ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2192 วันที่ดี
กู้เสี่ยวหวานกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กลัวเหลือเกินว่าฉินเย่จือจะล้อตนเอง เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้าก็ขึ้นสีแดงทันที
เป็นตอนนั้นเองที่ฉินเย่จือหัวเราะเสียงดัง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกอับอายเป็นที่สุด ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีแดงก่ำ หญิงสาวก้มหน้ามุดไหล่ชายหนุ่มไม่กล้าเผชิญหน้ากับเขา
เสียงหัวใจเต้นระรัวภายในแผ่นอกแกร่ง กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มลอยเตะปลายจมูก ชายหนุ่มเพิ่งอาบน้ำมาจึงทำให้ได้กลิ่นนี้อย่างชัดเจน มันหอมสดชื่นน่ารื่นรมย์
กู้เสี่ยวหวานยังคงไม่อยากเชื่อว่าชายที่เป็นเหมือนเทพเซียนคนนี้จะเป็นคู่หมั้นและสามีในอนาคตของนาง
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?” ฉินเย่จือมองหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างอารมณ์ดีราวกับต้องการกลั่นแกล้งนาง
“ข้ากำลังคิดว่าทำไมท่านถึงเป็นของข้าได้?” กู้เสี่ยวหวานปัดผมที่ปกหน้าผากเขาแผ่วเบา นางเป็นคนเตรียมยาสระผมนี้ให้เขาเอง
ยาสระผมนี้ทำจากกลีบดอกอวี้หลานสดและจ้าวเจี่ยว*[1] เส้นผมของเขาจึงส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกอวี้หลาน กู้เสี่ยวหวานใช้ปลายนิ้วม้วนผมชายหนุ่มแผ่วเบา ก่อนยกขึ้นมาสูดดม
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าการกระทำของนางจุดไฟในร่างกายของเขาให้ลุกโชน
ร่างกายของเขาแข็งทื่อและความปรารถนาที่เพิ่งสงบไป กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ฉินเย่จือไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และก้มลงจูบริมฝีปากนั้นอย่างดุเดือด
ภายในครัวนอกจากควันแล้วยังมีกลิ่นหอมจาง ๆ
กู้เสี่ยวหวานจูบตอบอีกฝ่ายอย่างเงอะงะ ร่างกายสั่นสะท้านด้วนความตื่นเต้น ท่าทางน่ารังแกนั้นทำให้ฉินเย่จือไม่อาจควบคุมสติตนเองได้อีก
ชายหนุ่มไม่กล้าปล่อยให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้ เขาถอนริมฝีปากออกมาแล้วกอดอีกฝ่ายแน่น กู้เสี่ยวหวานรับรู้ถึงความผิดปกติของขา นางผละออกมาและถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรไป?”
อ้อมกอดของชายหนุ่มรัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ พยายามกลั้นอารมณ์ที่เกิดขึ้น น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยว่า “อย่าขยับ”
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่รู้เรื่องทางโลกมากนัก แต่นางก็อยู่กับฉินเย่จือมานานแล้ว นางจะไม่เข้าใจความรู้สึกของชายผู้นี้ได้อย่างไร
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคือสามีของนางในอนาคต เขาโตกว่านางเจ็ดปี และเขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานแสนขี้อายก็นั่งนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน นางทำได้เพียงฝังตัวลงไปในอ้อมแขนของเขา
ใช้เวลาอยู่นานกว่าฉินเย่จือจะกลับมาอยู่ในอารมณ์ปกติ “ได้ยินมาว่าพระอาจารย์ฮุ่ยหย่วนกำลังจะกลับมาที่เมืองหลวงเร็ว ๆ นี้ เมื่อถึงเวลานั้นเราไปหาเขาด้วยกันเถอะ ไปหาฤกษ์ดี ตกลงไหม?”
สีหน้าของกู้เสี่ยวหวานแปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ และกระซิบเสียงแผ่ว “ตกลง!”
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว ฉินเย่จือก็จับมือกู้เสี่ยวหวานกลับไปที่ห้อง เมื่อก้าวผ่านธรณีประตู ก็พบกับโค่วไห่ที่มองมาราวกับต้องการจะพูดบางอย่าง หากแต่ก็ยังลังเลที่จะเอ่ยออกมา
ฉินเย่จือชำเลืองมองอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เขาดึงกู้เสี่ยวหวานเข้าไปในห้องและปิดประตูแน่น
เมื่อโค่วไห่และอาจั่วเห็นว่าประตูถูกปิดลง ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่ต้องการสนใจสิ่งอื่น
ฉินเย่จือตัดสินใจที่จะใช้เวลาในวันนี้กับกู้เสี่ยวหวาน ไม่ง่ายเลยที่เขาจะมีเวลาอยู่ด้วยกัน เขามีเรื่องมากมายอย่างพูดกับนาง
ส่วนเรื่องอื่นเอาไว้ทีหลัง
“คนนั้นยังคงรอเขาอยู่!” โค่วไห่ถอนหายใจ
อาจั่วกระตุกยิ้ม ขยับตัวออกห่างจากบริเวณหน้าห้องเล็กน้อย และนั่งรออยู่ใต้ชายคา “เจ้าจะรีบร้อนไปไย นายท่านไม่ได้เจอคุณหนูนานแล้ว เจ้าอย่าห่วงไปเลย นายท่านคงมีแผนในใจแล้ว!”
