ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2191 ข้าดูดีขนาดนั้นเลยหรือ
บทที่ 2191 ข้าดูดีขนาดนั้นเลยหรือ
ขณะที่ฉินเย่จือกำลังจะหันกลับมา เขาก็มองดวงตาคู่นั้นและจมอยู่ในเสน่ห์ของนางอีกครั้งอย่างไม่สามารถถอนตัวออกมาได้
เขาหันกลับมาและกอดนางไว้อีกครั้ง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกงุนงงเล็กน้อยและถาม “เป็นอะไรไป?”
ฉินเย่จือรู้สึกว่าในกายของเขาร้อนผ่าว จึงพยายามควบคุมความร้อนในร่างกายไว้อย่างมาก และกดหน้าผากของตนกับหน้าผากของนาง
ก่อนจะกดริมฝีปากแตะลงบนหน้าผากและจมูกเล็ก ๆ นั้น และสุดท้ายก็แตะลงบนเปลือกตาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
เขาจูบค้างอยู่ที่เปลือกตาของกู้เสี่ยวหวาน โดยที่กู้เสี่ยวหวานหลับตาพริ้ม พลางฟังเสียงฉินเย่จือที่ดังขึ้น “จากนี้ไป อย่ามองคนอื่นด้วยสายตาแบบนั้นอีก”
หลังจากพูดจบ เขาผลักกู้เสี่ยวหวานออกไปและหมุนกายเดินไปที่ห้องอาบน้ำ โดยไม่หันหลังกลับมาอีก กังวลว่าหากก้าวช้ากว่านี้ นางจะเห็นท่าทางน่าเกลียดของเขา
กู้เสี่ยวหวานมองแผ่นหลังของเขาจากไป เมื่อคิดถึงคำของเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ความหมายคืออะไร?
สายตานี้ทำไมกัน?
หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ยิ้มออกมา ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งสองเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น พวกเขาถึงกับต้องควบคุมสายตาของตนเอง นี่มันบังคับกันเกินไปแล้ว
กู้เสี่ยวหวานคิดเพียงว่าเขาเอาแต่ใจและไม่ได้คิดเรื่องอื่น ก่อนจะหันมาพูดว่า “โค่วไห่ เจ้ารออยู่ที่นี่ ส่วนอาจั่วไปที่ห้องครัวกับข้า”
ช่วงนี้งานในครัวยุ่งมาก
แม้ว่าจะบอกว่ายุ่งมาก แต่ก็มีเพียงโค่วตันและเสี่ยวชิงอยู่ในครัวเท่านั้น ส่วนกู้ฟางสี่ไม่อยู่ที่นั้น
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ท่านอาไปไหน?”
“คุณหนู ท่านอาไม่รู้ว่านายน้อยฉินจะกลับมา หลังจากจัดการเรื่องที่จวนเสร็จก็ไปที่ร้านจิ่นฝูแล้ว!” โค่วตันพูด
กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “อืม ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มาช่วยข้า วันนี้ข้าจะทำอาหารเอง!”
โค่วตันที่ถือมีดชะงักไปเล็กน้อย “ว่าอย่างไรนะ คุณหนูจะทำอาหารงั้นหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานสวมผ้ากันเปื้อนและถกแขนเสื้อขึ้น หลังจากล้างมือเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวชิงรับผิดชอบจุดไฟ โค่วตันรับผิดชอบในการหั่นผัก และอาจั่วรับผิดชอบการล้างผัก
กู้เสี่ยวหวานหยิบตะหลิว และเริ่มลงมือทำอาหารทันที
หลังจากที่ฉินเย่จืออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยความเหนื่อยล้าใด ๆ และรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก “คุณหนูอยู่ที่ไหน?”
“คุณหนูทำอาหารอยู่ในครัวขอรับ!” โค่วไห่
“ท่านอาไปไหนหรือ ปกติแล้วไม่ใช่ท่านอาเป็นคนทำอาหารงั้นหรือ?” ฉินเย่จือถามอย่างสงสัย
“ปกติแล้วเป็นท่านอา ตอนนี้ท่านอาไปช่วยงานที่ร้านจิ่นฝู และไม่รู้ว่าท่านอาจะกลับมาเมื่อไหร่ คาดว่าตอนนี้ก็น่าจะอยู่ในร้านจิ่นฝู และคงจะกลับมาทีหลัง!”
