขาอายุมากขึ้นเขาจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างแน่นอน!
แน่นอนว่าทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินคนที่ล้อมรอบเขาตะโกนว่า “ตกลง ตกลง ตราบใดที่มันทำให้เราออกจากเมืองได้ก็เพียงพอ!”
การต่อสู้ที่ควรจะเกิดขึ้นจบลงในพริบตา
ผู้นำชุมนุมสองคนไม่พูดอะไรและลอบมองหน้ากัน ชาวบ้านที่พวกเขานำมาล้วนเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาจะไม่เห็นด้วยเด็ดขาด หลังจากความพยายามอย่างหนักเพื่อรวบรวมผู้คนมากมาย พวกเขาจะยอมง่าย ๆ แบบนี้ได้อย่างไร เมื่อมองไปที่ผู้คนที่กำลังทยอยกลับบ้านใครบ้านมัน การที่พวกเขาจะอยู่ต่อคงจะไม่มีประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนที่หนีไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่พวกเขาหมุนกายเตรียมจากไป ร่างกายสูงใหญ่กำยำของคนผู้หนึ่งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก “หลังจากแสดงจบแล้วก็จะจากไปง่าย ๆ เช่นนี้หรือ พวกเจ้าคงยังไม่ได้รับค่าจ้างสินะ?”
……
เวลานี้ภายในห้องรับรองนั้นเงียบสงบ พวกเราสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ผ่านหน้าต่างที่แง้มไว้เล็กน้อย เมื่อเห็นผู้คนมากกว่าสองร้อยคนจากไปอย่างมีความสุข ซูหลินก็ปาถ้วยลงพื้นด้วยความโกรธ
“ผู้ใดพาคนพวกนั้นมา เราหาคนมาดีแล้วไม่ใช่หรือไร? คนผู้นั้นไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
“ข้าน้อย ข้าน้อยให้เงินหญิงคนนี้ออกไป ข้าเฝ้าดูนางอยู่ตลอด แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรถึงได้…”
คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“ไม่รู้งั้นเรอะ!?” ดวงตาของซูหลินเบิกกว้าง
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมาดร้าย ก่อนจะเตะลูกน้องคนนั้นของตนกระเด็นออกไปไกล “ไร้ประโยชน์ เจ้าไม่สามารถทำเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้สำเร็จได้ด้วยซ้ำ ข้าจะต้องการพวกไร้ประโยชน์อย่างเจ้าไปเพื่ออะไร?”
ชายคนนั้นถูกซูหลินเตะกระเด็นไปไกลจนกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย เวลานี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรทั้งนั้น จึงได้แต่ตะเกียกตะกายขึ้นมาคุกเข่าด้วยร่างกายอันสั่นเทา “ซื่อจื่อ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าน้อย แต่คนผู้นั้นรวดเร็วยิ่งนัก ข้าน้อยไม่ได้สังเกตเห็นตอนพวกนางสลับตัวกันจริง ๆ!”
สายตาของเขาไม่ได้ละสายตาจากหญิงชราคนนั้นเลย ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงกลายมาเป็นหญิงสาวคนนี้ได้ ยิ่งกว่านั้นหญิงชราคนนั้นก็หายไปในพริบตา และเขาก็ไม่รู้ว่านางหายไปไหน!
ความจริงแล้วถ้าเขาไม่อธิบายเรื่องนี้ก็คงจบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่เมื่อฟังจบความโกรธของซูหลินพลันพุ่งทะยานขึ้นสูงราวกับไฟที่ถูกราดด้วยน้ำมัน “พวกไร้ประโยชน์ พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์ ข้าจะต้องการขยะแบบพวกเจ้าไปเพื่ออะไร?”
บรรยากาศเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนถูกผลักตกลงไปในธารน้ำแข็ง เขาเดินไปหาลูกน้องคนนั้นทีละก้าวช้า ๆ แม้แต่ซ่งซิ่งที่มักจะอ้อนวอนให้คนอื่นในตอนนี้ก็ยังไม่กล้าพูด
คนผู้นี้ไม่รอดแน่!
แน่นอนว่าซูหลินชักดาบออกจากฝักและแทงไปที่ชายคนนั้นอย่างไม่ลังเล รูม่านตาของชายคนนั้นเบิกกว้าง และมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ ดาบเล่มยาวแทงทะลุคอ เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็น เขามองผู้เป็นนายด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะหมดลมหายใจลงช้า ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังจึงรีบหามศพของคนผู้นั้นจากไปอย่างรวดเร็ว
อารมณ์คุกรุ่นของซูหลินยังไม่ลดลง เขาขมวดคิ้วแน่นเดินวนไปมาอยู่ในนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะทำให้ตัวเองเดือนร้อน
จ้าวซิ่งไม่มีทางเลือก เขาเป็นที่ปรึกษาของซื่อจื่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ซื่อจื่อ คนของซูหมางนำหน้าเราไปหนึ่งก้าว ตอนพวกเรามาถึงพวกเขาก็อยู่ที่นี่แล้ว ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่ได้นำอาวุธใด ๆ มาเลยมีแต่โล่ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยคิดที่จะทำร้ายประชาชน!”