ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2206 ฮ่องเต้อาจจะชื่นชอบนาง
บทที่ 2206 ฮ่องเต้อาจจะชื่นชอบนาง
อวี๋ส่าวเหลียงพยักหน้า และออกจากจวนตระกูลซ่งอย่างรวดเร็ว แต่ซ่งฉีเหิงนั้นกลับตาสว่าง และไม่สามารถนอนหลับได้ลง ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นและตรงไปที่จวนหมิงอ๋อง
ชายในชุดดำยังคงติดต่อเขาไม่ห่าง และเมื่อเห็นเขาเข้าไปในจวนหมิงอ๋อง ก็ได้ติดตามไปอย่างระมัดระวัง
ซ่งฉีเหิงบอกข่าวกับหมิงอ๋องว่ากู้เสี่ยวหวานเข้ามาในเมืองได้แล้ว และซูห้าวก็โกรธมาก “ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์ทุกคน แค่ห้ามไม่ให้นางเข้าเมืองก็ทำไม่ได้ พวกเจ้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ”
ก่อนที่ซ่งฉีเหิงจะมาถึงที่นี่ เขารู้อยู่แล้วว่าหากพูดไปจะต้องเกิดพายุลูกใหญ่ในจวนหมิงอ๋อง จึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเสียงเท่าไหร่และกล่าวว่า “หมิงอ๋อง เรื่องนี้ได้รับการจัดการแล้ว แต่ถูกขัดขวางกลางทาง และทำให้กู้เสี่ยวหวานเข้าเมืองมาได้!”
“ใครมันเป็นคนขัดขวางแผนการเรา ยามจื่อแล้วยังปล่อยให้คนเข้ามาได้อย่างไร!” ซูห้าวถามด้วยความโกรธเคือง
“คือ…คือท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์!”
“ว่าอย่างไรนะ… จะเป็นเขาได้อย่างไร?” เมื่อซูห้าวได้ยินชื่อนั้น เขาก็เดือดดาลขึ้นมาและเริ่มเป็นกังวล “เขาจะไปที่ประตูเมืองได้อย่างไร!”
“ฉินจื่อเย่ผู้นี้มักจะต่อต้านหมิงอ๋องตลอด พวกท่านเป็นท่านอ๋องที่แซ่ต่างกัน เขาแค่ติดตามฮ่องเต้จนก้าวมาถึงจุดนี้ได้ แต่กลับไม่เคยเห็นหมิงอ๋องอยู่ในสายตา และตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะเข้ามาช่วยเป้าหมายของเรา!” ซ่งฉีเหิงอธิบายเรื่องนี้อีกครั้ง
แผนการทุกอย่างถูกเตรียมการไว้อย่างเรียบร้อย เพียงนางก้าวออกจากประตูเมือง พวกโจรและคนที่อยู่นอกเมืองจะมีวิธีการมากมายที่จะฆ่านาง
“หมิงอ๋อง ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ช่วยชีวิตคนคนนั้นไว้ เป็นไปได้ว่าฮ่องเต้อาจจะสั่งให้เขาทำ!” ซ่งฉีเหิงพูดอย่างร้อนรน
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? ฮ่องเต้ขอให้เขาช่วย นี่เจ้าหมายถึง…” ซูห้าวครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ และถามด้วยความประหลาดใจ “เป็นไปได้อย่างไร? ไทเฮารับนางเป็นลูกสาวบุญธรรม พวกเขาคือพี่น้องกัน!”
ซูห้าวแทบไม่อยากเชื่อ นี่มันไร้สาระเกินไป
แต่ซ่งฉีเหิงไม่คิดเช่นนั้น “ท่านหมิงอ๋อง พี่น้องแล้วอย่างไร พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด นอกจากนี้ดูสิกู้เสี่ยวหวานผู้นี้เปลี่ยนจากสาวชาวนากลายเป็นองค์หญิงในทันใด หากเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ นางจะได้เป็นองค์หญิงได้อย่างไร?”
“เจ้าหมายถึงว่าฮ่องเต้เอาใจนาง? เพื่อที่เขาจะได้พานางเข้าวัง?”
ซ่งฉีเหิงพยักหน้า “ใช่ กู้เสี่ยวหวานผู้นี้อาจเป็นคนในใจของฮ่องเต้ และนางเป็นผู้ครอบครองหัวใจของฮ่องเต้ ไม่อย่างนั้นทำไมนางถึงกลายเป็นองค์หญิงและทำไมเมื่อเกิดเรื่องมากมายขึ้น แต่นางก็ยังปลอดภัย?”
หลังจากที่ซูห้าวฟังคำพูดของซ่งฉีเหิง ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล “สิ่งที่เจ้าพูดก็สมเหตุสมผล ไม่เช่นนั้น หมิ่นเอ๋อร์จะไม่สามารถเอาชนะสาวชาวนาธรรมดาได้อย่างไร!”
อย่างไรก็ตาม ถ้านางเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ตนเองจะจัดการกับนางอย่างไร? ถ้านางกลายเป็นพระสนมเอก อนาคตหมิ่นเอ๋อร์จะทำอะไร? อีกหน่อยเขาต้องคุกเข่าให้ชาวนางั้นเหรอ
ซูห้าวคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่ายหน้าทันที “ถ้าอย่างนั้นนางก็ยิ่งสมควรตาย! ทำไมสาวชาวนาผู้ต่ำต้อยถึงได้เป็นนางสนมของฮ่องเต้ ทำไมนางถึงได้การเคารพจากทุกคน!”
