ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2190 อดใจไม่ไหว
บทที่ 2190 อดใจไม่ไหว
ทันใดนั้นคนที่นั่งหลับตาอยู่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวยาวพราวเสน่ห์ เขาเลิกคิ้ว ริมฝีปากสีชมพูที่ดูเย้ายวนแยกออกเล็กน้อย “ดี!”
ความเร็วของรถม้าชะลอตัวลง เมื่อได้ยินเสียงข้างนอกที่หายไปนาน มุมปากของชายคนนั้นยกยิ้มอ่อนโยน ดวงตาของเขาหรี่ลงเหมือนพระจันทร์เสี้ยวเผยให้เห็นความอ่อนโยนที่หาได้ยาก
เมื่อรู้ว่าฉินเย่จือกำลังจะกลับมา กู้เสี่ยวหวานจึงสั่งให้คนทำความสะอาดห้องทันที และคิดว่ากว่าเขาจะกลับมาถึงก็คงอีกสองสามวัน แต่นางไม่รู้ว่าหลังจากให้อาหารโม่เกอแล้ว จะได้ยินเสียงตื่นเต้นของโค่วตัน “คุณหนู พี่ใหญ่ฉินกลับมาแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานรีบร้อนจนไม่สนใจมารยาท หญิงสาววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องกระโปรงที่ยาวรุงรังทำให้วิ่งไม่สะดวก กู้เสี่ยวหวานจึงต้องยกกระโปรงขึ้น โดยมีอาจั่วเดินตามหลังนาง เมื่อคุณหนูวิ่งอย่างรวดเร็ว ก็เอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
แค่คิดว่าจะได้เจอกับคนที่ถวิลหา กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หลังจากวิ่งผ่านระเบียงทางเดินและลานหน้าบ้านก็เห็นฉินเย่จือยืนหันหลังถอดเสื้อคลุม กำลังพูดบางอย่างกับโค่วไห่
กู้เสี่ยวหวานก้าวเท้าเร็วขึ้น ฉินเย่จือที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวด้านหลังจึงหันกลับไป ก็พบกู้เสี่ยวหวานกระโจนเข้ามาในอ้อมแขน ฉินเย่จือยื่นคว้าหญิงสาวมากอดไว้ แต่เพราะแรงของกู้เสี่ยวหวานค่อนข้างมาก ร่างกายฉินเย่จือจึงเซไปข้างหลังหนึ่งก้าว
“ในที่สุดท่านก็กลับมา!” กู้เสี่ยวหวานกอดเขาแน่น ไม่สนใจผู้คนรอบข้าง และส่งยิ้มให้กัน
ฉินเย่จือก็ไม่สนใจคนรอบข้างและกระชับอ้อมกอดแน่น ทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดการรอคอยนั้นก็สิ้นสุดลง ความโหยหาจึงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะข้าง ๆ ฉินเย่จือก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ปรายตาชำเลืองมองพวกเขา คนเหล่านั้นรีบปิดปากแน่นและเดินออกไปทันที
กู้เสี่ยวหวานไม่สนใจท่าทีของคนเหล่านี้ นางแค่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉินเย่จือตาไม่กะพริบ
ฉินเย่จือน้ำหนักลดไปมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบฝุ่น มีตอหนวดขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่ฉินเย่จือ โดยที่ฉินเย่จือก็มองมาที่นางเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเหตุใด เขาถึงคิดว่ากู้เสี่ยวหวานนั้นสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ตอนนี้นางดูเหมือนจะโตขึ้น ผมดำขลับของนางถูกหวีอย่างประณีต เผยให้เห็นหน้าผากที่เรียบเนียน ใบหน้าที่บอบบางของนางแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อย ขนตายาวเป็นแพ ทำให้ดวงตาคู่นั้นดูโตขึ้น
จมูกเล็กกระจิดริดและริมฝีปากอมชมพู กู้เสี่ยวหวานเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากสีดอกกุหลาบเม้มเข้าหากันเล็กน้อย ราวกับว่านางกำลังรอให้ใครสักคนมารับ
ฉินเย่จือเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เหลือเพียงเขาสองคน จึงก้มหน้าลงพลางคลี่ยิ้มจาง จากนั้นประทับจูบลงริมฝีปากนั้นอย่างโหยหา
“เจ้า…” กู้เสี่ยวหวานแค่อยากจะบอกว่าเจ้าผอมลงแล้ว แต่คำพูดของนางกลับถูกกลืนลงไป
หญิงสาวเบิกตากว้าง มองใบหน้าที่หล่อเหลาตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ
นี่มันกลางวันแสก ๆ อีกทั้งยังยืนอยู่กลางลาน โปรดระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย
สมองของนางเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
ฉินเย่จือไม่ได้สัมผัสริมฝีปากนี้มานานแล้ว เขาโหยหาหญิงสาวตรงหน้ามาก กู้เสี่ยวหวานแค่อยากจะบอกว่าให้ระวังผลกระทบที่จะตามมา แต่เมื่อนางเปิดปากก็พบกับสัมผัสนุ่มหยุ่นที่สอดเข้ามา
กลิ่นหอมที่ชัดเจนและสดชื่นของฉินเย่จือผสมผสานกับลมหายใจรุกล้ำประสาทสัมผัสทั้งหมดของนาง
ความรู้สึกนี้คุ้นเคยเกินไป
หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต้นระรัว แม้ว่าพวกเขาจะทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่…
ตอนนี้ท้องฟ้าสว่างโร่และกลางบ้านอีกต่างหาก การกระทำนี้ทำให้ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานแดงก่ำราวกับมะเขือเทศ อยากดิ้นให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดและจุมพิตของผู้ชายคนนี้
แต่ไม่คาดคิดว่าก่อนที่นางจะได้อ้าปากหรือขยับเขยื้อน ชายคนนี้กลับอ่านใจนางได้ทั้งหมด อ้อมกอดนั้นจึงกอดรัดนางแน่นยิ่งขึ้น!
ในขณะที่กู้เสี่ยวหวานกังวลว่าจะมีคนพบเห็น แต่นางก็โลภมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะมีไฟร้อนแผดเผาอยู่ในอก กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายนางคงถูกเผาไหม้
จนกระทั่งนางส่งเสียงครางแผ่วออก ฉินเย่จือจึงยอมปล่อยนางออกจากพันธนาการ
ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานอ่อนยวบ ฉินเย่จือเองก็ไม่ได้ดีกว่านางเท่าไรนัก เขายับยั้งความปรารถนาของตัวเองมานานกว่าสิบปี และดูเหมือนว่าตอนนี้จะก้าวหน้าแล้ว
กู้เสี่ยวหวานทรุดตัวลงในอ้อมแขนของฉินเย่จือ “คน…เยอะแยะ”
ฉินเย่จือลูบริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานเบา ๆ สายตาจับต้องไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอาการสับสนในอ้อมแขนตนเอง และพูดด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ตรงนี้มีใครที่ไหนกัน ที่นี่มีเพียงเราสองคน!”
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานพร่ามัว ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ รอบกายเงียบสงบ แม้แต่ประตูลานก็ถูกปิดสนิท ตรงนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
เมื่อนึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของตนเองก็รู้สึกอายขึ้นมา กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผ่าว และมันคงจะแดงมาก ฉินเย่จือรู้สึกจั๊กจี้ในใจเมื่อเห็นภาพนั้น ก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากคู่นั้นอีกครั้ง
วันนี้กู้เสี่ยวหวานทาขี้ผึ้งกลิ่นดอกกุ้ยฮวารสหอมหวาน แต่ตอนนี้กลับถูกฉินเย่จือกินมันจนหมดเกลี้ยง รสชาตินี้หวานกว่าน้ำผึ้งยิ่งนัก
ฉินเย่จือใช้เวลาหลายวันในการเดินทางกลับเมืองหลวง แต่เพราะเนื่องจากความคิดถึงที่มีต่อกู้เสี่ยวหวาน ความเร็วในการเดินทางครั้งนี้จึงเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง และมาถึงหลังโมเกอไม่นาน
พวกเขาสองคนดูเหมือนมีมากมายจะคุยกัน ก่อนจะจับมือเดินไปด้วยกันตลอดทาง
เมื่อเห็นพวกเขามาถึง อาจั่วก็รีบมารายงาน “คุณหนู น้ำพร้อมแล้ว!”
แม้ว่าภายนอกฉินเย่จือจะดูไม่สกปรก แต่หลังจากเดินทางมาหลายวันก็ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ดังนั้นนางจึงพูดว่า “ท่านไปอาบน้ำล้างตัวเถอะ อาบน้ำเสร็จแล้วจะได้มากินข้าว!”
ฉินเย่จือยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองแววตาที่อ่อนโยนของกู้เสี่ยวหวาน ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใดเมื่อกลับมาและได้มองดวงตาที่งดงามคู่นั้น ก็รู้สึกราวกับได้เกิดใหม่ ดวงตาเปล่งประกายคู่นั้นช่างเย้ายวนราวกับธารน้ำใสในฤดูใบไม้ร่วง