ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2177 ดีไม่พอสำหรับนาง
เมื่อทุกคนเห็นว่าไม่เป็นไร และซื่อจื่อเองก็ยังดูอารมณ์ดีอีกด้วย ทุกคนก็โล่งใจ
ซูห้าวขังตัวเองอยู่ในห้องหนังสือ และครุ่นคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ซูหลินพูด ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกมุ่งมั่นมากขึ้นเท่านั้น ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสของเขาแล้ว
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ตะโกนเรียกให้คนเข้ามา ในไม่ช้าชายในชุดดำก็มาอยู่ตรงหน้าเขา คุกเข่าลงข้างนึง และพูดด้วยความเคารพว่า “หมิงอ๋อง…”
“เร็วเข้า เจ้ารีบไปหยุดคนที่กำลังจะนำจดหมายไปส่งโดยเร็ว” ซูห้าวรู้สึกว่าสิ่งที่ซูหลินพูดนั้นถูกต้อง แม้ว่าจดหมายจะถูกส่งออกไปแล้ว เขาก็ต้องตามเอามันกลับมาให้ได้
ถ้านำกลับมาได้แล้วจะทำอย่างไรต่อ?
ทั้งหลินไห่เทียนและซูเผยอันรู้ว่านี้เป็นฝีมือของซูหลิน หรือว่าต้องเอาสมองและความทรงจำของพวกเขามาด้วย?
คนที่คุกเข่าลงตอบรับ จากนั้นร่างในชุดสีดำก็หายวาบไปเหมือนผีเช่นเดียวกับตอนที่ปรากฏตัว
ในไม่ช้า คนผู้นั้นก็กลับมา “ท่านอ๋อง ข้าได้นำตัวคนกลับมาแล้ว”
ซูห้าวถอนหายใจ ก่อนหน้านี้เขาเดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่นานเนื่องจากความร้อนรน จากนั้นเขากลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้งและเริ่มเขียนบางอย่างลงบนกระดาษ หลังจากเขียนเสร็จก็ยื่นมันให้กับชายในชุดดำ ไม่ช้าชายคนนั้นก็หายไปอีกครั้ง
คืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว แต่ไม่มีแสงสว่างมากนัก ฉินเย่จือมองไปที่ดวงดาวที่สว่างไสวและรู้สึกราวกับตนเองกำลังหลงทาง
เขาจากบ้านมาหลายเดือนแล้ว เขามีความสุขมากที่รู้ว่ากู้หนิงอันรอดพ้นจากอันตรายและกลายเป็นส่าวชิงแห่งศาลต้าหลี่
อาโย่วก็มีความสุขไม่แพ้กัน เมื่อคิดว่าในที่สุดปัญหาของคุณหนูก็ได้รับการแก้ไขแล้ว และอารมณ์ของนายท่านก็น่าจะดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร ในวันนี้นายท่านดูอารมณ์ขุ่นมัวและไม่มีความสุขเอาเสียเลย
เขาคิดไม่ออกว่ามันเป็นเพราะเหตุใด คิดเพียงว่าเมื่อเย็นนายท่านไม่ค่อยกินอะไรนัก จึงรีบออกไปเตรียมอาหารมื้อค่ำให้ แต่ในขณะที่เขากำลังจะหมุนตัวออกไป เขาก็ได้ยินเสียงของฉินเย่จือเรียกจากข้างใน
ทำให้อาโย่วรีบวิ่งกลับเข้าไปทันที “นายท่าน มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือ?”
“เก็บของ วันพรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางกลับเมืองหลวง!” ฉินเย่จือกล่าวอย่างกระชับ
“กลับเมืองหลวง? แล้วที่นี่…? เรื่องของคุณหนูได้รับการแก้ไขแล้วมิใช่หรือ?” อาโย่วถามอย่างไม่เข้าใจ
ฉินเย่จือชำเลืองมองที่อาโย่ว หากแต่ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม อาโย่วรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเขาเย็นผิดปกติ จึงรีบพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ข้าน้อยจะรีบกลับไปเตรียมพร้อม!”
อาโย่วรู้สึกดีขึ้นหลังจากออกจากห้อง วันนี้เขารู้สึกว่านายท่านของเขามีท่าทีที่เปลี่ยนไป
วันนี้ฉินเย่จือได้รับจดหมายที่ส่งมาโดยอาจั่ว โดยมีคำที่กู้เสี่ยวหวานพูดในขณะที่สนทนากับกู้หนิงอันมาด้วย
‘เขาเป็นผู้นำความสุขมาให้ข้า นำความความหวัง และคลายทุกข์ให้ข้า ในยามอันตรายสิ่งแรกที่เขานึกถึงคือข้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาเชื่อมั่นในตัวข้าเสมอ ข้าชื่นชมในตัวเขามาก แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างข้า แต่แค่นึกถึงช่วงเวลาเหล่านั้นที่มีเขา ข้าก็มีความสุขมากแล้ว!’
เช่นนั้นหรือ?
