ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2186 ชมข้าสิ
บทที่ 2186 ชมข้าสิ
ติงลุ่นไม่กล้าเข้าใกล้เขาอีก ดังนั้นเฉินเหมิ่งจึงมาแทน แต่ด้วยบทเรียนของติงลุ่น ในตอนนี้เฉินเหมิ่งจึงระมัดระวังมากขึ้นขณะเดินเข้าไป ตอนที่เขาตบไหล่ของอีกฝ่าย ซูหมางก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่หนึ่งที่เคยใหญ่อยู่แล้วก็เบิกกว้างจนขนาดพอ ๆ กับระฆัง เขาจ้องมองไปที่เฉินเหมิ่งแล้วสะบัดมือ เฉินเหมิ่งถอยกลับอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีของซูหมาง
“นี่มันอะไรกัน? เขาเมามากแล้วไม่มีใครเข้าใกล้เขาได้เลยหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะท่องกวีทั้งคืน?”
ตอนนี้ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งเข้าใจแล้วว่าซูหมางเป็นอย่างไรเมื่อเขาเมา และไม่มีใครแตะต้องเขาได้
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะท่องกวีที่นี่ทั้งคืน?
หรือต้องรอจนเขาสร่างเมา?
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งหมดอับจนหนทางและกู้เสี่ยวหวานก็ตะลึงเล็กน้อย ใต้เท้าซูคนนี้ดื่มเหล้าจนเมามาย
เขาท่องบทกวีไม่หยุดและไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เขาได้ แตะตัวเมื่อไหร่ก็ต่อย ตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่มีใครทนไหวหรอก!
“เสี่ยวหวาน เจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี? เขาไม่ยอมดื่มน้ำแกงและไม่มีใครเข้าใกล้ได้ เราควรทำอย่างไร?” ติงลุ่นหมดปัญญา ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ก็คงไม่ชวนซูหมางดื่ม
กู้เสี่ยวหวานพยายามคิดหาวิธี ทุกคนยืนห่างจากโต๊ะ ทิ้งซูหมางให้นอนท่องกวีอยู่คนเดียว เดี๋ยวบทนั้นเดี๋ยวบทนี้ เขาดูสนุกกับการท่องกวีมาก
หลี่ฝานเฝ้ามองจากด้านข้าง และทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาเดินไปหยุดลงข้างกู้เสี่ยวหวานและเริ่มกระซิบบางอย่าง
หลังจากกู้เสี่ยวหวานฟังจบ นางก็นึกถึงเรื่องนี้
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งที่แตะตัวเขาต่างถูกซูหมางต่อย…
เมื่อเขาดื่มมากเกินไปและเริ่มท่องบทกวีไปทั่ว แต่ท่านอาแตะตัวเขาได้!
เขาไม่ได้ทำอะไรท่านอา!
เป็นไปได้ไหมที่เขาเห็นว่าเป็นผู้หญิงจึงไม่ได้ลงไม้ลงมือ?
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ กู้เสี่ยวหวานก็วางแผนที่จะไปลองด้วยตัวเอง จะต้องให้เขากินน้ำแกงแก้อาการเมาค้างให้ได้
เมื่อเห็นว่าคุณหนูกำลังจะไปป้อนน้ำแกงให้อีกฝ่าย อาจั่วจึงรีบหยุดนาง “คุณหนู ข้าจะไปเอง ข้ามีทักษะในการป้องกันตัว แม้ว่าเขาต่อยข้า ข้าก็สามารถหนีได้เร็วกว่า”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและเห็นอาจั่วเข้าไปใกล้ซูหมาง ตอนนี้เขายังไม่เคลื่อนไหวใด ๆ หลังจากที่อาจั่วนำน้ำแกงแก้อาการเมาค้างมาให้ นางตบหลังซูหมาง “ใต้เท้าซู ดื่ม…”
หัวใจของทุกคนเต้นระรัว บทกวีของซูหมางหยุดลงทันทีเมื่ออาจั่วแตะหลังของเขา สร้างความตกใจให้เสี่ยวหวานเป็นอย่างมาก “อาจั่ว ระวัง…”
มันสายเกินไปแล้ว ซูหมางกำหมัดปล่อยมันเข้าที่เอวของอาจั่วอย่างไม่ออมแรง โชคดีที่ศิลปะการต่อสู้ของอาจั่วนั้นแข็งแกร่ง และนางก็หลีกเลี่ยงหมัดของซูหมางได้ทัน
ซูหมางไม่ได้ต่อยโดนนาง หากแต่เขาเอนหลังลงบนโต๊ะและท่องกวีอีกครั้ง
เมื่อทุกคนเห็นซูหมางเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำยังไง ไม่เพียงแต่พวกผู้ชายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกผู้หญิงด้วย
ใครจะสามารถเข้าใกล้เขาได้ หรือต้องปล่อยให้เขานอนท่องกวีที่นี่ทั้งคืน
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งเป็นผู้ร้ายที่ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเมามาย พวกเขาอายเกินกว่าจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ดังนั้นจึงพูดว่า “เสี่ยวหวาน พวกเจ้ากลับไปเถอะ คืนนี้ข้ากับเฉินเหมิ่งจะเฝ้าเขาเอง และเมื่อเขาสร่าง เราก็จะกลับไป เรา…ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเมาแล้วจะเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเราคงไม่กล้าให้เขาดื่ม!”