ฉินเย่จือพยักหน้า สะบัดชายเสื้อขึ้นแล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว
เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะเหล็กดังลั่นสนั่นครัว เช่นเดียวกับควันปรุงอาหารที่หนาแน่นและกลิ่นหอมที่โชยมาจากในครัว ราวกับภาพวาดที่สวยงามที่สุดในโลก
ฉินเย่จือยืนอยู่หน้าประตูมองคนที่อยู่หน้าเตา
วันนี้นางสวมกระโปรงสีเขียวอ่อนซ่อนเป็นชั้น ขับเน้นรูปร่างให้ดูสง่างามมากขึ้น ปกตินางก็งดงามอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูงดงามกว่าเดิมจนไม่อาจละสายตาได้
ริมฝีปากเรียวบางน่ามองเม้มเข้าหากันน้อย ๆ ปลายจมูกเล็ก ๆ เชิดขึ้น ดวงตาเรียวยาว และใบหน้าด้านข้างของนางช่างน่าดึงดูด
ฉินเย่จือจ้องมองหญิงสาวไม่ละสายตา นึกถึงภาพที่เราเคยใช้เวลาด้วยกันตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
พวกเขารู้จักกันนานนับสิบปี
ครั้งเมื่อกู้เสี่ยวหวานยังเด็กดวงหน้านั้นน่ารักน่าชัง เมื่อโตขึ้นความสวยงามนั้นโดดเด่นยิ่งขึ้น ฉินเย่จือสูดหายใจเข้าลึก ๆ คิดไปถึงภาพที่เราได้แต่งงานกัน หญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ เกรงว่าอาจจะโดนคนอื่นแย่งไปได้ เป็นการดีหากจะแต่งงานกับนางให้เร็วที่สุด เพื่อกำจัดคนเหล่านั้นออกไป
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉินเย่จือก็คลี่ยิ้มกว้าง และเดินเข้าไปในครัว
งานภายในครัวกลับมายุ่งอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นฉินเย่จือเดินเข้ามา จากนั้นไม่นานอาจั่ว โค่วตัน และเสี่ยวชิงก็ผละออกมาจากในครัว ทิ้งให้กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จืออยู่ข้างใน
ฉินเย่จือควบคุมความร้อนของเตา กู้เสี่ยวหวานรับหน้าที่ปรุงอาหาร ควันโขมงโฉงเฉงดูเหมือนจะย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อนที่พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกัน และการใช้ชีวิตของคนธรรมดา
กู้เสี่ยวหวานทำอาหารสองจานและทำน้ำแกงวางลงบนโต๊ะเล็ก ๆ ในครัวโดยไม่ต้องให้ใครมาช่วยเหลือ
ฉินเย่จือมองไปที่อาหารสองจานและน้ำแกงหนึ่งอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขา ทั้งหมดล้วนเป็นของโปรดของเขา หน้าตาสวยงามชวนน้ำลายสอ กับข้าวธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจอยู่ในนั้น ทำให้ท้องของฉินเย่จือส่งเสียงร้องโครกคราก จากนั้นลงมือกินข้าวทันที
กู้เสี่ยวหวานมองชายหนุ่มกินอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข หัวใจดวงนี้เบิกบานจนแทบจะล้นออกมา และอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มกว้าง
“เจ้ายิ้มอะไร? มีอะไรติดหน้าข้าหรือเปล่า?” เมื่อฉินเย่จือเงยหน้าขึ้นก็เห็นกู้เสี่ยวหวานมองตนเองด้วยรอยยิ้มโง่เขลา ราวกับมองอะไรบ้างอย่าง ฉินเย่จือสัมผัสใบหน้าของตัวเอง หรือว่ามีอะไรติดหน้าเขา
คงไม่เป็นอย่างนั้นกระมัง แม้ว่าเขาจะหิวมากและกินเร็วกว่าปกติ แต่เขาก็ไม่ใช่คนกินสกปรก!
กู้เสี่ยวหวานยังคงจ้องอีกฝ่าย และยิ้มราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ตอนนั้นเองที่ฉินเย่จือตระหนักว่าผู้หญิงคนนี้กำลังมองตัวเอง!
ฉินเย่จือสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา และในขณะที่นางกำลังตกอยู่ในภวังค์อยู่นั้น เขาวางชามในมือลง ทันใดนั้นก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้กู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้ตนเองขึ้นเรื่อย ๆ กู้เสี่ยวหวานจึงรีบถอยหนีด้วยความตกใจ แต่ฉินเย่จือกลับดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พลางยกตัวหญิงสาวขึ้นนั่งบนตัก และด้วยความกลัวตกจึงยื่นแขนออกไปโอบรอบคออีกฝ่ายไว้
และมืออีกข้างหนึ่งวางลงที่หน้าอกเขา
ฉินเย่จือเป็นชายหนุ่มร่างสูง ร่างกายสมส่วนน่าหลงใหล ไหล่กว้างและเอวคอด แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะนั่งบนตักของเขา แต่ความสูงของนางก็อยู่ที่คางเขาเท่านั้น
ชายที่อยู่ตรงหน้ามีใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ดวงตาคมกริบฉายแววอ่อนโยน และคลี่ยิ้มนุ่มนวล “ข้าดูดีขนาดนั้นเลยหรือ?”