ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2174 รู้สึกดีแต่ไม่แสดงออก
บทที่ 2174 รู้สึกดีแต่ไม่แสดงออก
หลินจิ้งหรูตกใจมากกับการกระทำของเขา นางรีบปลีกตัวไปข้าง ๆ และมองไปที่ชายคนนี้ แก้มของนางแดงก่ำด้วยความลำบากใจ “ใต้เท้ากู้ ไม่ต้องกังวล จิ้งหรูทำในสิ่งที่ควรทำ! และถึงแม้ว่าเสี่ยวหวานกับข้าไม่ได้เป็นสหายที่สนิทสนมกันมาก แต่นางก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สามารถพูดคุยปรึกษาได้ แน่นอนว่าหากท่านมีปัญหา ข้ายินดีที่จะช่วยเหลือท่านอยู่แล้ว!”
นางเต็มใจที่จะช่วยเหลือกู้หนิงอันโดยไม่มีข้อแม้ นอกจากนี้เขาและกู้เสี่ยวหวานยังเป็นเพื่อนที่ดีของตนเอง การช่วยอีกฝ่ายจึงเป็นเรื่องธรรมดา
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ จิตใจของกู้หนิงอันก็หลุดลอยไป หลินจิ้งหรูอยู่ตรงนั้นอีกพักหนึ่งแล้วจากไป เมื่อกู้หนิงอันเห็นนางเดินจากไป จากอาการที่ตื่นเต้นเมื่อครู่ก็ต้องเบาบาง
หลินไห่เทียนไม่ได้สังเกตว่ากู้หนิงอันแตกต่างออกไปจากปกติ และยังพูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้น และยังบอกข้อควรระวังบางอย่างกับกู้หนิงอันหลังจากเข้ารับราชการ มันเป็นประสบการณ์ที่หลินไห่เทียนได้รับจากการใช้ชีวิตในราชการเป็นเวลาหลายปี กู้หนิงอันรีบสลัดความรู้สึกที่อยู่ในใจออกไป และฟังคำพูดของใต้เท้าหลินอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไปครึ่งวันอย่างรวดเร็ว หลินไห่เทียนไม่เห็นเด็กหนุ่มผู้นี้มีท่าทีเบื่อหน่ายรำคาญใจที่คุยกับเขาแม้แต่น้อย หลังจากพูดถึงเรื่องนี้เป็นเวลานาน เด็กหนุ่มผู้นี้ก็ยังฟังคำพูดของเขาด้วยความเคารพ บางครั้งก็ตั้งคำถามเพื่อขอคำแนะนำจากเขา หลินไห่เทียนเลยยินดีที่จะพูดคุยกับเขาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยและเต็มไปด้วยความสุขใจ
เด็กหนุ่มคนนี้อายุยังน้อยและมีแนวโน้มที่ดี เขาเป็นคนนอบน้อมและไม่หุนหันพลันแล่น ในอนาคตเขาน่าจะประสบความสำเร็จอย่างมาก! นอกจากนี้ เขาไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่ขยันหมั่นเพียรและใฝ่หาความรู้ขนาดนี้มาก่อน เขารู้สึกว่าจากการได้คุยกับกู้หนิงอันเป็นเวลานาน และสั่งให้คนไปเตรียมเหล้าและอาหารดี ๆ มา เพราะเขาต้องการดื่มกับกู้หนิงอันต่ออีกสักพัก
แน่นอนว่ากู้หนิงอันไม่ปฏิเสธ
ความจริงที่ว่ากู้หนิงอันต้องการอยู่ที่จวนตระกูลหลินต่อเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน ก็แพร่กระจายไปยังหูของหลินจิ้งหรู เมื่อครู่ตอนที่นางเดินไปที่ห้องโถงเพื่อพบกับก็กู้หนิงอัน แต่นางก็อยู่ที่นั้นได้ครู่เดียว เพราะความเป็นบุรุษและสตรีที่ต้องรักษาระยะห่าง นางเลยต้องรีบเดินกลับออกมา
หลังจากนางเดินออกมาจากห้องโถง หลินจิ้งหรูก็เฝ้านึกถึงรูปลักษณ์ที่สุภาพ หล่อเหลา การมีความรู้ด้านบทกวีและหนังสือ ผสมกับความนุ่มนวลและอ่อนโยนของเขา หลินจิ้งหรูก็ยิ่งหน้าแดงมากขึ้นเท่านั้น
ฮั่วลวี่เห็นว่าคุณหนูเงียบไป และมองเหม่อไปยังสถานที่แห่งหนึ่งด้วยใบหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้ และยิ้มออกมาทันที “คุณหนู ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ”
