ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2199 ส่งฟืนให้ในฤดูหนาว
บทที่ 2199 ส่งฟืนให้ในฤดูหนาว
ฮูหยินซูเห็นใบหน้างดงามนั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงรีบก้มหน้าลงและเอ่ยว่า “เจ้าเองหรือ? นางจิ้งจอกแพศยา เจ้ายังมีหน้ามาที่นี่อีกหรือ!”
“ฮูหยิน องค์หญิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!” ซูเผยอันขมวดคิ้ว
“จะไม่เกี่ยวอะไรกับนางได้อย่างไร!” ฮูหยินซูคำรามโกรธจัด “ถ้าไม่ใช่เพราะนาง แล้วจือเยว่จะยกเลิกงานแต่งงานได้อย่างไร!”
“เจ้าต้องให้ข้าบอกกี่ครั้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์หญิง เรื่องนี้เราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เจ้าอย่าเอาแต่โทษคนอื่นเลย!” ซูเผยอันโกรธที่ฮูหยินซูกล่าวหากู้เสี่ยวหวานไปเรื่อย
ฮูหยินซูถือว่าสามีของตัวเองสูงส่งดังท้องฟ้าเสมอ เมื่อเห็นเขาเริ่มโกรธขึ้นมา นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปิดปากเงียบ หากแต่ยังคงส่งเสียงพึมพำไม่พอใจ และไม่สนใจกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นว่านางหยุดพูดแล้ว ซูเผยอันก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างขอโทษและพูดว่า “องค์หญิงอันผิง ข้าขอโทษจริง ๆ นี่…”
“ในตอนนี้อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้เลย นำของลงมาจากรถก่อนเถอะ” กู้เสี่ยวหวานแทรกขึ้นก่อนที่เขาจะพูดจบ
อาจั่วและโค่วไห่ได้ย้ายของทั้งหมดออกจากรถม้าภายใต้สายตาประหลาดใจของสองสามีภรรยา
กู้เสี่ยวหวานเตรียมทุกอย่างตั้งแต่เครื่องปรุงอาหารจนถึงเครื่องนอนหมอนมุ้ง และแม้กระทั่งเสื้อผ้า
“ข้ารู้ว่าพวกท่านต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ชั่วคราว และข้าไม่มีทางอื่นที่จะช่วยพวกท่านได้แล้ว ข้าจึงซื้อบางอย่างมาให้ อย่างน้อยก็น่าจะพอผ่านช่วงนี้ไปได้!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างจริงใจ
“ท่าน…ท่าน…ช่วยเราทำไม เรา…” ซูเผยอันมองไปสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานเตรียมไว้ เอ่ยตะกุกตะกักด้วยความตกใจ
“ยามที่เราประสบปัญหา นายน้อยซูได้ช่วยเหลือข้าเอาไว้โดยไม่ลังเล ตอนน้องชายของข้าถูกใส่ร้ายก็เป็นใต้เท้าซูยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ข้ากู้เสี่ยวหวานจะไม่มีวันลืมความเมตตานี้แน่นอน แต่ใต้เท้าซูโปรดวางใจได้ ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังโกรธเพราะเรื่องการยกเลิกการแต่งงาน เมื่อฝ่าบาทหายโกรธ ข้าจะเข้าเฝ้าเพื่อขอร้องเรื่องใต้เท้าซูแน่นอน ใต้เท้าซูเป็นคนซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม เป็นขุนนางที่ดีที่หาได้ยาก หากประชาชนขาดขุนนางที่ดีเช่นนี้ก็ถือเป็นความโชคร้าย ข้าหวังว่าใต้เท้าซูจะไม่ยอมแพ้!” กู้เสี่ยวหวานพูดอย่างจริงจัง
เสียงของกู้เสี่ยวหวานนุ่มนวล และประโยคที่เอ่ยมานั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง
ซูเผยอันรู้สึกประทับใจกับความจริงใจของกู้เสี่ยวหวาน โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขายังคงรักษาทัศนคติที่เป็นกลางที่มีต่อองค์หญิงไว้
การแสดงออกของกู้เสี่ยวหวานนั้นจริงใจมาก แม้ว่านางจะยังเด็ก แต่ทุกคำและประโยคที่นางเอ่ยออกมาทำให้ผู้คนเชื่อนางอย่างอธิบายไม่ได้
อาโม่และโค่วไห่ย้ายของทั้งหมดลงมาและวางไว้ในวัดร้างอย่างเป็นระเบียบ เมื่อวางข้าวของทั้งหมดเสร็จในวัดร้างนั้นก็ดูอบอุ่นขึ้นมา
“ใต้เท้าซู ท่านมีแผนจะทำอะไรต่อไป?” กู้เสี่ยวหวานรู้ว่าตระกูลซูใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวงเป็นเวลานาน หรือถ้าความโกรธของฮ่องเต้ยังไม่ลดลง พวกเขาอาจไม่สามารถกลับไปที่เมืองหลวงได้ตลอดชีวิต
และหลังออกจากเมืองหลวงและลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว พวกเขาจะทำอะไรต่อไปในอนาคต?