เมื่อทั้งสองเข้ามาในห้อง ฉินเย่จือพลันเกิดความรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขามีเรื่องที่ต้องการพูดกับกู้เสี่ยวหวาน แต่นางก็อยากให้เขาพักผ่อน ดังนั้นนางจึงขึ้นไปนอนบนเตียง ทั้งสองนอนกอดและเริ่มพูดคุยกัน จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็พูดถึงเรื่องของกู้หนิงอัน หลังจากที่ฉินเย่จือได้ยินแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กระชับกอดแน่นขึ้น
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเขาพูดว่า “ในอนาคตเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก!”
คนในอ้อมแขนของเขานอนนิ่งไม่ขยับ ฉินเย่จือก้มลงมองอีกฝ่ายก็พบว่ากู้เสี่ยวหวานหลับไปแล้ว และส่งเสียงกรนออกมาเบา ๆ
ฉินเย่จือมองผิวขาวเกลี้ยงเกลาในอ้อมแขน ใบหน้างดงามนั้นทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากนั้นแผ่วเบา
ความจริงเขาอยากจะถามกู้เสี่ยวหวานอีกเล็กน้อย แต่กลัวจะรบกวนการพักผ่อนของนาง จึงได้แต่ยิ้มอย่างโง่เขลา ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
เป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งเดือนที่นางได้นอนหลับอย่างสงบในอ้อมแขนคนที่คิดถึงมาตลอด
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางจะนอนหลับสบายมากเมื่อนางได้กลิ่นกายของฉินเย่จือ ความง่วงนอนถาโถมเข้ามาทำให้เผลอหลับไป
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดสนิท กู้เสี่ยวหวานขยับร่างกายเล็กน้อย ทำให้ฉินเย่จือตื่นขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ตื่นแล้วหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้น มองใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้หลับสนิทแบบนี้มานานแล้ว เมื่อคืนจึงหลับสบายมาก!”
เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวภายใน อาโม่ก็รีบเอ่ยขึ้น “คุณหนู อาหารเย็นพร้อมแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานตอบรับแล้วลุกขึ้นยืน โชคดีที่ทั้งสองคนยังอยู่ในชุดเดิม แม้ว่าจะยับเล็กน้อย แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ในบ้านจึงไม่เป็นอะไร หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว พวกเขาก็ตรงไปที่ห้องโถงหลัก
อาหารเย็นถูกจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อย กู้หนิงอันกับกู้เสี่ยวอี้ก็กำลังรอพวกนางอยู่
“พี่ใหญ่ฉิน!” เมื่อเห็นฉินเย่จือและพี่สาวเดินจูงมือกันเข้ามา ทั้งสองก็เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
ฉินเย่จือตอบรับก่อนจะมองไปที่กู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้
กู้หนิงอันยังเหมือนเดิม แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นโดยเฉพาะหลังจากรับตำแหน่งส่าวชิงประจำศาลต้าหลี่ เขามีท่าทางสุขุมมากขึ้น
ในทางกลับกัน ดวงหน้าของกู้เสี่ยวอี้งดงามดั่งดอกท้อ ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มนั้นเล็กลงจนเห็นโครงหน้าได้ชัดเจน
กู้ฟางสี่เดินเข้ามาในห้องโถงหลักพร้อมอาหารจานสุดท้าย ฉินเย่จือประสานมือแสดงความเคารพอีกฝ่ายรวดเร็ว “ท่านอา…”
กู้ฟางสี่วางของในมือลง ก่อนจะส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่ไม่เจอหน้ามานาน “เสี่ยวฉินกลับมาแล้ว รีบนั่งลงเร็วเข้า วันนี้ข้าทำของโปรดเจ้าหลายอย่างเลย ช่วงนี้เจ้าทำงานข้างนอกคงลำบากมากใช่หรือไม่? ดูสิน้ำหนักลดไปเยอะเลย”
ฉินเย่จือรีบทำความเคารพและนั่งลง ทางซ้ายของฉินเย่จือคือกู้เสี่ยวหวาน ที่นั่งของเขาสามารถทำให้เขาดูแลกู้เสี่ยวหวานได้สะดวก
[1] จ้าวเจี่ยว สนุมไพรจีนโบราณ นำผลฝักมาบดและทำให้เกิดฟองมากเมื่อผสมในน้ำ สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังและบำรุงเส้นผม