ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2208 บุรุษชุดขาว
บทที่ 2208 บุรุษชุดขาว
ฤดูใบไม้ร่วงมาถึงแล้ว อากาศยามค่ำคืนจึงเย็นมาก แต่เมื่ออาจั่วเอื้อมมือไปลูบหลังของกู้เสี่ยวหวาน กลับพบว่าแผ่นหลังของนางมีเหงื่อไหลชุ่ม
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งใด ดูเหมือนว่าความสิ้นหวังภายในอกจะแผ่ขยายไปทั่วจนนางหายใจไม่ออก
นางไม่รู้จักผู้หญิงที่อยู่ในฝัน แต่พอเห็นอีกฝ่ายกระโดดหน้าผา ไม่รู้ทำไมนางถึงได้เสียใจมากขนาดนี้?
“คุณหนูร่างกายท่านเปียกไปหมดแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยนอนเถอะจะได้ไม่เป็นหวัด!” อาจั่วหยิบเสื้อตัวในที่ผ่านการซักจนสะอาดส่งให้นาง
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยชินกับการให้คนรับใช้ปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด นางสวมใส่เสื้อตัวในด้วยตัวเองมาโดยตลอด
ตอนนี้ภาพในความฝันทำให้ร่างกายและจิตใจของนางเหนื่อยล้าจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น กู้เสี่ยวหวานจึงเชื่อฟังคำพูดของอาจั่วและปล่อยให้อีกฝ่ายถอดเสื้อตัวในออก
ผิวขาวราวกับกระเบื้องหยกใต้เสื้อที่เผยออกของกู้เสี่ยวหวานปรากฏขึ้น มันเรียบเนียนและเกลี้ยงเกลาราวกับผ้าทอสีขาวชั้นดีไม่มีตำหนิ จนอดไม่ได้ที่จะทำให้ผู้คนอยากเอื้อมมือไปสัมผัส
อาจั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดให้คุณหนูของนางท่าทางไม่วอกแวก ทว่าเมื่อเห็นแผ่นหลังอีกฝ่าย นางก็ต้องหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยเห็นแผ่นหลังของกู้เสี่ยวหวาน นางจำได้อย่างชัดเจนว่าแผ่นหลังของคุณหนูสะอาดหมดจด สะอาดจนไม่มีตำหนิเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ว่าตอนนี้…
มีบางอย่างปรากฏขึ้นบนหลังกู้เสี่ยวหวาน รูปร่างมันไม่ชัดเจนนัก ดูราวกับช่อดอกไม้ที่ยังไม่บานและมีสีแดงเล็กน้อย
นางไม่เห็นจำได้ว่าผู้เป็นนายไปวาดอะไรไว้บนร่างกายตอนไหน! อาจั่วเอามือไปถูรอยนั้นเงียบ ๆ แต่สิ่งที่อยู่บนหลังอีกฝ่ายเหมือนจะผุดออกมาจากร่างกายอย่างไรอย่างนั้น
หัวใจอาจั่วเต้นไม่เป็นจังหวะ
กู้เสี่ยวหวานเห็นนางหยุดชะงักจึงถามว่า “เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ!” อาจั่วรู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกประหลาดเกินไป นางไม่กล้าบอกจึงเก็บสิ่งที่เห็นไว้กับตัวเอง
กู้เสี่ยวหวานตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝันที่เหมือนจริงอยู่ตลอดเวลา เพียงแค่หายใจก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดและสิ้นหวังแล้ว นางจึงไม่สังเกตความผิดปกติของอาจั่วเลย
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ความสิ้นหวังในฝันเมื่อครู่ทำให้นางไม่กล้าหลับตา นางกลัวว่าจะเห็นภาพเปื้อนเลือดของหญิงสาวชุดขาวคนนั้น
คาดไม่ถึงว่านางจะสิ้นหวังจนร้องไห้ด้วยความกังวล
ราวกับหญิงสาวชุดขาวในความฝันคือตัวนางเองอย่างไรอย่างนั้น!
