ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2168 ยังมีอีกวิธี
บทที่ 2168 ยังมีอีกวิธี
เดิมมีคนจำนวนมากกว่าสองร้อยคนมารวมตัวกัน ตราบเท่าที่เจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ด้วยอาวุธและมีคนเกิดทำร้ายตัวเอง นั่นจะเป็นการจะสร้างความโกรธให้ชาวบ้าน
เมื่อผู้คนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ติดอาวุธครบมือ ผู้คนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ เรื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนอย่างคนแซ่จาง คนแซ่จางผู้นั้นโดนโทษประหารชีวิตและถูกตัดศีรษะต่อหน้าธารกำนัล หากเรื่องนี้ไปถึงจุดนั้นกู้หนิงอันก็คงจะรับมือไม่ไหว
“หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่คนของพวกเรา เห็นได้ชัดว่าคนของเราถูกสับเปลี่ยนตัว เช่นนี้นางจะเปิดปากเรื่องแผนการของเราหรือไม่ ซื่อจื่อท่านอย่าโกรธไปเลย ตอนนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำให้สำเร็จ!” เมื่อเห็นความโกรธของซูหลิน จ้าวซิ่งก็รีบเกลี้ยกล่อมเขา
ความโกรธของซูหลินลดเล็กน้อยภายใต้การเกลี้ยกล่อมของจ้าวซิง หากแต่ยังไม่ยอมอ่อนข้อ “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมถึงแตะต้องกู้เสี่ยวหวานคนนั้นและน้องชายของนางไม่ได้ ข้าไม่เข้าใจเลย ตอนนี้เมืองหลวงทั้งหมดคือพื้นที่ของตระกูลกู้หรือพื้นที่ของตระกูลซูกันแน่? เหตุใดตระกู้จึงจัดการได้ยากเช่นนี้”
ใบหน้าของซูหลินเดือดดาล จ้าวซิ่งจึงรีบพูดว่า “ซื่อจื่อไม่ต้องกังวล แน่นอนว่าที่นี่เป็นของตระกูลซู!”
“ของตระกูลซูงั้นเรอะ! แล้วทำไมข้าถึงจัดการกับชาวนาต่ำต้อยนั้นไม่ได้!” ซูหลินเย้ยหยัน “ไม่ให้ข้ากังวลหรือ เจ้าจะไม่ให้ข้ากังวลได้อย่างไร คนของเราถูกจับไปแล้ว แผนการของเราพังหมดแล้ว!”
“ซื่อจื่อ โปรดอย่าลืม เรายังมีอีกวิธี จับคนพวกนั้นได้แล้วอย่างไร คนพวกนั้นไม่รู้อะไรเลย พวกเขารู้แค่ว่ากำลังแสวงหาผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตราบใดที่พวกเขาปฏิเสธแล้วบอกว่าแค่ต้องการสมุดทะเบียนบ้านสำหรับเดินทางออกนอกเมือง พวกเขาจะทำอะไรได้? อีกไม่กี่วันจะมีการยื่นเอกสารทะเบียนบ้านและมันคงจะมีข้อผิดพลาดมากมาย เมื่อถึงเวลานั้นมาดูว่าพวกเขาจะอธิบายกับฮ่องเต้อย่างไร เมื่อนั้นท่านกับท่านหมิงอ๋องต้องกล่าวถึงเขา หากเอาชีวิตเขาไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาหลุดจากตำแหน่ง เมื่อเขากลายเป็นเพียงคนธรรมดา การตายของเขาก็จะขึ้นอยู่ที่ซื่อจื่อแล้ว!”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้ซูหลินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หากแต่สีหน้ากลับดูดีขึ้นมาก
“ใช่แล้ว ตราบใดที่ข้อมูลในทะเบียนบ้านไม่ถูกต้อง ถึงเวลานั้นเขาจะอธิบายกับฮ่องเต้อย่างไร ถึงเวลานั้นข้าใส่สีเขาอีกเล็กน้อย ฮ่องเต้ก็จะลงโทษเพราะเขาทำงานไร้ประสิทธิภาพ เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสูญเสียตำแหน่งทางการและสถานะจอหงวน มาดูกันว่าเขาจะทำตัวหยิ่งยโสไปได้แค่ไหน” เขาพยักหน้าและเอ่ยขึ้น
เมื่อเห็นว่าซูหลินได้ฟังคำพูดของตัวเอง ความโกรธในใจก็ลดลงเล็กน้อย จ้าวซิ่งจึงลอบถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ซื่อจื่อ ท่านคือเจ้านายของข้าและท่านคือสายเลือดราชวงศ์ สายเลือดของท่านสูงส่ง ไม่จำเป็นต้องโกรธจนทำร้ายตัวเอง เอาชนะเขาไม่ได้แล้วอย่างไร? สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ว่าเราจะพยายามต่อกรกับเขามากเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจต่อสู้กับท่านได้ แม้ว่าจะไม่สามารถเอาชนะกู้เสี่ยวหวานได้ แต่จัดการกู้หนิงอันได้ก็นับว่าเกินพอแล้ว ตราบใดที่เกิดเรื่องขึ้นกับกู้หนิงอัน ความแข็งแกร่งของนางจะเหมือนเดิมงั้นหรือ? แม้ว่าเราไม่อาจฆ่านางได้ แต่เราก็สามารถทรมานนางได้!”
