ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2185 การแสดงเดี่ยวของซูหมาง
บทที่ 2185 การแสดงเดี่ยวของซูหมาง
เหล้าของซูหมางเพิ่งหมดลง โค่วไห่ก็หยิบขวดเหล้ารินใส่ถ้วยให้เขาอีกครั้ง
ทันทีที่ซูหมางนั่งลง เขาก็พบว่าถ้วยของเขากลับเต็มไปด้วยเหล้าอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่นานของเหลวในถ้วยก็ลงไปอยู่ในท้องเขาเรียบร้อย ซูหมางที่ไม่เคยได้ดื่มบ่อยนัก จึงรู้สึกว่ากลิ่นเหล้าแรงโชยเข้ามาทำให้เขารู้สึกมึนเมา
“มาเลย มาอีก…” ติงลุ่นหยิบถ้วยใบใหญ่แล้วดื่มอีกครั้ง
ซูหมางหยิบถ้วยใบใหญ่ตรงหน้าแล้วกระดกทีเดียวจนหมดถ้วย
หลังจากดื่มเหล้าไปสามถ้วย ติงลุ่นก็ยังสนทนากับเฉินเหมิ่งและหลี่ฝานได้ตามปกติ แต่ในขณะนี้มีเสียงแผ่วเบาจากฝั่งตรงข้าม “เหล่าทหารกล้ากรีธาทัพออกรบ เดินทัพออกจากบ้านเกิด ทิ้งถิ่นฐานที่ห่างไกลนับพันลี้ ถวิลพ่อแม่บุพการี เมื่อมองพระจันทร์ดวงเดียวกัน ใจก็เต็มไปด้วยความโหยหา…”
น้ำเสียงแผ่วเบาราวกับโหยหาบ้านเกิดและญาติพี่น้อง คนที่ท่องกวีนี้คือซูหมางที่ดื่มเหล้าไปสามถ้วย เขาถือตะเกียบเหวี่ยงไปมา ดูเหมือนว่าเขาเมาแล้วแต่ยังท่องกวีได้ชัดเจน
แน่นอน ในบรรดาทหารที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้ ไม่มีใครไม่คิดถึงบ้าน ไม่มีใครไม่ไม่คิดถึงพ่อและแม่ ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งสามารถเข้าใจความหมายกวีของซูหมางได้ ขณะที่พวกเขาอยู่ในสนามรบที่ห่างจากบ้านเกิดหลายพันลี้ ยามมองไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสวดวงเดิม ทิ้งถิ่นฐานที่ห่างไกลนับพันลี้ เมื่อมองดูพระจันทร์ดวงเดียวกัน ในใจเต็มไปด้วยความโหยหา
พวกเขากำลังจะท่องกวีตาม แต่เสียงของซูหมางก็หยุดลงทันใด จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอันน่าเกรงขาม “โกรธแค้นแสนคลั่ง เส้นเกศาตั้ง ใต้มาลา เอนพิงอิงราว พิรุณกราวกราว ก็ละราแหงนเล็งเหลือบจ้อง นภาพลางกู่ร้องก้องโกญจา…”
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งรู้จักกวีนี้เช่นกัน และเมื่อเห็นว่าทำนองเริ่มเปลี่ยน พวกเขาก็เริ่มท่องตาม “กำแหงกล้า…”
“ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขต มีหมาป่าเดียวดายวิ่งอยู่ในดินแดนรกร้าง ซ่างเหมยโหย่วเตีย เซี่ยเหมยโหย่วคั่ง มีเพียงแผ่นดินใต้เท้าที่ยาวไกล ไม่มีอาหารให้ไขว่คว้า…”
เมื่อครู่ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งยังไม่ทันจะได้ท่อง แต่ซูหมางก็เปลี่ยนทำนองอีกครั้ง พวกเขาแค่ต้องการรับทำนอง แต่ก่อนที่พวกเขาจะพูด พวกเขาเห็นว่าทำนองจากปากของซูหมางเปลี่ยนไปอีกครั้ง…
“เพลงรักอ้อมสันเขา เพลงเศร้าเขย่าสี่ทิศ…”
น้ำเสียงอันน่าเกรงขามเมื่อครู่กลายเป็นนุ่มนวล ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งมองหน้ากันแล้วรู้ว่าซูหมางเมามากเกินไปแล้ว!
