ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2194 ผู้สำเร็จราชการเสด็จ
บทที่ 2194 ผู้สำเร็จราชการเสด็จ
ใบหน้าสิ้นหวังของซูเผยอันก้มลงงุด เมื่อครู่เขาแค่อยากจะบอกว่านั่นเป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่ หากแต่ภรรยาของเขากลับต่อต้านเรื่องนี้เป็นที่สุด “ไม่ได้เด็ดขาด! ถ้ารายงานเรื่องนี้ต่อทาางการ ชื่อเสียงของเยว่เอ๋อร์จะต้องพังป่นปี้!”
หลังจากสิ้นประโยคนั้น ซูเผยอันและซูจือเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
“แล้วข้าควรทำอย่างไรดี?” ซูเผยอันถอนหายใจ
“หาสิ หาต่อไป! ถ้าหาเยว่เอ๋อร์ไม่เจอ ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ฮือ…” ฮูหยินซูมีลูกสาวเพียงคนเดียว ตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านางอยู่ที่ใด ไม่รู้ว่าจะเป็นจะตายหรืออย่างไร ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าย สองวันที่ผ่านมาฮูหยินซูกินไม่ได้นอนไม่หลับ ภายในเวลาไม่กี่วันร่างกายของนางผอมลงมาก
เช่นเดียวกับซูจือเยว่ ไม่ต้องพูดถึงการนอนหลับ แม้แต่หลับตาเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร เยว่เอ๋อร์จะไม่เป็นไร!” ซูเผยอันรู้สึกรำคาญและเหนื่อยหน่ายเมื่อได้ยินดังนั้น
“นายท่าน ท่านคิดว่าเยว่เอ๋อร์ถูกใครบางคน…” ฮูหยินซูรู้สึกหัวใจแตกสลายเมื่อนึกถึงลูกสาว ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง
“ไม่! ท่านแม่ ข้าจะออกไปตามน้องอีกครั้ง!” ซูจือเยว่จิบน้ำก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ประจวบเหมาะกับที่คนใช้ในจวนวิ่งเข้ามา “นายท่าน นายน้อย มีรถม้ามาที่นี่และบอกว่า… บอกว่า…”
“บอกว่าอะไร? มัวแต่อึกอักอยู่ได้ รีบพูดมาเร็วเข้า!” ซูเผยอันตวาดด้วยความโมโห
คนใช้คนนั้นกลืนน้ำลายและพูดว่า “มีคนบอกว่าท่านอ๋องมาหาท่าน!”
“ท่านอ๋องหรือ? ตอนนี้เขายังต้องการอะไรจากข้าอีก?” ซูเผยอันสับสน
เป็นไปได้ไหมว่าเขารู้เรื่องที่เขายื่นแล้ว
เฮ้อ ตนเองรู้ดีกว่ามันเป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ ตนเองก็คงจะหลบไม่พ้น ซูจือเยว่ขมวดคิ้วมองไปที่ซูเผยอันและขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
“ท่านพ่อ…”
ซูเผยอันถอนหายใจ ตอนนี้ลูกสาวก็ยังหาตัวไม่พบ แล้วท่านอ๋อง…
การมาของเขาต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่
“ไปกันเถอะ อย่าให้ท่านอ๋องต้องรอนาน!” ซูเผยอันเดินออกไปโดยมีซูจือเยว่ตามไปติด ๆ
ฮูหยินซูนึกถึงการเลือกปฏิบัติที่เป็นไปได้ที่จวนหมิงอ๋องอาจมีต่อตระกูลซู ดังนั้นนางจึงก้าวไปข้างหน้าและคว้าตัวซูเผยอันไว้ “นายท่าน ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
“ไม่เป็นไร เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ!” ซูเผยอันส่ายหน้าก่อนจะยิ้มปลอบโยน
“ไม่! ข้าจะไปกับท่านด้วย!” ฮูหยินซูยืนกรานหนักแน่น
ซูเผยอันไม่ต้องการหมวกขุนนางของตนอีกต่อไป เพื่อออกห่างจากจวนหมิงอ๋อง ตอนนี้จวนหมิงอ๋องกำลังตามหาเขา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับตระกูลซู!
“เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ จวนหมิงอ๋องจะไม่ทำอะไรเด็ดขาด!” อีกไม่กี่วันทั้งสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันแล้ว
“เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ บางทีเยว่เอ๋อร์อาจหายโกรธแล้วกลับมาเมื่อคิดได้ ถ้านางกลับมาแล้วไม่พบใคร นางจะรู้สึกประหม่าเอาได้!” ซูเผยอันพยายามอย่างยิ่งที่จะยิ้มและตบมือของฮูหยินซูเพื่อปลอบโยน
เวลานี้จะปล่อยให้ท่านอ๋องรอนานไม่ได้ ไม่ช้าซูเผยอันและซูจือเยว่ก็มาถึงที่ประตู แต่เมื่อเห็นรถม้าที่จอดรออยู่ ซูเผยอันก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “รถม้าคันนี้หรือ?”