จ้าวซิ่งพูดอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าของซูหลินเต็มไปความรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง “หมิ่นเอ๋อร์กำลังจะแต่งงาน ถ้าข้าได้มอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้นาง ข้าคิดว่านางจะต้องมีความสุขมากอย่างแน่นอน”
หลังจากสอบปากคำหลิวเหล่าซานผู้แสวงหาความตายแล้ว ก็พบว่าเขาเป็นนายพรานจริง ๆ เขาและภรรยาอาศัยอยู่ในเมืองหลินซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวง แต่เมื่อลูกสาวคนหนึ่งแต่งงานกับคนในเมืองหลวง พวกเขาจึงมาเยี่ยมลูกสาวที่เมืองหลวง
จินเหล่าต้า ที่บอกจะออกไปคุยธุระเรื่องกิจการ เขาก็เป็นพ่อค้าจริง ๆ และทะเบียบบ้านในมือก็เป็นของเขา ท่าทางของเขาดูเหมือนหมูตายไม่กลัวน้ำเดือด และพูดเพียงว่าเขามาที่นี่เพื่อทวงความเป็นธรรมให้ตัวเอง!
หมอแซ่อี้บอกว่าจะไปรักษาคนไข้ เขาเป็นหมอที่ดูแลครอบครัวหนึ่งในเมืองหลวง นอกจากนี้ยังมีคนไข้รอเขาอยู่นอกเมืองเพื่อให้เขาไปรักษาจริง ๆ
คำพูดของทั้งสามคน ยกเว้นหญิงชราที่ถูกจับโดยกู้เสี่ยวหวาน พวกเขาต่างยืนยันว่าเรื่องที่พวกเขาเอ่ยมาคือความจริง
คนเหล่านี้ถูกคุมขังในคุกของกองกำลังรักษาความสงบ หลังจากซูหมางสอบปากคำเรียบร้อย เขาก็บอกกู้เสี่ยวหวานถึงข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับระหว่างการสอบปากคำ เรื่องนี้ดูเหมือนจะมาถึงทางตัน
“คู่สามีภรรยาที่เป็นนายพรานบอกว่าไม่รู้ว่าใครมอบทองให้ตน บอกเพียงว่าคนคนนั้นสั่งให้มาสร้างความวุ่นวายและแสร้งทำเป็นฆ่าตัวตาย เมื่อชาวบ้านเห็นการนองเลือดจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของชาวบ้าน และหน้าที่ของพวกเขาก็จะสำเร็จ!” ซูหมางกล่าว
กู้เสี่ยวหวานสามารถจับคนเหล่านี้ได้ แต่พวกเขาก็ไร้ประโยชน์เพราะพวกเขาไม่เคยพบตัวตนของคนว่าจ้าง คนที่มาเป็นเพียงแค่ลูกน้องธรรมดา ยากที่จะหาตัวคนคนนั้นเจอ
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ต้องการตัดเบาะแสนี้ออก แต่นางก็ต้องพักมันไว้ชั่วคราว
“ใต้เท้าซู เหตุการณ์ในวันนี้ต้องขอบคุณท่านแล้ว ถ้าท่านไม่มาถึงที่นี่ผลที่ตามมาเราไม่อาจรับไหวแน่นอน!” กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน และเอ่ยขอบคุณซูหมาง
ซูหมางโบกมือพลางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความชื่นชม “องค์หญิง ท่านสุภาพเกินไปแล้ว แต่เมื่อได้รับคำสั่งจากท่านว่าไม่ให้พกอาวุธใด ๆ ตอนแรกข้าก็งุนงงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการไม่พกอาวุธมาจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!”
“ประชาชนหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ที่สุด หากแต่ก็มีท่าทีต่อต้านมากที่สุด ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงในเวลานั้น ตราบใดที่มีอาวุธ หากมีการต่อสู้เกิดขึ้น พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บและมันจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เหตุการณ์กระทบกระทั่งกันโดยคนหมู่มากเช่นนี้เรื่องคงไม่ผ่านพ้นไปอย่างสงบอย่างแน่นอน อาวุธมีไว้เพื่อปกป้องชาวประชา แต่ก็สามารถทำร้ายผู้คนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือทหาร หากไม่มีอาวุธไม่เพียงแต่จะไม่ทำร้ายตัวเองเท่านั้น แต่จะไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วย!”
ซูหมางพยักหน้าและเห็นด้วยกับคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน “คนเหล่านั้นเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่มา แต่ไม่ได้พกอาวุธมาด้วย พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน! สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ไม่ต้องการทำร้ายพวกเขา!”
“ใช่แล้ว ผู้คนก็เป็นแบบนี้ ตราบใดที่ทางการปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี พวกเขาจะไม่สร้างความวุ่นวาย ขั้นแรกเราจะต้องสร้างความประทับใจแรกที่ดีให้กับพวกเขา และจะสะดวกกว่ามากในการทำสิ่งต่าง ๆ ภายหลัง!”
หลังจากออกจากกองกำลังรักษาความสงบแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ฟังสิ่งที่อาโม่รายงานเกี่ยวกับกรมคลัง