ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2202 ตรวจค้น
บทที่ 2202 ตรวจค้น
แม้ว่าจะเป็นเพียงตะเกียงธรรมดา หากแต่น้ำหนักค่อนข้างมาก ความแข็งแรงสูงและกันลมได้ดี
ชายหนุ่มมองรถม้าที่หายลับไปในยามราตรี จากนั้นก้มมองตะเกียงในมือ ก่อนจะหมุนตัวกลับแล้วเดินไปตามทางที่เขาจากมา
ค่ำคืนอันมืดมิด แต่แสงสว่างในมือกลับส่องสว่างจนเห็นได้อย่างชัดเจน
……
เมื่อรถม้ามาถึงหน้าประตูเมือง โค่วไห่จึงส่งสมุดทะเบียนบ้านให้ทหารเฝ้าประตู “พี่ชาย เรามาทันเวลาพอดี! ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาปิดประตูเมือง”
นอกจากสมุดทะเบียนบ้านแล้ว ยังมีถุงเงินอีกใบหนึ่ง
ทหารเหล่านั้นลองชั่งน้ำหนักถุงผ้าใบนั้นอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นใบหน้าก็ฉายให้เห็นความสุขอย่างชัดเจน แต่ตอนที่กำลังจะเก็บถุงเงินและปล่อยพวกเขาไป ก็ได้ยินเสียงของเฉิงเหมินจื่อฮุยสื่อดังขึ้นจากด้านหลัง
“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังมีใครมาอีก!”
เขาคือคนสนิทของซ่งตูซือ
เสียงของอวี๋ส่าวเหลียงน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความสงสัย ยามมองไปยังรถม้าตรงหน้า ดวงตาคมคู่นั้นฉายแววดุร้ายอย่างไม่ปิดบัง
“ท่านเจ้าหน้าที่ เราเปิดร้านอาหารอยู่นอกเมือง แต่แล้วกลับมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับร้านเรา เถ้าแก่ของเราจึงต้องออกไปดู เราจึงรีบกลับมาก่อนประตูเมืองจะปิด!” โค่วไห่รีบเอ่ย
อวี๋ส่าวเหลียงมองโค่วไห่อย่างระแวดระวัง ใบหน้ายังเต็มไปด้วยความสงสัย
ทันใดนั้นทหารที่รับสมุดทะเบียนบ้านเมื่อครู่ ก็หยิบสมุดทะเบียนบ้านและถุงเงินยื่นให้อีกฝ่ายทันที “ใต้เท้าอวี๋ นี่…เขาให้มา! ข้าน้อย…ข้าน้อยคนนี้ได้ไม่อยากรับ!”
อวี๋ส่าวเหลียงหยิบถุงเงินหนักอึ้งขึ้นมา ดวงตาของเขาฉายแววอำมหิต…
“เข้าออกตามปกติก็พอแล้ว เจ้าจะให้เงินพวกเขาเพื่ออะไร หรือมีอะไรยุ่งยากงั้นหรือ? รีบให้คนในรถลงมา เราจะต้องตรวจสอบสมุดทะเบียนบ้าน หากมีข้อผิดพลาดก็จะไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง!” น้ำเสียงของอวี๋ส่าวเหลียงน่าเกรงขามสร้างความตกใจให้ผู้คนได้ไม่น้อย และทหารทั้งหมดที่ประตูเมืองวิ่งมารวมตัวกันหน้ารถม้า เพื่อรอคำสั่งตรวจค้น
ทะเบียนบ้านของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานเป็นคนจัดการให้ เมื่อสักครู่โค่วไห่อยากใช้ทะเบียนบ้านตัวปลอม แต่กู้เสี่ยวหวานเปลี่ยนใจ และสิ่งที่อยู่ในมือพวกเขาเป็นของจริง
เมื่อเห็นทหารเหล่านั้นวิ่งเข้ามา โค่วไห่ก็ใช้ร่างกายขวางหน้าคนเหล่านั้นไว้ และพูดเสียงดัง “คนที่อยู่ในรถม้าคือองค์หญิงอันผิง ท่านแค่เพิ่งไปตรวจความเรียบร้อยของร้านอาหารในแถบชานเมือง หากจะทำอะไรได้โปรดเกรงใจนางด้วย!”
“ไม่ว่านางจะเป็นองค์หญิงหรือผู้ใดก็ตาม หากจะผ่านประตูเมืองเข้า แม้จะเป็นฮ่องเต้หรือท่านอ๋องก็ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด!” อวี๋ส่าวเหลียงพูดอย่างไม่แยเส “รีบให้คนบนรถม้าลงมาให้พวกเราตรวจสอบเสียเถอะ!”
