ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2183 เชิญซูหมางมารับประทานอาหาร
บทที่ 2183 เชิญซูหมางมารับประทานอาหาร
ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามา ซูเฉี่ยนเยว่หวาดกลัวจนแทบจะเสียสติ และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าปล่อยข้า ข้าอยากกลับบ้าน ข้าอยากกลับบ้าน… ท่านพี่… ท่านพ่อ… ท่านแม่…”
รถม้ากระแทกอย่างรุนแรง ทำให้ซูเฉี่ยนเยว่ถูกเหวี่ยงไปมา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยมือที่จับกรอบประตูไว้ ร่างกายที่ซวนเซยืนไม่มั่นคงทำให้นางล้มลงศีรษะกระแทกกับขอบประตู ก่อนภาพตรงหน้าจะดับลง
เมื่อตื่นขึ้นก็พบแต่ความมืดมิด นางมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืด แม้จะปรับสายตาอยู่นานแต่ก็ยังไม่เห็นแสงสว่าง
ซูเฉี่ยนเยว่ตื่นตระหนก คนขับรถแปลกหน้าพานางมายังสถานที่แห่งนี้ นางตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ร้องไห้จนเสียงแหบแห้ง แต่สุดท้ายก็มีเพียงเสียงของนางเท่านั้นสะท้อนอยู่รอบ ๆ
ท่ามกลางความมืดมิดและสถานที่ที่ไม่รู้จัก ซูเฉี่ยนเยว่ตื่นตระหนกและร้องไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นมา
กู้เสี่ยวหวานเดินหมากสีดำล้อมหมากสีขาวของคู่ต่อสู้อย่างตั้งใจ บนกระดานหมากล้อมสีทอง ดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยตัวหมากสีดำ
เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่เขาแพ้
ติงลุ่นรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเล็กน้อย “อะไรกัน เหตุใดข้าถึงเอาชนะท่านไม่ได้ ท่านเป็นแค่สาวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น! ไม่ไม่ไม่ เรามาลองอีกครั้งเถอะ เมื่อครู่ข้าแค่ออมมือ!”
“…” กู้เสี่ยวหวาน
เฉินเหมิ่งยืนมองดูพวกเข้าเล่นหมากล้อม เมื่อเห็นว่าติงลุ่นแพ้แต่ยังไม่ยอมปล่อยกู้เสี่ยวหวานไป จึงตบหลังติงลุ่นเบา ๆ และพูดว่า “เจ้ายังจะเล่นอยู่อีกหรือ? องค์หญิงเล่นกับเจ้ามาสิบตาแล้ว แต่เจ้าก็ออมมือทุกตา!”
“ไม่ได้ ข้าจะเล่นอีกไม่ได้หรือยังไง ในที่สุดข้าก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่สูสีกับข้าแล้ว ข้าประหลาดใจจริง ๆ ไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวหวานนอกจากจะทำอาหารอร่อย และยังเล่นหมากล้อมได้เก่งอีก!” ติงลุ่นหยิบหมากล้อมแล้วดึงกู้เสี่ยวหวานให้มาเล่นกับเขาอีกครั้ง
กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยิบตัวหมากแล้วเริ่มเล่นกับเขาอีกครั้ง
ถานอวี้ซูตามกู้เสี่ยวอี้เข้ามา เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงเล่นหมากล้อมกับติงลุ่น ถานอวี้ซูจึงถามด้วยความงงงวยว่า “ทำไมพวกท่านถึงยังเล่นหมากล้อมไม่เสร็จอีก? ท่านพี่ ทำไมไม่รีบ ๆ ทำให้เขาตายเสีย?”
ติงลุ่นกำลังจะเอ่ยบางอย่าง แต่เฉินเหมิ่งที่อยู่ข้างหลังก็เอ่ยน้ำเสียงทุ่มต่ำ “ทำไมจะไม่ได้ทำล่ะ? นี่เป็นรอบที่สิบเอ็ดแล้ว”
“อะไรนะ? ท่านลุงติง ท่านแพ้สิบรอบเลยหรือ?” ถานอวี้ซูถามด้วยความตกใจ
นางเพิ่งกลับมาจากห้องของกู้เสี่ยวอี้ ภายในเวลาไม่ถึงสองก้านธูป พวกเขาเล่นหมากรุกไปแล้วสิบตา
เฉินเหมิ่งมองตัวหมากอย่างจริงจัง ในขณะที่ติงลุ่นกำลังใช้สมองเพื่อหาทางแก้ไข
“จวิ้นจู่ ครั้งนี้จะเป็นรอบที่สิบเอ็ด!” เฉินเหมิ่งมอง จากนั้นพยักหน้าอย่างจริงจัง
บนกระดานหมากรุก ผู้ชนะและผู้แพ้ปรากฏขึ้นแล้ว และเป็นอีกครั้งที่กู้เสี่ยวหวานชนะติงลุ่นเป็นครั้งที่สิบเอ็ด
ติงลุ่นอยากจะเล่นต่อ แต่ในขณะนี้แขกที่รออยู่ก็มาถึง
“เสี่ยวหวาน…” หลี่ฝานพาซูหมางมาที่ศาลาในสวน
กู้หนิงอันรอดพ้นจากอันตรายได้เป็นเพราะซูหมาง ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงตั้งใจเชิญซูหมางมารับประทานอาหารด้วยตนเอง