กู้เสี่ยวหวานหยิบจี้หยกออกมาแล้วมอบให้ซูเผยอัน “หลังจากออกจากเมืองหลวงใต้เท้าซูก็ยังต้องทำมาหากิน ข้ามีร้านจิ่นฝูที่เมืองรุ่ยเสียน หากใต้เท้าซูไม่รังเกียจ ร้านจิ่นฝูจะถูกส่งต่อให้ท่านดูแล ท่านจะเป็นเถ้าแก่ร้านจิ่นฝู นอกจากเงินเดือนประจำแล้วยังมีเงินปันผลทุกสิ้นปีอีกด้วย คิดเป็นหนึ่งในสี่ของรายได้สุทธิทั้งปีของร้าน แม้ว่าจะเป็นเพียงร้านอาหารธรรมดา รายได้อาจไม่ถึงหนึ่งในสิบของใต้เท้าซู แต่ก็ยังสามารถเลี้ยงชีพได้! ส่วนเรื่องอื่นข้าจะพูดมันในภายหลัง!”
ซูเผยอันมองหญิงสาวด้วยความตกใจ ขณะที่กู้เสี่ยวหวานวางจี้หยกลงบนพื้นของเขา หลังจากที่เขาเข้าใจสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูด ก็อยากส่งมันคืนให้กู้เสี่ยวหวาน
“องค์หญิงอันผิง สิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป ข้า…ข้ารับไว้ไม่ได้!” ซูเผยอันรีบปฏิเสธ
กู้เสี่ยวหวานซึ่งเป็นเจ้าของร้านจิ่นฝูได้เตรียมวิธีการทำมาหากินไว้ให้เขาแล้ว หากเขายอมรับจี้หยกไว้ การดำรงชีวิตของครอบครัวจะไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน!
ฮูหยินซูก็ตกใจเช่นกัน นางยังเงยหน้าขึ้นมองกู้เสี่ยวหวาน ซูเผยอันยืนยันที่จะส่งคืน แต่กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธที่จะรับมัน
“ถ้าใต้เท้าซูเห็นความสำคัญของเสี่ยวหวานและร้านจิ่นฝู ได้โปรดรับจี้หยกนี้ไปด้วย ตอนนี้ข้าต้องกลับแล้ว ถ้าใต้เท้าซูมีอะไรจะบอกข้า หากเข้าไปในเมืองไม่ได้ก็มีร้านฝูจิ่นอยู่ห่างจากที่นี่สามสิบลี้ ถ้าท่านมีปัญหาอะไร ท่านสามารถไปที่นั่นและขอให้เจ้าของร้านส่งข้อความถึงข้าได้!” หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกล่าวลา รถม้าของนางก็จากไป
แต่ตอนที่นางมาถึงนั้น นางไม่เห็นแม้แต่เงาซูจือเยว่ ไม่รู้ว่าเขาจงใจซ่อนตัวหรือเขาไม่ได้อยู่ที่นี่จริง ๆ กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ถามถึงอีกฝ่าย และซูเผยอันก็ไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ตามนางได้ให้สิ่งสำคัญไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจว่าจะได้เจออีกฝ่ายหรือไม่
เมื่อรถม้าจากไป ซูเผยก็อันมองไปที่จี้หยกในมือและคิดถึงสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดเมื่อครู่ สิ่งที่นางทำคือการปูทางให้เขา
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินและการทำมาหากิน
ตอนกลางคืน มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงบนรถม้าเท่านั้น ซูเผยอันไม่ได้เข้าไปในวัดร้างจนกระทั่งเขาเห็นแสงสว่างหายลับสายตาไป เมื่อกลับเขาไปก็เห็นฮูหยินซูนั่งอยู่บนพื้นจ้องมองไปที่สิ่งที่อยู่ข้างหน้านางด้วยความงุนงง
“ฮูหยิน เจ้าเป็นอะไรหรือ?” ซูเผยอันกลัวว่าฮูหยินซูจะรู้สึกเสียใจอีก เขาจึงรีบปลอบโยนนาง “มีผ้านวมอยู่ตรงนี้ คืนนี้พวกเราจะไม่ต้องทนหนาวแล้ว!”
“ดูสิ…” ฮูหยินซูยื่นมือออกและยื่นห่อบางอย่างให้ซูเผยอัน
“นี่…” ซูเผยอันรับมันมา และเมื่อเห็นของข้างในเขาก็ต้องตกใจ
ข้างในมีเงินสามร้อยตำลึงเงินเและมีตั๋วแลกเงินเจ็ดใบ ใบละหนึ่งร้อยตำลึงเงิน รวมเป็นหนึ่งพันตำลึงเงิน
ซูเผยอันมองสิ่งของในมือด้วยความตกใจ จากนั้นจึงมองดูสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเขา
แม้ว่าอาหารและเสื้อผ้าจะแตกต่างจากสิ่งที่เขาใช้ปกติ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน การมีเครื่องนอนให้ใช้ก็ก็นับว่าเป็นพรแล้ว