“หมิงอ๋อง ท่านลืมไปแล้วหรือ หากฮ่องเต้มีใจให้นางจริง ๆ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะจัดการกับนาง!” ซ่งฉีเหิงยิ้ม
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ซูห้าวไม่เข้าใจอยู่พักหนึ่ง
“ตั้งแต่สมัยโบราณ ฮ่องเต้ต้องมุ่งความสนใจไปที่การปกครองบ้านเมืองและห้ามมีความสัมพันธ์ส่วนตัวใด ๆ แต่ถ้าเขาทุ่มเทความสนใจทั้งหมดให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ท่านคิดว่าไทเฮาเหนียงเหนียงจะยินยอมหรือไม่? เหล่าขุนนางจะยินยอมหรือไม่? เพียงเพื่อสตรีคนเดียว ทำให้บ้านเมืองต้องพังพินาศ ประชาชนจะยอมหรือไม่? ยิ่งฮ่องเต้ปฏิบัติต่อนางดีเท่าไร เราก็สามารถใช้อำนาจต่อรองได้มากขึ้นเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องลงมือและจะมีคนลงมือแทนเอง!”
ซ่งฉีเหิงบอกแผนการของตนเอง ซูห้าวพยักหน้าตอบรับหลายครั้ง “ใช่ ยิ่งฮ่องเต้ทำเพื่อนางมากเท่าไหร่ ความตายก็ยิ่งมาหานางเร็วขึ้นเท่านั้น เช่นนั้นข้าต้องบอกเรื่องนี้กับไทเฮาเสียแล้ว นางขอให้ฮ่องเต้ทำหลายอย่างให้นางตั้งแต่ยังไม่เข้าวัง ดูเหมือนว่าหญิงคนนี้จะมีความสำคัญต่อหัวใจของฮ่องเต้นจริง ๆ และสิ่งที่ต้องห้ามที่สุดของฮ่องเต้คือการมีความสัมพันธ์ส่วนตัว”
“ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนี้กล้ารุกรานความยิ่งใหญ่ของวังหลวงครั้งแล้วครั้งเล่า การตายก็ยังไม่เพียงพอต่อการกระทำนี้ คืนนี้เราแตะต้องนางไม่ได้ แต่เราค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของนาง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วอย่างไรนางก็ต้องตายอยู่ดี!” ซ่งฉีเหิงกล่าวอย่างชั่วร้าย
ซ่งฉีเหิงกลับไปที่จวนตระกูลซ่ง แต่ร่างที่ติดตามเขามาตลอดได้หายลับไปกับความมืดแล้ว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานกลับมาถึงบ้าน ทันทีที่ลงจากรถม้าก็เห็นโค่วตันรอนางอยู่ที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นว่าคุณหนูกลับมาอย่างปลอดภัย จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “คุณหนู พี่ใหญ่ฉินรอท่านมานานแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานปลดผ้าคลุมหน้าออกและส่งให้อาจั่วที่อยู่ข้างนาง ก่อนจะส่งเสียงตอบรับและรีบกลับไปที่ห้องตนเอง
โค่วตันตามไปข้างหลังและพูดอย่างไม่สบายใจเล็กน้อย “คุณหนู ข้าบอกพี่ใหญ่ฉินว่าท่านไปเยี่ยมนายน้อยซู!”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด เพราะนางบอกให้โค่วตันบอกความจริงกับเขาแล้ว
เมื่อมาถึงห้องก็เห็นฉินเย่จือนั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังอ่านหนังสือ เมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวเขาก็เงียหน้าขึ้น ภายใต้ไข่มุกราตรี เขาสวมชุดคลุมสีนวลขับให้เขาดูหล่อเหลายิ่งนัก ริมฝีปากสีแดงสดของเขาแยกออกเล็กน้อย “กลับมาแล้วหรือ?”
มีความหึงหวงเล็กน้อยอยู่ในนั้น
กู้เสี่ยวหวานอดไม่ได้ที่จะยิ้มจางออกมา และรีบเดินไปข้าง ๆ เพื่อพยายามปลอบเขา “เป็นอะไรไป? รอมานานแล้วเหนื่อยหรือไม่?”
ฉินเย่จือยื่นมือออกแล้วดึงนางเข้ามาในอ้อมแขนและบดจูบนางอย่างรุนแรง
ริมฝีปากของเขาเย็นชื้น หากแต่สัมผัสนุ่มหยุ่นนั้นอุ่นร้อน
ลมหายใจร้อนผ่าวและกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ ทำให้กู้เสี่ยวหวานลืมสิ่งที่กำลังคิดไปชั่วคราว และยังสร้างความตื่นเต้นให้นางไม่น้อย
ฉินเย่จือปล่อยนางไปอย่างรวดเร็วและไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการไปเยี่ยมซูจือเยว่ เพียงบอกให้นางพักผ่อนอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองไม่ต้องพูดอะไรมาก กล่าวราตรีสวัสดิ์กันแล้วเข้านอนพร้อมกัน
เมื่อฉินเย่จือกลับไปที่ห้องของตนเอง โค่วไห่และอาจั่วก็กำลังคุกเข่ารออยู่ในห้อง
“นายท่าน…” เมื่อเห็นเจ้านายตนเองกลับมาแล้ว พวกเขาก็พูดขึ้นพร้อมกัน แต่เมื่อเห็นสายตาฟาดฟันของอีกฝ่ายก็รีบก้มหน้างุด
“พูดมา!” หลังจากที่ฉินเย่จือนั่งลง ก็ตวาดออกมาด้วยเสียงเย็นชา