นางคิดถึงเขามากขนาดนั้นเลยหรือ? เมื่อฉินเย่จืออ่านข้อความนี้เป็นครั้งแรก หัวใจและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอบอุ่นหัวใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ต้องคิดว่าตนเองจะคู่ควรกับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของนางได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานที่แต่เดิมเป็นหญิงในยุคใหม่ เมื่อพูดถึงความรักระหว่างชายหญิง นางมองว่ามันเป็นความรักที่ไม่สร้างผลกระทบซึ่งกันและกัน แต่ฉินเย่จือแตกต่างออกไป ตั้งแต่เขาพากู้เสี่ยวหวานมาที่เมืองหลวง เขาก็มีข้อแม้ต่าง ๆ มากมาย และทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย และไม่เคยแสดงตัวตนกับนางเลยสักครั้ง
คนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายนางว่าเป็นหญิงหลายใจ หากเขาปรากฏตัวเคียงข้างนาง นางก็คงไม่ถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ใช่หรือไม่
คนพวกนั้นใส่ร้ายนางได้อย่างไรน่ะหรือ? ตั้งแต่ต้นจนจบนางต่อสู้เพียงลำพัง เผชิญหน้ากับคนมุ่งร้ายเพียงคนเดียว และเขาก็หายตัวไปด้วยข้ออ้างต่าง ๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ
แต่นางไม่เคยสนใจ แม้ว่านางจะติดคุกและเขาไม่ได้อยู่ด้วย นางก็ไม่เคยโทษเขาเลยสักครั้ง
ตอนนี้ เมื่อเขาคิดถึงสิ่งนี้ก็รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณธรรมหรือความสามารถที่คู่ควรกับคำพูดอันจริงใจของกู้เสี่ยวหวาน
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะกลับไป และยืนเคียงข้างนางเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่านางเป็นสมบัติของเขาเสมอมา
ในฐานะสมาชิกของต้าชิง เขาไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของหนานหลิงได้ นอกจากนี้ ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เกรงว่าผู้คนในหนานหลิงจะระแวดระวังเขามากขึ้น ฉินเย่จือจึงเลือกที่จะจากไป แต่ทิ้งกลุ่มคนสนิทไว้เบื้องหลังเพื่อซ่อนตัวอยู่ในหนานหลิงคอยสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของหนานหลิงอย่างเงียบ ๆ
ในอีกสองวันต่อมา คนของฉินเย่จือมาถึงเมืองหลวง
และในสองวันที่ผ่านมาพวกเขาได้รู้ข่าวเกี่ยวกับเมืองหลวงทุกเรื่อง ซูเผยอันพบว่าผู้บงการเบื้องหลังได้ส่งรายงานแจ้งเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของซูหลินโดยตรง พร้อมกับแนบหนังสือการลาออกของเขา
ในขณะที่จวนของหมิงอ๋องไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ
ทางราชสำนักก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าฮ่องเต้ไม่ได้เห็นข้อความนี้
ซูเผยอันกังวลทุกวัน และเขาก็รู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าหมิงอ๋องได้แสดงความไม่พอใจต่อเขา เช่นเดียวกับวันนี้หลังจากออกมาจากราชสำนัก เขาเห็นได้ชัดเจนว่าหมิงอ๋องเห็นเขา และเขาก็แสดงการทักทายไป ทว่าหมิงอ๋องเพิกเฉย และเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง ไม่แม้แต่จะมองเขาแม้แต่นิดเดียว
ซูจือเยว่รู้สึกหดหู่ใจเช่นเดียวกัน อีกสามวันก็จะถึงงานแต่งแล้ว แต่ไม่มีความสุขแม้แต่น้อย เขาไม่ได้อยากเป็นเจ้าบ่าว และไม่ได้ต้องการให้งานแต่งงานนี้เกิดขึ้น
เมื่อฮูหยินซูเห็นใบหน้าของชายสองคนในครอบครัวดูขมขื่น นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าในใจของคนทั้งคู่คิดกังวลเรื่องะไรอยู่
คนที่มีความสุขมากที่สุดในครอบครัวก็คือซูเฉี่ยนเยว่ ตอนนี้นางจับมือฮูหยินซูด้วยความตื่นเต้นและพูดว่า “ท่านแม่ เหลือเวลาอีกสามวัน เหลืออีกสามวัน ท่านพี่หมิ่นจะแต่งเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา ข้าตื่นเต้นมาก ข้าอยากมีพี่สาวมาโดยตลอด ตอนนี้วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว ข้าจะได้ทั้งพี่สาวและพี่สะใภ้ในเวลาเดียวกัน!”
ฮูหยินซูเห็นท่าทางไร้ข้อกังวลใจของบุตรสาว ก็พาลให้นึกถึงบุตรชายคนโตที่นางภูมิใจมาตลอด เพราะการแต่งงานครั้งนี้ ทำให้เขาสูญเสียรอยยิ้มไป มันจึงทำให้หัวใจของนางไม่มีความสุข นางทำได้เพียงกระตุกมุมปากออกมา