ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2184 ชักชวนให้กินเหล้า
บทที่ 2184 ชักชวนให้กินเหล้า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้ฟางสี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลง และทันทีที่นั่งลงซูหมางที่อยู่ด้านข้างยืดตัวตรงทันที ร่างกายของเขายืดออกเหมือนลูกธนูพร้อมที่จะพุ่งออกไป
กู้ฟางสี่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของซูหมางจึงรีบถามอย่างกังวล “ใต้เท้าซู ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”
กู้ฟางสี่ทำอาหารอยู่ในร้านจิ่นฝูมานาน ใต้เท้าซูถือว่าเป็นลูกค้าประจำของพวกเขา ดังนั้นทั้งสองคนจึงถือเป็นคนรู้จักกัน!
เมื่อเห็นว่ากู้ฟางสี่พูดคุยซูหมาง หลี่ฝานก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง โชคดีที่ร่างกายที่ตึงเครียดของซูหมางได้ผ่อนคลายลงแล้ว ดังนั้นหลี่ฝานจึงไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด
ร่างกายของซูหมางผ่อนคลายจนกลายเป็นปกติ เขารีบส่ายหน้าและพูดว่าไม่มีอะไร กู้ฟางสี่ก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร
ขั้นตอนต่อไปคือการอุ่นร้อน เหล้าและอาหารในหม้อถูกเผาด้วยถ่านเสวี่ยฮวา หลังจากถ่านใกล้มอดก็เติมถ่านเข้าไปใหม่ทันที แม้ว่าหลังจากรับประทานอาหารกันไปแล้วหนึ่งชั่วยาม อาหารก็ยังคงร้อนอยู่!
นอกจากนี้ พ่อครัวด้านนอกยังทำซาวเข่าไม่หยุด เช่น เนื้อแกะ เนื้อวัว ตีนไก่ ปีกไก่ และผักบางประเภท ทันทีที่ส่งมาก็ถูกติงลุ่นจัดการจนเรียบ
เหล้าชั้นดีคู่กับอาหารแสนอร่อย ไม่นานเหล้าชั้นดีขวดแรกก็หมดลง
ที่โต๊ะอาหาร ติงลุ่น เฉินเหมิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งติงลุ่นชักชวนให้คนอื่นดื่มตั้งแต่ต้นจนจบ
หนึ่งแก้วสำหรับนาง หนึ่งแก้วสำหรับข้า สองถ้วยสำหรับคนอื่น เหล้าที่เข้าไปในท้องของเขายังไม่ถึงครึ่งทาง ดูเหมือนว่าจะต้องดื่มเพิ่มเสียแล้ว
กู้เสี่ยวหวานดื่มเหล้าเล็กน้อย หลังจากนั้นอาจั่ว โค่วตัน และคนอื่น ๆ ก็ปฏิเสธที่จะให้นางดื่มอีก
หากคุณหนูเมาแล้ว ท่าทางการเมาของนางนั้น… เหอะเหอะ ยกเว้นนายท่านก็ห้ามให้ใครเห็นเด็ดขาด!
ติงลุ่นคิดว่าการชวนหญิงสาวดื่มคงไม่ดีนัก ดังนั้นเขาจึงหันเป้าหมายไปที่ซูหมาง
“ซูหมาง เราเป็นสหายร่วมรบ ตอนนี้เราอยู่ในเมืองหลวง ทำไมเจ้าไม่ดื่มเหล้านี้หน่อยล่ะ?” ติงลุ่นแสร้งทำเป็นโกรธ
“กลางคืนกองกำลังรักษาความสงบจะต้องออกลาดตระเวน ดังนั้นพวกเราจะดื่มมากเกินไปไม่ได้!” ซูหมางพูดว่าเขามีเรื่องต้องทำในตอนกลางคืน
“เจ้าเป็นรองผู้บัญชาการ เจ้ายังต้องลาดตระเวนอยู่อีกหรือ? อย่างมากที่สุดก็แค่ออกไปรักษาการณ์ ดื่มสักหน่อยจะเป็นอะไร?” ติงลุ่นเดินมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับจอกเหล้าในมือ สาบานว่าถ้าเขาไม่ดื่มตัวเองก็จะไม่จากไป
เป็นความจริงซูหมางไม่จำเป็นต้องออกลาดตระเวนในตอนกลางคืนด้วยตัวเอง เพียงแค่นั่งอยู่ในกองกำลังรักษาความสงบ และรอข่าวก็พอ
แต่ซูหมางไม่กล้าดื่มจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธ “ท่านพี่ติง ข้าดื่มไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าท่านไม่รู้!”
“ข้าไม่รู้หรือ เราเคยดื่มในถ้วยยักษ์ด้วยซ้ำ ข้าจำได้ว่าเจ้าดื่มไปตั้งหลายถ้วยไม่ใช่หรือ? เหล่าเฉิน เจ้ายังจำได้ไหมว่าเหล่าซูดื่มไปมากแค่ไหน?” ติงลุ่นจำไม่ได้จึงถามเฉินเหมิ่งที่อยู่ด้านข้าง
เฉินเหมิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าและพูดว่า “ข้าจำเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เคยเห็นเหล่าซูเมามาก่อน!”
