ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2195 เจ้าต้องไปยกเลิกงานแต่งงาน
บทที่ 2195 เจ้าต้องไปยกเลิกงานแต่งงาน
“ว่าอย่างไรนะ” ซูเผยอันถามอีกครั้งราวกับได้ยินไม่ชัดเจน
ซูจือเยว่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด และมันก็สร้างความตกใจให้เขาไม่น้อย เขาจ้องมองม่านตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองซูเผยอันที่อยู่ด้านข้าง
“ใต้เท้าทั้งสองไปเถอะ ท่านอ๋องพูดสิ่งที่ต้องการหมดแล้ว!”
ซูเผยอันอยากจะถามทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากระงับความสงสัยไว้ หลังจากทำความเคารพ ทันทีที่ลงจากม้าไม่นานรถม้าคันนั้นก็หายลับไปอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินซูยังคงรออยู่หน้าห้องโถง เมื่อเห็นซูจือเยว่และซูเผยอันกลับมาหญิงสาววัยกลางคนเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้า
“ทำไมพวกท่านกลับมาเร็วเช่นนี้? ท่านอ๋อง…ท่านอ๋องได้ทำอะไรพวกท่านหรือไม่?”
ตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาเข้ามาสีหน้าของสองพ่อลูกนั้นไม่ค่อยดีนัก
เมื่อเห็นสามีมีสีหน้าไม่ค่อยดีและนิ่งเงียบไม่พูดจา ฮูหยินพลันรู้สึกกังวลและมองไปที่ซูจือเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง “จือเยว่ บอกข้ามาเร็วเข้า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ท่านอ๋อง…ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้พวกเจ้าใช่หรือไม่?”
“ท่านแม่…” ซูจือเยว่มองบิดา เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เอ่ยอะไร จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้มารดาฟัง
“เราไม่ได้ไปพบหมิงอ๋อง…”
“อะไรนะ? ไม่ใช่หมิงอ๋องหรือ? แล้วเขาคือใครกัน?” เหตุใดถึงไม่ใช่เขา แล้วผู้ที่มาคือใครกันแน่น
“เขาคือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์!” ซูจือเยว่พูดอย่างหนักแน่น
“ว่าอย่างไรนะ ฉินจื่อเย่หรือ? เขาไม่ได้ไม่คบค้าแต่กับขุนนางชั้นสูงหรอกหรือ? เหตุใดเขาถึงมาหาพวกเจ้าได้ล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” น้ำตาของฮูหยินซูกำลังจะไหลออกมาอีกรอบ
“ท่านแม่ อย่ากังวลไป!” ซูจือเยว่รีบปลอบโยน “ท่านอ๋องมาที่นี่เพื่อบอกว่าเขาเห็นด้วยกับการลาออกของท่านพ่อ และเขาขอให้เรายกเลิกการแต่งงาน หลังจากเรื่องนี้สงบลง เขาบอกว่าจะพาเรากลับมาที่เมืองหลวง และคืนตำแหน่งให้ท่านพ่อ!”
“…” ฮูหยินซูตกตะลึง ตอนนี้ความคิดมากมายกำลังตีกันอยู่ในหัวจนแยกแยะไม่ออก “นายท่าน…เป็นไปได้อย่างไร เขา…เป็นไปได้อย่างไร?”
“ข้ายังรู้สึกแปลกใจที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ที่ภักดีต่อฮ่องเต้เท่านั้น และไม่เคยติดต่อกับขุนนางคนใด แต่กลับยื่นมือเข้ามาช่วยข้า เฮ้อ… ข้าจำไม่ได้ว่าเคยติดต่อกับเขาตอนไหน เขามีเหตุผลอะไรที่ต้องมาช่วยเรา” ซูเผยอันยังรู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ฉินจื่อเย่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนในราชสำนัก และข่าวลือว่า เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระฮ่องเต้ เขาได้รวบรวมข้อมูลของขุนนาง และฝึกฝนกลุ่มองครักษ์ชั้นยอด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็มิอาจซ่อนเร้นจากสายตาของพวกเขาได้
การตรวจสอบบุคคลสักคนนั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉินจื่อเย่
แต่ตอนนี้ซูเผยอันกำลังรู้สึกกังวลเล็กน้อยกับสิ่งที่ฉินจื่อเยพูด หลังจากเรื่องราวจบลงแล้วอย่างนั้นหรือ? อีกฝ่ายมีเส้นสายมากมายขนาดนั้น เขาคงรู้ว่าตอนนี้ซูเฉี่ยนเยว่หายที่ใด
เมื่อซูเผยอันนึกถึงเรื่องนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้ง
ภายในหัวของซูจือเยว่ก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน แต่สุดท้ายก็พูดได้เพียง “ท่านพ่อ เราไปตามหาน้องสาวกันเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปยกเลิกการแต่งงาน!”
