ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2170 ส่าวชิงหนุ่มแห่งต้าหลี่ซื่อ
ซูหลินขมวดคิ้วและมองไปที่ซูหมางที่กำลังอธิบายทุกอย่าง หลังจากได้ยินเรื่องนี้ซูเทียนซื่อจึงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เจ้าทำได้ดีมาก! แต่…”
ฮ่องเต้เปลี่ยนหัวข้อแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องใหญ่ แต่เจ้ากลับไม่รายงานเรื่องนี้ ซูหมางไม่ว่าเหตุใด เจ้าต้องรับโทษฐานไม่รายงานเรื่องนี้แก้ข้า เจ้าจะถูกลดเบี้ยหวัดเป็นเวลาสองเดือน!”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ซูหมางพยักหน้า
จากนั้นซูหมางก็ลุกขึ้นยืนและก้าวออกไป และเรื่องราวก็จบเพียงเท่านั้น
ฮ่องเต้มองซูเผยอันซึ่งอยู่ด้านข้างและพูดว่า “เรื่องเริ่มขึ้นเพราะเจ้า เดิมทีข้าคิดว่าทะเบียนบ้านเป็นงานสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรและประชาชน แต่ซูเผยอัน เรื่องนี้นำมาสู่ความผิดพลาดครั้งใหญ่ โชคดีที่เรื่องนี้ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว แต่เรื่องนี้จะปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้! กล้าใช้นโยบายที่ดีแบบนี้หลอกลวงประชาชนและทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นที่มีต่อราชสำนัก เป็นอาชญากรรมที่ไม่อาจลดโทษได้ ข้าต้องการให้เจ้าหาตัวคนผิดภายในสามวัน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”
“พะยะค่ะ!” นี่เป็นการการลงโทษสถานเบา ซูเผยอันจึงโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ
ดวงตาของฮ่องเต้เบนไปยังกู้หนิงอันและหลังจากมองอยู่พักหนึ่ง ทุกคนต่างคิดว่ากู้หนิงอันผู้นี้จะต้องโดนลงโทษอย่างแน่นอน หากแต่ฮ่องเต้ก็กล่าวว่า “สำหรับกู้หนิงอัน เจ้าเป็นผู้เสนอนโยบายนี้ เป็นผู้รวบรวมข้อมูลทะเบียนบ้าน เกลี้ยกล่อมผู้คนและเจ้ายังมีสถานะเป็นจอหงวน เดิมทีข้าต้องการให้เรื่องนี้ได้ข้อสรุปและโยกย้ายตำแหน่งของเจ้า แต่ตอนนี้กลับเกิดเรื่องนี้ซึ่งทำให้ข้าเปลี่ยนใจตอนนี้ศาลต้าหลี่ขาดตำแหน่งส่าวชิง ต่อไปนี้ให้เจ้าไปประจำแหน่งที่ศาลต้าหลี่!”
การให้กู้หนิงอันไปศาลต้าหลี่เพื่อทำหน้าที่ส่าวชิงหรือ?
นั้นคือขุนนางระดับสี่!
ฮ่องเต้เลื่อนตำแหน่งขุนนางใหม่ขึ้นเป็นขุนนางระดับสี่งั้นหรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร? ในทุกช่วงของราชวงศ์หลี่ ไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนี้ตามความตั้งใจของฮ่องเต้ หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น กู้หนิงอันก็จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นอยู่ดี! ทันใดนั้นก็มีคนคัดค้าน
“ฝ่าบาท! ต้าชิงไม่เคยมีการเลื่อนตำแหน่งพิเศษแบบนี้มาก่อน! แม้ว่ากู้จู่ซื่อคนนี้จะเป็นจอหงวน หากแต่เขาก็ยังเด็กมาก ตำแหน่งส่าวชิงเป็นผู้ดูแลศาลต้าหลี่ เราจะปล่อยให้คนอายุน้อยและไม่มีประสบการณ์เช่นนี้มาเป็นผู้ดูแลศาลต้าหลี่ได้อย่างไร นี่…ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!”
“จริงหรือ? ยังเด็กและไม่มีประสบการณ์ วันนี้มีคนมาก่อชุมนุมกันมากมาย หากแต่ไม่มีเหตุการณ์ร้าย ตอนนั้นจางซุ่นอายุห้าสิบแล้วใช่ไหม? เขาอายุมากและมีประสบการณ์ เหตุใดถึงไม่สามารถรับมือกับเหตุการณ์นั้นได้ แต่กู้จู่ซื่ออายุเพียงเท่านนี้ เขายังเด็กและไม่มีประสบการณ์ แต่กลับสามารถจัดการกับเรื่องที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้ ถ้าเป็นเจ้า เจ้าทำได้ดีกว่านี้ไหม?” หลินไห่เทียนก้าวออกมาและจ้องมองผู้คัดค้าน!
เมื่อเห็นว่าหลินไห่เทียนออกหน้าแทนกู้หนิงอัน ผู้คนในท้องพระโรงก็มองไปที่หลินไห่เทียนอย่างสงสัย
ชายคนนี้เมื่อครู่มีท่าทีอึกอักพูดไม่ออก และไม่มีข้อแก้ตัวใดด้วยซ้ำ
อันที่จริงจอหงวนอายุน้อยมีท่าทางนิ่งสงบท่ามกลางสถานการณ์อันวิกฤตและสามารถจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ดี พวกเขาเคยคิดว่าเมื่อเจอเรื่องเช่นนี้ ขนาดตัวเองที่อยู่กับอำนาจทางการมาหลายสิบปีก็คงไม่สามารถตัดสินใจโดยไม่ตื่นตระหนก
หมิงอ๋องซูห้าวยืนขึ้นในขณะนี้และพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ใต้เท้าหลิน ข้าได้ยินมาว่าช่วงที่กู้จู่ซื่อออกไปตรวจสอบข้อมูล หลานสาวของท่านก็ติดตามเขาไปตลอดทาง บางคนบอกว่าพวกเขาสองคนกำลังพูดคุยหัวเราะคิกคักกัน เป็นไปได้ไหมว่ากำลังจะมีเรื่องที่ดีเกิดขึ้นกับจวนตระกูลหลินเร็ว ๆ นี้?”