เมื่อครู่ทหารขี้ขลาดเกินกว่าจะก้าวไปข้างหน้า ตอนนี้กลับมีความฮึกเหิมขึ้นมา ก่อนจะวิ่งไปล้อมรอบรถม้าเอาไว้
กู้เสี่ยวหวานนั่งอยู่ในรถม้าตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวข้างนอกท่าทางนิ่งสงบ นางไม่เคยรู้จักอวี๋ส่าวเหลียงมาก่อน และเขาหาได้หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินว่าคนที่อยู่ในรถม้าคือองค์หญิงอันผิง
อวี๋ส่าวเหลียงกำลังแสดงความจงรักภักดีในการปกป้องประเทศเฉกเช่นจื้ออวิ้น หรือจงใจขัดขวางไม่ให้นางเข้าเมือง
เมื่อนึกถึงก้อนหินปริศนาปรากฏขึ้นบนถนนอย่างกะทันหันและหาสาเหตุไม่ได้ กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ง่ายเลย
“คุณหนู…” อาจั่วคอยอยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานเสมอ
“พวกเราลงไปเถอะ ให้ความร่วมมือกับพวกเขา!” กู้เสี่ยวหวานเปิดม่านรถ และก้าวเดินลงไปอย่างสง่างาม
อวี๋ส่าวเหลียงกระตุกยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถม้าซ้อนทับกับคนในรูปที่เขาเคยเห็นมาก่อน
กู้เสี่ยวหวานไม่พูดอะไรและปล่อยให้ทหารตรวจค้นรถม้า และยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ
อวี๋ส่าวเหลียงไม่พูดอะไรและทำเพียงเหลือบมองกู้เสี่ยวหวานเป็นบางครั้ง เมื่อเห็นท่าทางสงบและสุขุมของนาง ร่องรอยของการเยาะเย้ยพลันเกิดขึ้นในใจ
เพียงแค่รถม้าทั่วไป แต่ทหารเจ็ดหรือแปดคนกลับใช้เวลาตรวจสอบอยู่นาน ขึ้น ๆ ลง ๆ วกซ้ายเวียนขวาซ้ำแล้วซ้่ำเล่า
เครื่องหอมบนรถม้ากำลังจะหมดลง แต่พวกเขายังไม่มีท่าทีว่าจะหยุด กู้เสี่ยวหวานจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ใต้เท้าอวี๋ บนรถม้าไม่มีอะไร!” เมื่อเห็นว่าเครื่องหอมกำลังจะดับมอด ทหารคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
สายตาของอวี๋ส่าวเหลียงมองไปยังกู้เสี่ยวหวานอย่างเปิดเผย
“ข้าไม่รู้จักองค์หญิงอันผิง ข้าขอถามว่าท่านมีสิ่งใดที่เป็นหลักฐานเพื่อพิสูจน์ตัวตนหรือไม่?”
“สมุดทะเบียนบ้านอยู่ที่นี่ ใต้เท้าอวี๋โปรดตรวจสอบดู!” โค่วไห่เตือนอวี๋ส่าวเหลียงให้ดูทะเบียนบ้านในมือของเขา
“ใต้เท้าอวี๋ ตอนพวกเขาออกจากเมือง ทะเบียนบ้านระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเขาเป็นลูกจ้างในร้านจิ่นฝู เหตุใดตอนกลับมาถึงกลายเป็นองค์หญิงอันผิงได้ ข้าว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ!”
โค่วไห้เห็นว่าคนที่พูดเป็นคนรับเงินเขาก่อนหน้านี้
หลังจากที่อวี๋ส่าวเหลียงได้ยินเรื่องนี้ เขาไม่แม้แต่ชายตามองทะเบียนบ้านด้วยซ้ำ ก่อนจะเบิกตากว้างจ้องมองกู้เสี่ยวหวาน “ท่านไม่ได้ใช้สมุดทะเบียนเล่มนี้ตอนออกจากเมือง แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม ท่านติดสินบนพวกเขา ข้าเกรงว่าเราคงไม่ต้องพูดถึงเงินหนึ่งร้อยตำลึงเงินนี่อีก!”
อวี๋ส่าวเหลียงไม่รู้ว่าถุงเงินอีกใบถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อใด เห็นได้ชัดว่าตอนโค่วไห่ออกจากเมือง เขาได้ติดสินบนทหารเหล่านั้นไว้เรียบร้อยแล้ว
อวี๋ส่าวเหลียงจ้องมองที่โค่วไห่สายตาดุเดือด จากนั้นหันไปหากู้เสี่ยวหวาน “แม่นาง ท่านมีอะไรจะพิสูจน์ตัวตนของท่านไหม ถ้าไม่มีล่ะก็…” หลังจากหยุดชั่วคราว น้ำเสียงของเขาก็เดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ “ในวันนี้แม่นางจะไม่สามารถเข้าไปเมืองได้อย่างแน่นอน!”
เขาไม่แม้แต่จะตรวจสมุดทะเบียนบ้านด้วยซ้ำ หากเอาแต่จ้องมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
“ใต้เท้าอวี๋ ข้าคือองค์หญิงอันผิง เมื่อตอนออกจากเมือง ข้านำเพียงสมุดทะเบียนบ้านมาด้วยเท่านั้น และไม่ได้นำสิ่งใดที่สามารถยืนยันตัวตนติดตัวมาด้วย ข้าอยากจะขอให้ใต้เท้าอวี๋มีการผ่อนปรนให้ข้าสักนิด!”
“ถ้าสิ่งไม่มียืนยันตัวตน ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าคือองค์หญิงอันผิง? หรือท่านกำลังปลอมตัวทำเป็นองค์หญิง และต้องการเข้าไปก่อเรื่องภายในเมือง ฮ่องเต้แต่งตั้งให้ข้าเป็นเฉิงเหมินจื่อฮุยสื่อ ดังนั้นข้าต้องเฝ้าประตูเมืองและป้องกันไม่ให้คนไม่ดีเข้ามา เพื่อรักษาความปลอดภัยในเมืองหลวงของข้า!” อวี๋ส่าวเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่นางท่านบอกว่าท่านคือองค์หญิงอันผิง ท่านคิดว่าตัวเองเป็นคนแรกที่ทำเช่นนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ โค่วไห่รีบก้าวไปข้างหน้าและพูดอย่างรวดเร็ว “ใต้เท้าอวี๋ เหตุใดท่านไม่ปล่อยให้ข้าน้อยกลับไปก่อน หลังจากที่ข้าน้อยเข้าไป จะนำของมาพิสูจน์ตัวตนองค์หญิงมาให้ ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่?”