การจัดเลี้ยงในร้านจิ่นฝูดูไม่จริงใจพอ กู้เสี่ยวหวานจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นในสวนชิง เมื่อคิดว่าซูหมางเคยมีประสบการณ์และคุ้นเคยกับติงลุ่นและเฉินเหมิ่งแล้ว นางจึงเชิญเฉินเหมิ่งและติงลุ่นมาด้วย
หลี่ฝานเองก็มาเช่นกัน
แขกทั้งหมดอยู่ที่นี่ ก่อนโค่วตันและอาจั่วจะเป็นผู้นำทุกคนไปที่ห้องอาหาร
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้ ทุกคนที่มาล้วนชอบดื่มเหล้า ดังนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงเดินทางไปที่ร้านเหล้าเป็นพิเศษ เลือกเหล้าชั้นดีที่มีอายุมากกว่ายี่สิบปีมาสองขวดเพื่อให้พวกเขาได้ดื่มอย่างพอใจ
ไม่ต้องพูดถึงเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ยังมีหม้อไฟ ซาวเข่าและของทอดมากมาย หลี่ฝานให้ยืมตัวพ่อครัวมาจากร้านจิ่นฝู ส่วนตัวเขาวุ่นอยู่กับการทำซาวเข่าข้างนอก
ทันทีที่เข้าไปในลานก็ได้กลิ่นหอมเรียกน้ำย่อยของซาวเข่า ติงลุ่นสูดดมกลิ่นนั้นและแสดงท่าทางน่าขบขัน “อืม… กลิ่น… กลิ่นมันหอมมาก”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นเพราะข้าเรียกคนจากร้านกู้จี้ซาวเข่ามาทำซาวเข่า ข้าซื้อเหล้าไว้สองขวด พวกท่านสามารถดื่มได้มากเท่าที่ต้องการ คืนนี้ถ้าไม่เมา ไม่ต้องกลับ!”
กู้หนิงอันกลับมาจากศาลต้าหลี่ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยก็ตรงมาหาซูหมางทันที ตามด้วยคนอื่น ๆ
เมื่อเข้ามาพวกเขาก็เห็นโต๊ะกลมขนาดใหญ่ เก้าอี้มากกว่าสิบตัววางล้อมรอบโต๊ะ บนโต๊ะมีสองชั้น บนชั้นนั้นสามารถหมุนได้เหมือนในร้านอาหาร บนนั้นมีอาหารน่ากินมากมายถูกจัดเตรียมเอาไว้ มีถ่านเสวี่ยฮวาเผาไหม้อยู่ และน้ำในหม้อกำลังเดือดพล่าน ส่งกลิ่นหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย
ทุกคนนั่งลงทีละคน วันนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเจ้าภาพและมีสถานะที่โดดเด่นที่สุด นางนั่งอยู่บริเวณด้านบน โดยมีถานอวี้ซูนั่งอยู่ซ้ายมือ ซูหมางนั่งอยู่ด้านขวา เฉินเหมิ่ง ติงลุ่น กู้หนิงอัน หลี่ฝานและคนอื่น ๆ นั่งถัดกันไป และตอนนี้เก้าอี้เหลือเพียงที่นั่งเดียว
กู้เสี่ยวหวานมองไปและเห็นว่าที่นั่งนั้นบังเอิญอยู่ติดกับซูหมาง จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “รอท่านอาของข้าก่อน นางน่ากำลังจะ…”
“เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว…” ก่อนที่กู้เสี่ยวหวานจะพูดจบก็ได้ยินเสียงของกู้ฟางสี่ดังมาจากข้างนอก พร้อมอาหารจานสุดท้ายที่อยู่ในมือโค่วตัน
เมื่อรู้ว่ากู้ฟางสี่กำลังจะนั่งข้างตัวเอง ร่างกายของซูหมางก็เกร็งขึ้นมา! มือบนตักกำเสื้อผ้าแน่นพยายามระงับอาการสั่นของร่างกาย
เมื่อเห็นว่าตัวเองต้องนั่งถัดจากซูหมาง กู้ฟางสี่รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน ข้าไม่รู้วิธีดื่มหรือจะให้เถ้าแก่หลี่มาดื่มกับใต้เท้าซูแทนล่ะ!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการนั่งข้างตนเอง ซูหมางก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและร่างกายของเขาดูเหมือนจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย
โชคดีที่ไม่มีใครเห็น
“ท่านอา ท่านนั่งตรงนั้นเถอะเจ้าค่ะ ไม่ว่าใต้เท้าซูจะพูดอะไร เขาจะไม่บังคับให้ท่านดื่มแน่นอน ท่านลุงหลี่ก็นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาเช่นกัน เมื่อถึงเวลาก็ปล่อยให้พวกเขาดื่มกันไป แล้วเราก็รอดูการต่อสู้จากข้างสนาม!” กู้เสี่ยวหวานยิ้ม
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ระดับความสามารถในการดื่มของซูหมาง แต่หลี่ฝานเคยกล่าวไว้ว่าเมื่อซูหมางมาทานอาหารในร้านจิ่นฝู เขามักจะดื่มทุกครั้ง แต่ทุกครั้งที่ดื่มจะดื่มเพียงหนึ่งหรือสองจอกเล็ก ดูเหมือนว่าปกติแล้วเขาจะไม่ใช่คนชอบดื่ม