ในขณะเดียวกัน คนที่ยังนอนไม่หลับอีกคนคืออาจั่ว พอนึกถึงแสงสีแดงที่แวบเข้ามาในสายตาผู้เป็นนายเมื่อครู่ และรอยพิลึกรูปร่างเหมือนกับช่อดอกไม้แต่ผิดไปจากที่เคยเห็นซึ่งจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาที่หลังคุณหนู
นางก็ค่อนข้างประหลาดใจ อาจั่วไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นกังวลเกินกว่าเหตุหรือไม่ นางปรนนิบัติรับใช้กู้เสี่ยวหวานมาหลายปี แต่ไม่เคยพบเห็นความผิดปกติของอีกฝ่ายเลย เหตุใดคืนนี้จึงได้…
บางทีนางอาจจะสายตาพร่ามัวจนหวาดกลัวไปเองก็ได้
เส้นทางจากประตูเมืองไปยังวัดที่ทรุดโทรมนั้นยาวมาก สายลมจากหุบเขาในยามค่ำคืนปะทะเข้ากับใบหน้าซูจือเยว่จนเย็นเยียบ
ซูจือเยว่ไม่สนใจอะไร เขาถือโคมไฟอย่างระมัดระวัง ขณะที่ฝีเท้ามุ่งตรงไปยังวัดร้าง
เมื่อเดินไปถึงสถานที่ที่พบพวกเขาพอดี ซูจือเยว่ก็เห็นก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ข้างทาง เขาก็หยุดฝีเท้าลงทันที
ชายหนุ่มเดินไปยังก้อนหิน พอเห็นก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนนี้ชัด ๆ เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ที่นี่ไม่มีหุบเขาสูงมีเพียงป่าทึบเท่านั้น ต้องมีคนนำหินก้อนนี้มาวางไว้กลางทางแน่ ๆ แล้วเหตุใดกลางดึกเช่นนี้จึงมีคนเอาหินก้อนใหญ่มาวางไว้เล่า?
กลิ่นคาวเลือดปะปนอยู่กับสายลมที่โชยมายามค่ำคืน
เสียงร้องเตือนดังขึ้นในใจซูจือเยว่ เขาทะยานกายไปตามทิศทางของคาวเลือดซึ่งมาจากในป่าทึบ สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มตกใจมาก
ในป่าทึบมีร่างชายชุดดำยี่สิบกว่าคนถูกดาบฟันคอ นอนระเกะระกะเรี่ยราดอยู่บนพื้น พวกเขาตายในสภาพที่โหดร้ายอย่างยิ่ง
การตายของชายชุดดำและหินก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถอธิบายได้ทำให้ตอนนี้หัวใจของซูจือเยว่เต้นเร็ว เขาทะยานออกจากป่าทึบและตรงไปยังกำแพงเมืองโดยไม่หยุดพัก
เขาสมควรตาย เขาน่าจะรู้มานานแล้วว่าที่นี่มีปัญหา เขาน่าจะคอยดูให้แน่ใจว่าพวกเขาเข้าเมืองกันไปอย่างปลอดภัย!
ซูจือเยว่กังวลอย่างมาก ในขณะเดียวกันเขาก็พร่ำตำหนิตัวเองไปด้วย ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็มาถึงประตูเมือง ตอนนี้ประตูเมืองปิดแล้ว ด้านนอกก็ไม่มีรถม้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าไปเรียบร้อยแล้ว!