“เจ้าว่า เขาคุยอะไรกับท่านปู่หรือ? เหตุใดท่านปู่จึงชอบเขามาก? ทั้งยังเชิญให้เขาอยู่กินข้าวด้วยกันก่อนกลับอีก หลายปีแล้วที่ท่านปู่ไม่ได้ให้ความสนใจกับคนวัยหนุ่มเช่นนี้!” หลินจิ้งหรูเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองออกมา
ฮั่วลวี่ยิ้มกว้าง “คุณหนู ท่านเองก็ชื่นชมเขาเช่นเดียวกันไม่ใช่หรือ นับตั้งแต่ที่เมื่อวานท่านรู้ว่าใต้เท้ากู้แก้ปัญหาวุ่นวายได้และได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ท่านก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว คุณหนู ข้าเห็นว่าท่านเหม่อลอยถึงเขาหลายครั้งหลายหนแล้วนะเจ้าคะ”
เมื่อถูกสาวใช้แกล้ง ใบหน้าของหลินจิ้งหรูเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอายทันที นางหันศีรษะไปและทำท่าทางจะตีฮั่วลวี่ ฮั่วหลี่จึงรีบวิ่งหนี หลินจิ้งหรูแสร้งทำเป็นโกรธและพูดว่า “กล้าล้อเลียนข้าหรือ ระวังเถิด!”
เมื่อได้ยินคุณหนูพูดเชิงหยอกเช่นนั้น ฮั่วลวี่ก็วิ่งหนีไปไกล และนางก็ยิ้มอย่างจริงใจอีกครั้ง หลินจิ้งหรูไม่สามารถจัดการกับนางได้ จึงทำได้เพียงกระทืบเท้าอยู่กับที่เท่านั้น
แต่หลินจิ้งหรูก็รู้ว่าสิ่งที่ฮั่วลวี่พูดเมื่อครู่นั้นถูกต้อง วันนี้ตัวนางเองแตกต่างออกไป เมื่อคิดว่าบุคคลนั้นอยู่ที่จวนด้วย หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรงราวกับว่ามันกำลังจะกระเด็นออกมาจากอกของนาง
กู้หนิงอันและหลินไห่เทียนกินอาหารและดื่มด้วยกันก่อนแยกย้าย หลังจากหลินไห่เทียนส่งเขาออกจากจวนแล้ว ก็เผยใบหน้าที่ภาคภูมิใจออกมา
จนกระทั่งกู้หนิงอันจากไป หลินไห่เทียนก็เดินกลับเข้าไปในจวน
หลังจากกู้หนิงอันเข้าไปในรถม้า เขาก็ยิ้มเมื่อเห็นหลินไห่เทียนกำลังยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูจวน
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่ากู้หนิงอันกลับมาแล้ว ก็รีบออกไปหาเขาที่หน้าประตู
เมื่อเห็นใบหน้าของกู้หนิงอันแดงก่ำราวกับว่าเขาดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก และดูเหมือนจะมีความสุขจนจะล้นออกมาจากอก “เป็นอย่างไร ใต้เท้าหลินเลี้ยงข้าวเจ้าหรือ”
กู้หนิงอันพยักหน้า
“ดูเหมือนว่า ใต้เท้าหลินจะชอบเจ้ามาก นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าได้สร้างความประทับใจที่ดีในใจของคุณหนูหลิน หนิงอัน เจ้าต้องพยายามหน่อยนะ! ตั้งใจทำงาน แบบนี้หญิงสาวจะได้ชื่นชม!” กู้เสี่ยวหวานให้กำลังใจ
กู้หนิงอันนึกถึงดวงตาที่สดใสคู่นั้นอีกครั้ง ความอ่อนโยนของนางทำให้หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกบางสิ่ง และเขาก็พยักหน้ากับคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน
กู้หนิงอันได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ ทำให้เขากลายเป็นส่าวชิงแห่งศาลต้าหลี่ตั้งแต่อายุยังน้อย และได้ยินมาว่าหากไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น กู้หนิงอันอาจได้กลายเป็นขุนนางที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น!