“ได้ยินไหม? เจ้าไม่เคยเมามาก่อน ดังนั้นสามารถดื่มเยอะ ๆ ได้!” ติงลุ่นชมและยกเหล้าจ่อปากของซูหมาง
เมื่อได้กลิ่นหอมหวานของเหล้า ซูหมางก็หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เขาไม่เคยเมามาก่อน แต่เขาก็ไม่กล้าดื่มมากเกินไป
“ข้า…” ซูหมางลำบากยิ่งนัก ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากดื่ม แต่เพราะเขาไม่กล้าดื่มจริง ๆ
ถ้าดื่มแล้วเขาเมา เขาจะ…
ซูหมางผลักมันออกไปโดยไม่เต็มใจ “ท่านพี่ติง ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำจริง ๆ ข้าไม่สามารถดื่มมันได้!”
ติงลุ่นไม่เชื่อ จึงยื่นเหล้าให้เขาอย่างดื้อรั้น “ถ้าเจ้าไม่ดื่มจะถือเป็นการไม่ไว้หน้าเสี่ยวหวาน เจ้ารู้ไหมว่านางจัดงานเลี้ยงนี้ให้เจ้าโดยเฉพาะ”
ติงลุ่นยกชื่อกู้เสี่ยวหวานมาอ้าง ดูเหมือนว่าติงลุ่นต้องการบังคับให้ซูหมางดื่มเหล้านี้
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ห้ามเขา อย่างไรก็ตามซูหมางก็คงไม่เป็นอะไร
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้หยุดเขา คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน การมีคนดื่มเป็นเพื่อนนั้นดีกว่าดื่มคนเดียวมากนัก พวกเขาโห่ร้องและเชิญซูหมางเข้าร่วมวงดื่มด้วยกัน
เฉินเหมิ่งยังกล่าวอีกว่า “แม้ว่าเราจะเคยอยู่ในค่ายทหารมาก่อน แต่เราไม่ได้อยู่สังกัดเดียวกัน ข้าจึงไม่รู้ความสามารถในการดื่มของเจ้า วันนี้ไม่เมาไม่กลับ! นี่จะเป็นการชดเชยเวลาที่เคยอยู่ในค่ายทหารในตอนนั้น!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็กระซิบบางอย่างกับโค่วไห่ที่อยู่ด้านข้างสองสามคำ จากนั้นก็ออกไป หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็มาพร้อมกับถ้วยขนาดใหญ่หลายใบในมือ
เมื่อติงลุ่นเห็นมัน ดวงตาที่ยิ้มแย้มของเขาก็หรี่ลง “เสี่ยวหวานเข้าใจเราจริง ๆ การดื่มจากถ้วยเล็ก ๆ นี้ไม่พอหรอก ดื่มจากถ้วยใหญ่เช่นนี้สะใจกว่ามาก มา มาเปลี่ยนเป็นถ้วยใหญ่กันเถอะ!”
ตอนแรกซูหมางตั้งใจจะดื่มอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าถ้วยเหล้าใบเล็กถูกแทนที่ด้วยถ้วยใบใหญ่ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง
โค่วไห่ยื่นถ้วยยักษ์ทั้งสี่ใบให้หลี่ฝาน เฉินเหมิ่ง และติงลุ่น และในที่สุดก็เหลือเพียงถ้วยเหล้าโดดเดี่ยวอยู่บนโต๊ะ ซูหมางมองไปที่ถ้วยใบนั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขาจะกล้ายื่นมือออกไปได้อย่างไร
“ซูหมาง เราทุกคนกำลังดื่มกันอยู่ ทำไมเจ้ายังไม่รีบอีก! ทำตัวขี้อายเหมือนสตรีไปได้! เจ้าอย่าทำให้ท่านอาที่นั่งข้าง ๆ ดูถูกเจ้าสิ!” ติงลุ่นถือถ้วยเหล้าไว้ในมือ ก่อนยื่นแขนไปโอบรอบคอของหลี่ฝานพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หลี่ฝานก็มองไปที่ซูหมางด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าคำถามในใจของเขาจะชัดเจนมากขึ้น
ในตอนแรกซูหมางปฏิเสธหัวชนฝา แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่ติงลุ่นพูด เขามองไปที่คนด้านข้างเล็กน้อยและรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นงดงามยิ่งนัก
กู้ฟางสี่สวมเสื้อปักลวดลายดอกเหมย ด้านล่างเป็นกระโปรงปักลวดลายดอกเหมยสีเดียวกัน ปกคอวีทำให้ใบหน้าของนางเล็กลง ดูเหมือนว่าจะได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกเหมยนั้นด้วย
ซูหมางจึงรีบตอบกลับไปว่า “ตกลง ข้าจะดื่มมัน!”
ดูเหมือนว่าเขาจะกลัวว่าท่านอาจะดูถูกตัวเอง
ชายร่างใหญ่ทั้งสี่กำลังดื่มอย่างมีความสุข กู้เสี่ยวหวาน และคนอื่น ๆ นั่งดูความครึกครื้นนั้น ทั้งห้องอาหารมีเสียงดังจึงดูมีชีวิตชีวามาก
ติงลุ่นดื่มเหล้าหมดในอึกเดียว ซูหมางหยิบถ้วยใบใหญ่ขึ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกขึ้นกระดกทีเดียวจนหมด
เมื่อเห็นว่าเหล้าในถ้วยของซูหมางหมดแล้ว ติงลุ่นก็ดีใจอย่างมาก “ดีมาก ดีมาก เติมอีก เติมอีก!”