ทว่าซูจือเยว่ก็ยังไม่วางใจ เขาเฝ้าอยู่ในป่าทึบไม่ไกลจากประตูเมือง ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะดูสถานการณ์สักพักแล้วค่อยจากไป
จะไปรู้ได้อย่างไรว่ากลิ่นคาวเลือดที่รุนแรงจะโชยมาอีกครั้งเมื่อไหร่ ความคิดไม่ดีผุดขึ้นในหัวของเขา พอกลับไปดูอีกครั้ง เขาก็พบคนยี่สิบกว่าคนนอนระเกะระกะอยู่บนพื้น ทุกร่างล้วนปราศจากลมหายใจ เมื่อพิจารณาแล้วพวกเขามีลักษณะเหมือนโจรภูเขา
กลุ่มคนชุดดำที่สวมหน้ากาก กลุ่มโจรภูเขา คนสี่สิบกว่าคนจัดการกับคนเพียงสามคน ต่อให้สองคนนั้นมีศิลปะการต่อสู้สูงแล้วอย่างไร? พวกเขาจะจัดการกับคนในจำนวนที่เยอะกว่าขนาดนี้ได้หรือ!
ซูจือเยว่รู้สึกถึงเลือดลมที่พลุ่งพล่าน เขารู้สึกราวกับว่ามีใครกำลังบีบหัวใจของเขาเอาไว้แน่น ตอนนี้ชายหนุ่มหายใจไม่สะดวกเลยแม้แต่น้อย
ซูจือเยว่ทรุดตัวลงบนพื้น มองดูเหล่าโจรภูเขาที่ตายแล้วและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
ยามค่ำคืนมืดมิด แม้แต่นิ้วทั้งห้าก็มองไม่เห็น!
ไม่มีผู้ใดสังเกตว่าบนภูเขาที่สูงตระหง่านมีบุรุษชุดขาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบ เขามีรูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดไม่มีคราบสกปรกเลยแม้แต่น้อย ทว่าดาบล้ำค่าที่ถืออยู่ในมือกลับเปรอะไปด้วยหยาดเลือดและเปล่งแสงเย็นเยียบ
ดาบล้ำค่าเปล่งแสงเย็นเยียบส่องประกายเจิดจ้า หยดเลือดที่ปลายดาบหยดลงมาราวกับหยาดน้ำค้างบนใบไม้
สายลมภูเขาร้องหวีดหวิว ผมที่ยาวดำดุจน้ำหมึกของบุรุษชุดขาวปลิวสะบัดขึ้นลงตามแรงลม ใบหน้าที่หล่อเหลาดุจเทพเซียนกำลังมองทุกสิ่งที่อยู่เบื้องล่างราวกับตนเป็นราชาที่ปกครองอยู่ในตำแหน่งสูงสุด
สีหน้าของเขาเกียจคร้านและห่างเหิน ตรงกันข้ามกับดวงตาอันเย็นเยียบที่แผ่รัศมีเย็นยะเยือกออกมาอย่างรุนแรง ราวกับน้ำแข็งที่สะสมมานานหลายพันปี
นอกจากบุรุษหน้าตาหล่อเหลาร้ายกาจผู้นี้ ยังมีเด็กคนหนึ่งซึ่งอายุไม่มากนักยืนอยู่ข้าง ๆ ด้วย เด็กคนนั้นเงยหน้ามองบุรุษรูปงาม ร่างสูงใหญ่ข้างกาย และถามอย่างสับสน “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านจึงไม่ไปพบอาจารย์หญิงเล่า?”
บุรุษหน้าตาหล่อเหลายกมุมปากยิ้มอย่างเกียจคร้าน ทว่ากลับดูลึกล้ำ น้ำเสียงของเขาเย็นชาเพราะพลังที่ยากจะต้านทานได้ แต่เนื่องจากกำลังคุยกับเด็ก น้ำเสียงของชายผู้นี้จึงแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่หาได้ยากยิ่ง “อาจารย์หญิงของเจ้า นาง… ยังจำข้าไม่ได้เลย!”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาอ่อนโยนราวกับลำธารที่ไหลเอื่อย แต่กลับสัมผัสได้ถึงความหดหู่อันลึกล้ำและความอ้างว้างที่ยากจะเข้าถึงที่ถูกซ่อนอยู่