ตอนนี้กู้หนิงอันได้กลายเป็นที่ชื่นชอบของคนทั้งเมืองหลวง!
นอกจากคนที่มาให้ของขวัญแสดงความยินดีแล้ว ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนส่าวชิงเยอะที่สุดก็คือแม่สื่อ! กู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะพูดคุยเกี่ยวกับการจับคู่อีกต่อไป แต่การมีข่าวออกไปว่ากู้หนิงอันยังเด็กและยังไม่แต่งงาน ในอนาคตเขาจะเป็นเสาหลักของต้าชิง ใคร ๆ ก็คิดว่าถ้าได้แต่งงานกับเขาได้มันก็ไม่เลวเลย!
และได้ยินมาว่า ส่าวชิงแห่งศาลต้าหลี่ผู้นี้อายุน้อย หล่อเหลามีบุคลิกสุขุมอ่อนโยน เป็นที่หมายปองของสตรืที่ยังไม่ออกเรือนมากมาย
นอกจากนี้เขายังมีพี่สาวที่เป็นถึงองค์หญิงอีกด้วย ใครล่ะจะไม่อยากปีนเข้าไปสู่พื้นเพครอบครัวแบบนี้!
ทว่าทางสวนชิงไม่ได้ต้อนรับเหล่าแม่สื่อ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน กู้เสี่ยวหวานจะต้องสนับสนุนอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้กู้หนิงอันได้บอกนางล่วงหน้าแล้วว่าเขามีใครบางคนอยู่ในใจ ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้มองหาหญิงอื่นให้เขา
แต่เป็นการยากที่จะบอกเหตุผล เพราะกลัวว่าชื่อเสียงของหลินจิ้งหรูจะได้รับผลกระทบ และท้ายที่สุด ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องป้องกันเอาไว้ก่อนเพื่อชื่อเสียงของนาง
ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงปิดกั้นและเลือกที่จะไม่ต้อนรับเหล่าแม่สื่อ และอ้างว่ากู้หนิงอันยังเด็กและยังไม่ได้มองเรื่องการแต่งงานในเวลานี้
ในวันนั้นที่หน้ากรมคลัง นางจับตัวคนทำได้สามคน แล้วก็ยังมีหญิงที่แต่งงานแล้วที่กู้เสี่ยวหวานจับได้อีกหนึ่งคน และเหมือนว่าวันนี้นางจะได้รับข่าวใหม่
พวกเขาก็เป็นผู้ที่ถูกว่าจ้างมาอีกทีเหมือนกัน เมื่อพวกเขารับเงินมา ก็ไปหาคนแปลกหน้ามาสร้างปัญหาอีกทอดหนึ่ง!
และพวกเขาจะติดต่อกับคนระดับล่างเท่านั้นเพื่อให้มาทำเรื่องนี้ พวกเขาก็ดูเป็นคนธรรมดาทั่วไป ฟังจากคำพูดของพวกเขาเหล่านี้ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด!
ตอนนี้มีเพียงบัณฑิตจากสำนักศึกษาของหลินไห่เทียนเท่านั้นที่สามารถตอบคำถามนี้ได้!
หลินไห่เทียนปฏิบัติตามวิธีการคัดเลือกบัณฑิต 20 คน เพื่อเข้าสู่สำนักฮั่นหลินเหมือนในปีก่อน ๆ
ในหมู่พวกเขา มีบัณฑิตห้าคนที่เป็นผู้ไปบันทึกทะเบียนบ้านให้กรมคลัง จากรายชื่อทั้งหมดยี่สิบคน