ติงลุ่นรู้สึกละอายใจเล็กน้อย อันที่จริงมันไม่มีเหตุผลเลยที่จะอยู่บ้านของหญิงสาวในเวลาดึกดื่นเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ซูหมางที่เมามาย แต่การให้เขานอนที่นี่นั้นเป็นหนทางเดียว
ในทางกลับกัน หลี่ฝานดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้และพูดว่า “ทำไมไม่ให้ท่านอาลองดูล่ะ? เขาคงไม่ทำอะไรกับท่านอาหรอก? เรา…ลองดูก่อนไหม?”
ตอนนี้ต้องลองอีกสักตั้ง
“โค่วตัน รีบเชิญท่านอา…” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
ติงลุ่นและเฉินเหมิ่งมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความสงสัย “เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าวางแผนที่จะให้ท่านอาป้อนเขา? เป็นไปได้อย่างไร? ท่านอาจะรอดจากการโจมตีของเขาได้อย่างไร!”
กู้เสี่ยวหวานไม่แน่ใจ แต่นางก็เห็นในสิ่งที่หลี่ฝานเล่าให้ฟัง ตอนนั้นกู้ฟางสี่ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เดิมทีคิดว่าซูหมางจะไม่ทำร้ายผู้หญิง แต่จากตัวอย่างของอาจั่ว ไม่ใช่ว่าซูหมางไม่ทำร้ายผู้หญิง เหตุใดเขาถึงไม่ทำร้ายกู้ฟางสี่คนเดียวล่ะ
กู้ฟางสี่กลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากฟังคำพูดของอาจั่ว ในที่สุดนางก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ทุกคนได้ลองแล้ว แต่ไม่มีใครแตะต้องซูหมางได้ กู้ฟางสี่จึงรู้สึกสงสัย แต่นางก็รีบพูดว่า “ข้าจะไปลองดู!”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยและพูดกับอาจั่วและอาโม่ “เจ้าสองคนตามท่านอาไป ถ้าซูหมางจะลงไม้ลงมือ พวกเจ้าก็รีบนำท่านอาออกมา!”
กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าศิลปะการต่อสู้ของอาจั่วและอาโม่นั้นดีแค่ไหน เมื่อทั้งสองคนอยู่ข้างกู้ฟางสี่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านอาอย่างแน่นอน!
“ใต้เท้าซู…” กู้ฟางสี่ถือน้ำแกงแก้เมาค้างไว้ในมือและเดินไปหาซูหมาง
จากนั้นนางก็ตบหลังซูหมางและพูดต่อ “ดื่มน้ำแกงแก้เมาค้างสักถ้วยเถอะ?”
ซูหมางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ทำเอาหัวใจของทุกคนเต้นแรง อาโม่ยืนอยู่ข้างหลังท่านอา หากซูหมางเคลื่อนไหว อาโม่จะรีบเข้าไปขวางนางไว้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น ซูหมางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และหยุดท่องบทกวี หลังจากมองไปที่กู้ฟางสี่ แล้วอ้าปากเหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย เขาอ้าปากและกินน้ำแกงในช้อนที่กู้ฟางสี่ป้อนให้
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ช้อนแล้วช้อนเล่า ซูหมางนั่งบนเก้าอี้อย่างเชื่อฟัง โดยมีกู้ฟางสี่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา เพราะซูหมางนั้นตัวสูง แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่ก็ตาม แต่ความสูงของเขาก็สูงถึงไหล่ของกู้ฟางสี่ เขาดื่มหนึ่งช้อนแล้วมองไปที่กู้ฟางสี่อย่างแน่วแน่ จากนั้นก้มศีรษะลงและดื่มอีกช้อนอย่างเชื่อฟัง
ท่าทางเรียบร้อยและจริงจังนั้นดูไม่เหมือนผู้ชายนิสัยรุนแรงเมื่อครู่ที่ทำร้ายใครก็ตามที่มาแตะต้องตัวเอง
ทุกคนตกตะลึง
ชามน้ำแกงเมาค้างหมดลงอย่างรวดเร็ว ในถ้วยของกู้ฟางสี่ว่างเปล่า และนางก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ดื่มหมดแล้ว!”
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือซูหมางเงยหน้าขึ้นมองกู้ฟางสี่ และคลี่ยิ้มหวานเหมือนเด็กที่ต้องการขอขนมและพูดอย่างออดอ้อนว่า “ชมข้าสิ”