มันไม่ใช่รถม้าของจวนหมิงอ๋อง หากแต่รถม้าคันนี้ก็ถูกตกแต่งอย่างหรูหราเช่นกัน แต่พวกเขารู้สึกไม่คุ้นตาเลย
“ท่านพ่อ นี่ไม่ใช่รถม้าของจวนหมิงอ๋อง…” ซูจือเยว่เอ่ยเตือนเสียงแผ่ว
ซูเผยอันพยักหน้ารับรู้ ท่านอ๋องต้องการพบตนเอง แต่รถม้าคันนี้…
ขณะที่เขากำลังงุนงงอยู่นั้น ก็มีเสียงเกียจคร้านเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามดังมาจากข้างใน “ใต้เท้าซู ขึ้นมาเถอะ!”
ร่างกายของซูเผยอันแข็งทื่อ
ซูจือเยว่ไม่รู้ว่าใครเป็นเสียง แต่เมื่อเขาได้ยินกลับรู้สึกเป็นกระวนกระวายเป็นอย่างมาก จึงรีบถามว่า “ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป?”
ซูเผยอันรีบจับมือของซูจือเยว่ส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด จากนั้นดึงซูจือเยว่ไปที่รถม้า
รถม้าคันนี้มีขนาดใหญ่ แม้จะก้าวเข้ามาแล้วแต่ก็ยังมีม่านกั้นไว้อีกชั้น หลังจากที่ซูเผยอันเข้าไปในรถม้าแล้ว เขาก็ไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่น และรีบคุกเข่าลง “ขอให้ท่านอ๋องมีอายุพันปี พันปี พันพันปี…”
“ใต้เท้าซู ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้น!” เสียงเย็นชาของบุคคลนั้นดังขึ้นมาจากข้างใน
ซูจือเยว่คุกเข่าลง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ภายในคือผู้ใด ท้ายที่สุดเสียงที่อายุน้อยแต่หยิ่งยโสนี้ไม่ใช่ของซูห้าว
“ข้าได้ยินว่าใต้เท้าซูกำลังจะลาออก? มีเหตุผลอะไรหรือ?” คนด้านในไม่มีความตั้งใจที่จะให้พวกเขาเข้าไปเลย
ซูเผยอันเองก็ไม่กล้าเข้าไป จึงได้แต่คุกเข่าอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ข้างนอก และรอฟังสิ่งที่คนข้างในจะพูด
ทันทีที่ซูเผยอันได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงรีบอธิบายว่า “ตอบท่านอ๋อง เป็นเพราะข้าน้อยไม่ได้กลับบ้านเกิดนานแล้ว ข้าเองสุขภาพก็ไม่ได้ดีแล้ว ดังนั้นข้าน้อยจึงอยากพาทุกคนกลับบ้านเกิด ซื้อที่ดินและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอย่างสบายใจ”
คำพูดของซูเผยอันไม่ได้ทำให้คนด้านในเชื่อ และถามขึ้นมา “แล้วนายน้อยซูล่ะ? ใต้เท้าซูอายุมากแล้ว แต่นายน้อยซูยังอยู่ในช่วงรุ่งเรืองและมีความสามารถ เมื่อรวมกับเส้นสายของใต้เท้าซูแล้ว นายน้อยซูก็น่าจะมีอนาคตที่สดใส!”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ซูเผยอันแค่นยิ้ม อนาคตที่สดใสอะไรกัน ถ้าลูกชายของเขาแต่งงานกับหมิงตูจวิ้นจู่ เขาจะไม่มีวันได้เป็นขุนนางไปตลอดชีวิต!
จนกระทั่งตอนนี้ซูจือเยว่จำได้ว่าเสียงของชายหนุ่มคนนี้เป็นเสียงของใคร!
‘ฉินจื่อเย่’ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ว่ากันว่าคนผู้นี้มีใบหน้าเย็นชา นิสัยเลือดเย็นและมากด้วยเล่ห์เหลี่ยม หากเขาโกรธเคืองขึ้นมา ทั้งตระกูลจะต้องถูกประหารชีวิต
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงซูจือเยว่ แม้แต่ซูเผยอันก็ไม่เคยเห็นหน้าที่แท้จริงของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์คนนี้
แม้แต่ขุนนางหลายคนในราชสำนักก็ยังไม่เคยเห็นหน้าท่านอ๋องคนนี้มาก่อน บางคนบอกว่าท่านอ๋ององค์นี้ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน เพราะเขามีใบหน้าอัปลักษณ์ และไม่มีหน้าไปสู้หน้าคนอื่น!
แม้ทุกคนจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน แต่ขุนนางในราชสำนักก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้สำเร็จราชการมาก่อน
ซูจือเยว่ไม่รู้ว่าฉินจื่อเย่ต้องการทำอะไรกับตระกูลซู เมื่อพิจารณาจากท่าทีระมัดระวังของซูเผยอัน ดูเหมือนว่าเขาอาจไม่รู้เช่นกัน!
เมื่อเห็นว่าสองคนนี้ไม่ยอมพูดความจริง จึงตัดสินใจพูดออกมาว่า “ข้าเห็นด้วยกับการลาออกของท่าน แต่ท่านต้องยกเลิกการแต่งงานกับหมิงตูจวิ้นจู่เสียก่อน และหลังจากเรื่องนี้จบลง ข้าจะพาท่านกลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง และคืนตำแหน่งให้ท่าน!”