เมื่อหลินไห่เทียนได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ตวาดลั่นด้วยความโกรธ “ไร้สาระ จิ้งหรูเฝ้าดูกู้จู่ซื่อตรวจสอบทะเบียบบ้านทั้งหมด ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เรื่องนี้จะสำเร็จ แค่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น!”
“จริงหรือ? หลานสาวของใต้เท้าหลินยื่นมือเข้าไปช่วย อีกทั้งตอนนี้ท่านยังออกหน้าแทนเขาอีก จอหงวนหนุ่มรูปงามเช่นนี้ ใต้เท้าหลินไม่มีความคิดอื่นใดจริงหรือ?” หมิงอ๋องยังคงถามต่อ
เมื่อใต้เท้าหลินได้ยินว่าอีกฝ่ายใส่ร้ายหลานสาวของตน กู้หนิงอันและชื่อเสียงของเขาเอง ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำขึ้นด้วยความโกรธและโต้กลับว่า “หมิงอ๋อง กินอาหารสามารถกินได้ตามสบาย แต่การพูดจะมาพูดซี้ซั่วไม่ได้ กู้จู่ซื่ออายุยังน้อยและมีความสามารถ หากต้าชิงต้องการแต่งตั้งใครสักคน ข้าก็แค่คัดเลือกผู้มีความสามารถที่โดดเด่น แม้ว่ากู้จู่ซื่อจะอายุน้อย แต่เขาก็เป็นจอหงวนที่อายุน้อยที่สุดในต้าชิง ยิ่งกว่านั้นเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น กู้จู่ซื่อก็สามารถแก้ปัญหาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย มีพรสวรรค์และอายุน้อยเช่นนี้เป็นคนที่อาณาจักรต้าชิงของเราต้องการ หมิงอ๋องไม่คิดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกต้องหรือ หรือหมิงอ๋องต้องการให้ข้าส่งเสริมพวกด้อยคุณภาพ?”
หมิงอ๋องยิ้มและมองไปที่หลินไห่เทียน “ใต้เท้าหลินคัดเลือกบัณฑิตจำนวนมากเพื่อเข้าสู่สำนักฮั่นหลินไม่ใช่หรือ? จากนี้ไปเขาจะเป็นลูกศิษย์ของใต้เท้าหลินแล้ว ข้าหวังว่าใต้เท้าหลินจะฝึกฝนลูกศิษย์ให้มีความสามารถยอดเยี่ยมแบ่งเบาภาระของต้าชิง!”
“การเข้าสู่สำนักฮั่นหลินนั้นต้องผ่านการคัดเลือกตามมาตรฐาน ทุกคนที่ถูกเลือกล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ พวกเราจะสั่งสอนเขาให้ดีเป็นเรื่องธรรมดา!” หลินไห่เทียนกล่าว
หมิงอ๋องชำเลืองมองหลินไห่เทียน ทั้งคู่สบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
กู้หนิงอันคุกเข่าลงและได้รับคำสั่ง ทุกคนในห้องโถงมองดูชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่กลางห้องโถง จอหงวนหนุ่ม ส่าวชิงหนุ่มแห่งต้าหลี่ซื่อ นี่ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญ!
การเข้าเฝ้าห้องเต้จบลงเพียงแค่นั้น กลางห้องโถงหมิงอ๋องถูกรายล้อมไปด้วยขุนนางหลายคน หากซูเผยอันจะเดินจากไปโดยไม่หยุดทักทายเกรงว่าจะดูไม่ดี โดยคิดว่าตระกูลเราจะเกี่ยวดองกันอีกภายในไม่กี่วัน เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไป ประสานมือทำความเคารพ
“หมิงอ๋อง!”
“ใต้เท้าซูนี่เอง…” หมิงอ๋องหันศีรษะไปมองซูเผยอันพลางกระตุกยิ้มมุมปาก
“หมิงอ๋อง ท่าน…” ซูเผยอันยิ้ม
“เฮ้อ พี่เผยอัน ครอบครัวเราจะเกี่ยวดองกันในอีกไม่กี่วันแล้ว จะมาสุภาพกันไปไย จากนี้ท่านเรียกข้าว่าน้องชายเถอะ!”
หมิงอ๋องกล่าวอย่างกระตือรือร้น แต่ซูเผยอันจะกล้าเรียกหมิงอ๋องว่าน้องชายได้อย่างไร
เขายิ้มและเห็นว่าผู้คนที่อยู่รอบ ๆ หมิงอ๋องเริ่มแสดงความยินดีกับพวกเขา ใบหน้าของหมิงอ๋องเต็มไปด้วยความสุข และซูเผยอันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยิ้ม
ซูห้าวเริ่มพูดคุยกับขุนนางที่อยู่ข้าง ๆ เขาอีกครั้งทำให้ซูเผยอันจะฟังก็ไม่ดี จะไม่ฟังก็ไม่ได้ จะออกไปก็ไม่ดีหรือจะไม่ออกไปก็ไม่ได้เช่นกัน! จึงทำได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น