หลังจากที่ซูหมางเมา เขาก็ท่องกวีต่อไปและเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะท่องกวีอะไรต่อไป และไม่มีใครรู้ว่าเขาจะท่องต่ออีกมากแค่ไหน
คนเหล่านี้ดื่มเหล้าชั้นดีหมดไปสองขวด ติงลุ่นที่ดื่มไปเกือบหนึ่งขวดและไม่มีท่าทีจะเมามาย และหลังจากที่ซูหมางดื่มไปสามถ้วย เสียงที่ท่องกวีต่างกันไป บางครั้งน่าเกรงขาม บางครั้งเศร้า และบางครั้งก็เต็มไปด้วยอารมณ์สะเทือนใจ ท่องซ้ำไปซ้ำมาโดยลืมบุคลิกเดิมของตัวเองไปเสียสนิท
ซูหมางดื่มมากเกินไปแล้ว
กู้ฟางสี่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นว่าบางครั้งเขาก็แกว่งตะเกียบไปมา บางครั้งก็ยืนขึ้นอย่างกล้าหาญ และบางครั้งก็ดูเศร้าสร้อย ซูหมางเป็นเหมือนนักแสดงที่กำลังแสดงความสุขและความเศร้าต่อหน้าทุกคน
กู้ฟางสี่ฟื้นตัวจากอาการตกตะลึงได้เร็วที่สุด เมื่อเห็นซูหมางดื่มมากเกินไปและท่องกวีไม่หยุด นางจึงทนไม่ได้และรีบเอื้อมมือไปตบไหล่ซูหมาง แล้วถามอย่างเป็นห่วง “ใต้เท้าซู ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
ซูหมางหันไปมองกู้ฟางสี่ เดิมทีเขากำลังท่องกวีวีรบุรุษนอกกำแพงเมืองจีน เมื่อเห็นกู้ฟางสี่บทกวีที่ออกจากปากเขาก็เปลี่ยนไป
“ภูเขาและแม่น้ำอยู่ห่างไกล ยามอาทิตย์สาดแสงรุ่งอรุณ ทิศตะวันออกสาดย้อมด้วยสีแดง พี่ชายอยู่ทิศตะวันตก น้องสาวอยู่ทิศตะวันออก พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า ควันปรุงอาหารเรียกร้องให้เจ้ากลับมา นกกางเขนโบยบินเหนือศีรษะ เมื่อฤดูหนาวไป ฤดูใบไม้ผลิก็กลับมา ภูเขาเขียวชอุ่ม คู่พี่รักน้อง ใจน้องมัวเมา…พันลี้ไม่ไกลนัก เราจะเป็นใจเดียวกันตลอดไป”
ซูหมางมองไปที่กู้ฟางสี่อย่างจริงจัง
ติงลุ่นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นฉากนี้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่า ซูหมาง… ซูหมาง ที่แท้ยามเขาเมาก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เราไม่เคยเห็นเขาดื่มมากขนาดนี้! ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ติงลุ่นหัวเราะอย่างมีความสุข แม้ว่าเขาจะไม่เคยตามทันกวีของซูหมาง แต่คราวนี้ซูหมาง ท่องกวีเกี่ยวกับพี่ชายคิดถึงน้องสาว
แต่ผู้ฟังอย่างกู้ฟางสี่กลับหน้าแดงไปถึงใบหูของนาง แม้ว่านางจะรู้ว่าซูหมางเมาและเป็นไปตามสัญชาตญาณ เขาจะท่องกวีอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนท่องกวีรักให้
ซูหมางท่องกวีด้วยความจริงใจ เขามองไปที่กู้ฟางสี่โดยไม่แม้แต่จะหลบตา ถ้ากู้ฟางสี่ไม่รู้ว่าเขาเมา ใครจะต้านทานการสายตาอันแผดเผานี้ได้!
มันยากที่จะท่องกวีให้จบ ทุกคนคิดว่าซูหมางจะเปลี่ยนกวีอีกครั้ง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าซูหมางจ้องมองที่กู้ฟางสี่ไม่ละสายตา และเริ่มท่องกวีอีกครั้งทันที
กู้ฟางสี่นั่งนิ่งไม่ได้อีกต่อไป นางถูกซูหมางจ้องจนรู้สึกราวกับว่าจะพรุนไปทั้งร่าง นางปลีกตัวออกไปโดยใช้ข้อแก้ตัวว่าจะไปเตรียมน้ำแกงแก้เมาค้างสำหรับทุกคน ใบหน้าตื่นตระหนกนั้นแดงก่ำ
เมื่อฝั่งตรงข้ามไม่มีน้อง และในที่สุดกวีของพี่ก็เปลี่ยนไป…
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง
ในตอนท้ายของงานเลี้ยงนี้จึงกลายเป็นการแสดงเดี่ยวของซูหมาง กู้เสี่ยวหวานไม่คาดคิดซูหมางเมาแล้วจะท่องกวีไม่หยุด นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจนัก
น้ำแกงอาการเมาค้างของกู้ฟางสี่ถูกยกมาไม่ช้า ติงลุ่น เฉินเหมิ่งและหลี่ฝานต่างดื่มคนละถ้วย และเหลือเพียงถ้วยเดียวซึ่งวางอยู่ข้างหน้าซูหมาง แต่เมื่อเห็นว่าเขายังท่องกวีต่อกระตือรือร้นและไม่แม้แต่จะสัมผัสน้ำแกงแก้เมาค้าง ติงลุ่นก็ก้าวไปข้างหน้าตั้งใจจะป้อนซูหมางด้วยตัวเอง
ไม่มีใครคาดคิดว่าซูหมางที่ดื่มมากไปจะไม่ชอบให้ผู้ใดเข้าใกล้ เมื่อติงลุ่นยื่นมือออกไปวางมันบนไหล่ของเขา ซูหมางก็หันกลับมาเหวี่ยงใส่อีกฝ่าย
โชคดีที่ติงลุ่นหลบได้เร็ว จึงทำให้ไม่โดนกำปั้นของอีกฝ่าย และเขาก็ตะโกนอย่างกระวนกระวายใจ “ซูหมาง เจ้ากำลังทำอะไร”
ซูหมางไม่พูดอะไร เขายังคงเอนหลังอยู่บนโต๊ะและท่องกวีต่อไปราวกับว่าไม่ได้สนใจการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนนี้