ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2197 ความเคารพ
บทที่ 2197 ความเคารพ
พวกเราไม่สามารถเข้าไปในเมืองหลวงได้อีกต่อไป และตอนนี้เขาต้องสนับสนุนตระกูลซูต่อไป ซูจือเยว่อุ้มฮูหยินซูขึ้น โดยมีซูเผยอันเดินตามอยู่ด้านหลัง และไม่นานก็หายลับไปจากสายตา
บนกำแพงเมืองมีหญิงสาวที่แต่งกายงดงามจ้องมองพวกเขาจากไปด้วยสายตามืดมิด
ไฉ่เยว่ที่อยู่ด้านข้างพูดด้วยความโกรธ “จวิ้นจู่ต้องการให้พวกเราจัดการเขาเลยหรือไม่? พวกเขาทำให้ท่านต้องเสียหน้า พวกเขาสมควรตาย”
แววตาอาฆาตแค้นฉายชัดในแววตาของซูหมิ่น แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วชายผู้นั้นคือชายหนุ่มที่นางหลงรักมาหลายปี นางจะฆ่าเขาลงได้อย่างไร
แต่ถ้านางไม่จัดการพวกเขา นางก็จะเป็นตัวตลกของคนทั่วทั้งเมืองหลวง นางจะทนรับเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร นอกจากนี้ นางจะสามารถปล่อยมือจากผู้ชายที่นางรักมานานหลายปีได้หรือ
นางมีรูปลักษณ์อันน่าทึ่ง หากแต่นางมีนิสัยชั่วร้าย “ให้คนติดตามพวกเขาไป อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”
“รับทราบเจ้าค่ะ!” ไฉ่เยว่ตอบรับ
“ตอนนี้คนคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
ในตอนแรกไฉ่เยว่สับสนเล็กน้อย แต่แล้วก็เข้าใจว่าซูหมิ่นหมายถึงใคร และรีบตอบ “ตอนแรกคนผู้นั้นเอาแต่ส่งเสียงโวยวาย แต่หลังจากถูกขังอยู่สองสามวันก็สงบลง”
“เอาล่ะ! หลังจากดูแลนางอย่างดีมาหลายปีก็ถึงเวลาที่นางต้องช่วยเหลือเราแล้ว!” ซูหมิ่นเย้ยหยัน
ไฉ่เยว่ที่อยู่ด้านข้างนิ่งเงียบ คิดถึงแผ่นหลังของชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่เพิ่งจากไป ร่องรอยของความเสียใจฉายแววในดวงตาของนาง
เทพเซียนผู้นี้ตกลงมาจากสวรรค์แล้วหรือ?
ในไม่ช้ากู้เสี่ยวหวานก็รู้ว่าครอบครัวของซูจือเยว่ถูกไล่ออกจากเมืองหลวง
“ฮ่องเต้บอกว่าเขาฝ่าฝืนราชโองการ เนื่องจากเขายังไม่ต้องการแต่งงานและยอมสละฐานะ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับมาเมืองหลวงอีกต่อไป เว้นแต่จะมีพระราชโองการเรียกตัวพวกเขากลับเมืองหลวง ไม่เช่นนั้นตราบใดที่เหยียบเข้าเมืองหลวงพวกเขาจะถูกประหารชีวิต” อาจั่วกล่าว
“พบซูเฉี่ยนเยว่แล้วหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวาน
“ยังเจ้าค่ะ ตระกูลซูถูกใต้เท้าพาออกจากเมืองหลวง พวกเขาไม่ได้เก็บข้าวของจากจวนและไม่มีแม้แต่ข้าวของติดตัว ตอนนี้พวกเขาเดินทางไปถึงชานเมืองแล้ว และตอนนี้อาศัยอยู่ในวัดร้าง”
ในอดีตเขาเคยเปรียบดังเทพเซียนและเป็นคู่หมั้นของหมิงตูจวิ้นจู่ แต่ตอนนี้ชีวิตเขาไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่เงินเหรียญเดียว เขาจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร
กู้เสี่ยวหวานไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับซูจือเยว่ แต่เขาก็กล้าที่จะยืนหยัดเพื่อตนเองมาโดยตลอด นางจึงเกิดความเคารพเลื่อมใสในอีกฝ่ายมาก
เรื่องของตระกูลซู เรื่องของจวนหมิงอ๋อง เรื่องของกู้หนิงอัน รวมถึงเรื่องของซูเฉี่ยนเยว่ ล้วนปรากฏในใจของนางเหมือนเพิ่งเกิดไปไม่นาน
เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นกับกู้หนิงอัน ซูเผยอันเป็นผู้พบผู้อยู่เบื้องหลังส่งรายงานเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังคือซูหลิน เขาขอลาออก จากนั้นซูเฉี่ยนเยว่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ
ตามมาด้วยซูจือเยว่ขอยกเลิกการแต่งงาน ฮ่องเต้จึงกริ้วเป็นอย่างมาก หมิงอ๋องและซูหมิ่นต่างเข้าไปสร้างความวุ่นวายในวังหลวง จากนั้นตระกูลซูก็ถูกไล่ออกจากเมืองหลวง
และตอนนี้เขาก็ยังหาซูตัวเฉี่ยนเยว่ไม่พบ ดังนั้นซูจือเยว่จะเข้าเมืองหลวงเพื่อตามหานางอย่างแน่นอน หากมีใครรู้ว่าเขาเข้ามาในเมืองหลวง…
แย่แน่!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง
กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจว่านางจะไปที่นั่นเอง
“ข้าเกรงว่าการใช้ชีวิตอยู่วัดร้างแถวชานเมือง เกรงว่าจะไม่มีอาหารกินด้วยซ้ำ เจ้าไปซื้อฟืน อาหารและเครื่องนุ่งห่มเก่า ๆ แอบส่งไปให้พวกเขา และอย่าให้พวกเขารู้ตัว” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
อาจั่วรู้สึกงุนงงเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวของคุณหนูก็พยักหน้า และพูดว่า
“รับทราบเจ้าค่ะ ข้าจะทำเดี๋ยวนี้!”
ซูจือเยว่แบกฮูหยินซูไว้บนหลังแล้วเดินลัดเลาะไปตามทาง เพราะความรีบร้อนของพวกเขา ตอนนี้จึงไม่แม้แต่จะมีของมีค่าติดตัวมาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่นอนอยู่ในวัดร้าง
หลังจากที่วางฮูหยินซูลง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลง ซูจือเยว่ก็พูดว่า “ท่านพ่อดูแลท่านแม่ให้ดี ข้าจะออกไปเก็บฟืน อากาศตอนกลางคืนหนาวมาก ข้าจะไปดูว่ามีอะไรให้ล่าได้บ้าง”
ซูเผยอันดูเหมือนจะแก่ลงไปยี่สิบปีในวันเดียว ก่อนจะมองไปที่ซูจือเยว่ด้วยความรู้สึกผิด
“จือเยว่ พ่อ…ทำให้ลูกต้องมีสภาพนี้!” ซูเผยอันพูดอย่างรู้สึกผิด ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า
“ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดถึงอะไร? ข้าเป็นคนลากท่านและท่านแม่ลงมามีสภาพนี้ต่างหาก! ถ้าไม่ใช่เพราะข้า ท่านคงไม่เลือกเส้นทางนี้!” ซูจือเยว่ก้มหน้าลงและพูดอย่างเศร้าใจ
“เด็กโง่ ทำไมถึงกลายเป็นว่าเจ้าทำให้ข้ากลายเป็นแบบนี้ล่ะ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เพราะเรื่องของเจ้า แต่ข้าก็ยังจะเลือกทำเช่นนี้ แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่เหลืออะไรเลย แต่เรายังมีสองมือ ถึงเราจะไม่ร่ำรวยหรือมีอำนาจ อย่างน้อยเราก็ปลอดภัย ถ้า…ถ้าเจ้าหาน้องสาวเจอได้ก็คงจะดี หากได้มาอยู่ด้วยกันคงจะดีที่สุด!” ซูเผยอันกล่าวอย่างเสียใจ “ข้าไม่รู้ว่าน้องของเจ้าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าหลายวันมานี้นางเป็นอย่างไรบ้าง! พ่อต้องขอโทษนาง! ถ้าหยุดนางไว้ในตอนนั้นคงจะดีกว่า!”
ซูจือเยว่กลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล และแสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ท่านพ่อ อย่าคิดมาก น้องจะต้องไม่เป็นอะไร ท่านพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปหาฟืนและเอาน้ำมาให้ ถ้าท่านแม่ตื่นขึ้นมาคงจะทุกข์ใจมากเป็นแน่ เมื่อถึงเวลาท่านต้องปลอบนางให้มาก ๆ นะขอรับ!”
ซูเผยอันมองไปที่ฮูหยินซูซึ่งยังคงไม่ได้สติ ก่อนจะพยักหน้าอย่างรู้สึกผิดและพูดว่า “ข้ารู้ ข้าต้องขอโทษท่านแม่ของเจ้าด้วย เจ้ารีบไปเถอะ!”
ซูจือเยว่ตรวจสอบรอบ ๆ วัดร้างอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ารอบด้านปลอดภัยก็เดินหายเข้าไปในป่าทึบ
พวกเขาจะค้างคืนในวัดร้างนี้ และเกรงว่าคงไม่ใช่แค่คืนนี้ หากยังไม่พบซูเฉี่ยนเยว่ พวกเขาจะปักหลักอยู่ที่นี่ก่อน
เช่นนี้แล้วเขาต้องหาฟืน น้ำ และอาหาร
ทุกอย่างเป็นเพราะเขา ตระกูลซูจึงประสบหายนะเช่นนี้ และเขาไม่สามารถปล่อยให้ท่านพ่อท่านแม่ทนทุกข์ทรมานได้ และเขาต้องหาน้องสาวตนเองให้พบ
แม้ว่าจะต้องตายก็ไม่เสียใจ
ตกกลางคืน ซูจือเยว่ที่เติบโตขึ้นในเมืองหลวงแม้ว่าจะมีประสบการณ์การใช้ชีวิตในป่ามาก่อน แต่เนื่องจากคนรับใช้ของเขาเป็นคนทำแทนมาตลอด ตอนนี้เมื่อต้องทำเองจึงมีท่าทางค่อนข้างเงอะงะ
หลังจากหาอยู่เป็นเวลานาน เขาก็จับกระต่ายป่ามาได้หนึ่งตัว และฟืนอีกเล็กน้อยเท่านั้น มีลำธารเล็ก ๆ ไม่ไกลจากวัดร้าง เขาเติมน้ำลงในหม้อที่เขาหาเจอในซากวัดร้าง และเตรียมจะกลับไป