จากนั้นซูเผยอันก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ซูจือเยว่ที่มีท่าทางมุ่งมั่น จากนั้นมองไปที่ฮูหยินซู หากแต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาสักคำ
หลังจากซูจือเยว่พูดแบบนี้ เขาก็หมุนกายเดินจากไป
……
ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา มีชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งนั่งอยู่
“นายท่าน เหตุใดถึงช่วยตระกูลซูล่ะขอรับ?” อาโย่วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย
จากนั้นฉินเย่จือก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ “เขาเคยช่วยหวานเอ๋อร์ไว้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณพวกเขา!”
อาโย่วพยักหน้าและได้ยินเสียงแผ่วเบาของฉินเย่จือดังขึ้นอีกครั้ง “หวานเอ๋อร์ส่งอาจั่วไปตามหาคน เจ้าก็ส่งองครักษ์ทมิฬสองคนไปช่วยอีกแรงเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานตื่นขึ้นในตอนเช้าพลางคิดว่าสถานการณ์วันนี้นั้นเงียบสงบแปลก ๆ แต่ความจริงแล้วกลับมีเรื่องราวเกิดขึ้นในเมืองหลวง
ซูจือเยว่ขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นการส่วนตัว และขอยกเลิกการแต่งงาน!
ยกเลิกกการแต่งงาน! ฮ่องเต้ได้ประกาศราชโองการมาแล้ว งานแต่งงานทั้งหมดก็ถูกเตรียมพร้อมไว้หมด ซูจือเยว่ต้องการยกเลิกงานแต่งงานจริง ๆ
เมื่อซูหมิ่นได้ยินข่าวก็แทบไม่อย่างเชื่อเรื่องนี้ และรีบมุ่งหน้าเข้าวังทันที
หากแต่ฮ่องเต้ไม่อนุญาตให้นางเข้าเฝ้า ทำให้นางมองไม่เห็นซูจือเยว่ที่คุกเข่าอยู่ในตำหนักนั้น ดังนั้นซูหมิ่นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องวิ่งไปหาไทเฮา
ซูหมิ่นก้มหน้าร้องห่มร้องไห้อยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮา
“ไทเฮา หมิ่นเอ๋อร์ชื่นชมพี่จือเยว่มาหลายปี เขาพูดออกมาได้อย่างไรว่าจะยกเลิกงานแต่งงาน ฮ่องเต้เป็นผู้พระราชทานการแต่งงานนี้ งานทั้งหมดได้รับการเตรียมการแล้ว และหมิ่นเอ๋อร์ก็เตรียมชุดเรียบร้อยแล้ว ฮือฮือ…ไทเฮาเพคะ ท่านต้องช่วยหมิ่นเอ๋อร์! หมิ่นเออร์ไม่ต้องการให้ท่านพี่จือเยว่ถอนตัวจากการแต่งงาน!”
ไทเฮารู้สึกปวดเศียรเวียนเหล้า ก่อนจะตบแขนเก้าอี้ด้วยความโกรธ “บังอาจนัก! พระราชโองการที่ประกาศโดยฮ่องเต้ เขากล้าที่จะฝ่าฝืนราชโองการ และขัดคำสั่ง! หมิงตูเจ้าลุกขึ้นเถอะ เรื่องนี้ข้าจะจัดการแทนเจ้าเอง!”
เขาจะดูถูกศักดิ์ศรีของราชวงศ์ไม่ได้ วันแต่งงานใกล้จะมาถึงแล้ว แต่เขากลับใจกล้าบุกมาขอยกเลิกงานแต่ง ถ้าการแต่งงานถูกยกเลิกจริง ๆ พวกเขาจะเอาไปไว้ที่ไหน?
หลังจากที่หมิงอ๋องได้ยินเรื่องนี้ ก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงตามเข้าวังทันที
วันนี้ซูหลินไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่ไปที่จวนตระกูลซูเพื่อสะสางบัญชีกับซูเผยอัน แต่คาดไม่ถึงว่าประตูจวนตระกูลซูถูกปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับไม่มีใครอยู่ด้านใน
การแต่งงานของพวกเขาจะถูกจัดขึ้นในอีกสามวัน แต่ซูจือเยว่ยังกลับพูดถึงเรื่องการยกเลิกงานแต่งงาน เมื่อทั้งข่าวนี้เล็ดลอดออกไป ชาวบ้านชาวเมืองก็เริ่มพูดคุยกันสนุกปาก
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็ได้แต่ตกใจ
“เจ้าแน่ใจหรือ? ซูจือเยว่ไปยกเลิกการแต่งงานอย่างนั้นหรือ?”
“มีข่าวลือหนาหู ข้าได้ยินมาว่าหมิงตูจวิ้นจู่และหมิงอ๋องไปวังหลวง ซื่อจื่อก็ไปโวยวายที่จวนตระกูลซูใหญ่โต และบอกว่าต้องการคำอธิบายจากตระกูลซู!” อาจั่วพยักหน้า
“ซูจือเยว่ไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้เป็นการส่วนตัวหรือ? ฮ่องเต้เห็นด้วยหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกเกินไป ได้ยินว่าตระกูลซูเตรียมทุกอย่างสำหรับงานแต่งไว้พร้อมแล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนล่ะ?”