ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2214 อย่ากลัวไปเลย
บทที่ 2214 อย่ากลัวไปเลย
โชคดีที่กู้เสี่ยวหวานไม่สำลักน้ำ และกู้ฟางสี่ก็เอาแต่โทษตัวเอง “มันเป็นความผิดของข้า มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด!”
อาจั่วไม่สนใจอีกฝ่าย หลังจากวางกู้เสี่ยวหวานก็รีบปลดเสื้อผ้านางออกทีละชั้น เมื่อปลดเสื้อผ้าออกจนหมดก็เผยให้เห็นผิวพรรณขาวเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบ
รอยสีแดงสดราวกับดอกไม้ที่อาจั่วเห็นเมื่อครู่ หายไปแล้วเหลือแต่เพียงผิวขาวเนียนราวกับกระเบื้องเคลือบสีขาว
หยกขาวไร้ที่ติ
ไม่มีร่องรอยใด
อาจั่วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หากแต่ก็สงบสติลงได้อย่างรวดเร็ว บางทีนางอาจจะตาฝาดไปจริง ๆ
น้ำอุณหภูมิอุ่นกำลังดี แต่เมื่อผ่านไปไม่ถึงครึ่งก้านธูปน้ำก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ กู้ฟางสี่รีบตักน้ำใส่อ่าง โดยมีอาจั่วเติมน้ำเย็นลงไป
ด้านนอก ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนนั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อรอดูการเคลื่อนไหวภายใน โดยภายในห้องโถงยังมีหมออีกหลายคน เมื่อทุกคนเห็นท่านหมอหลวงห่าวเหลียน ทุกสายตาต่างมองเขาด้วยความเคารพนับถือ
โค่วตันและโค่วไห่เองก็เฝ้าอยู่ข้างนอกเช่นกัน พยายามฟังความเคลื่อนไหวข้างในอย่างตั้งใจ
โค่วตันมองหมอหลวงห่าวเหลียนซึ่งนั่งด้วยท่าทางสงบนิ่ง และถามความสงสัย “ท่านพี่ เหตุใดถึงกลับมาเร็วเช่นนี้ แม้แต่ท่านหมอก็ถูกท่านเชิญมาหรือ?”
“ข้าไม่ได้เป็นคนเชิญเขามา ตอนข้าเดินมาได้ครึ่งทาง บังเอิญเจอท่านหมอหลวงห่าวเหลียนกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่” โค่วไห่พูด “บางทีนายท่านอาจเป็นคนเชิญเขามา?”
“เป็นไปไม่ได้ นายท่านไม่เคยพบท่านหมอหลวงด้วยซ้ำ!” โค่วตันส่ายหน้าและพูด
“ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน!” โคว่ไห่เองก็สงสัยไม่น้อย
น้ำในถังถูกเทใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า และตักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นกัน
ฉินเย่จือยืนอยู่นอกห้องอาบน้ำ ฟังการเคลื่อนไหวภายใน ตอนนี้หัวใจของเขาเหมือนถูกกระชากอย่างแรง แม้แต่จะหายใจยังรู้สึกเจ็บปวด
ยามอาจั่วเดินออกมาพร้อมกับถังน้ำก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตู นางเดินผ่านเข้าไปพลางเอ่ยเสียงเบา “นายท่าน ท่านควรกลับไปพักผ่อนก่อน”
ฉินเย่จือยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาของเขาจับจ้องไปด้านในราวกับว่าจะเห็นกู้เสี่ยวหวาน
เมื่ออาจั่วเห็นนายท่านยืนนิ่งไม่ขยับ จึงไม่มีทางเลือกนอกจากหันกลับมาสนใจงานในมือ
……
ไม่รู้ว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน ในที่สุดน้ำเสียงตื่นเต้นของอาจั่วก็ดังขึ้น “ฟื้นแล้ว คุณหนูฟื้นแล้ว!”
ฉินเย่จือก้าวไปข้างหน้าและเห็นอาจั่ววิ่งสวนออกมาจากด้านใน “ไข้ลดลงแล้ว คุณหนูฟื้นแล้ว!”
ฉินเย่จือพยักหน้าและรีบเข้าไปข้างในโดยไม่ได้คิดอะไร กู้ฟางสี่กำลังช่วยกู้เสี่ยวหวานใส่เสื้อผ้าเมื่อเห็นฉินเย่จือรีบเข้ามา จึงพูดว่า “ไข้ลดลงแล้ว ข้ากำลังใส่เสื้อผ้าให้นางอยู่!”
กู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่เนื่องจากมีไข้สูงเป็นเวลานาน ร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแรง ใบหน้าแดงก่ำนั้นดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติแล้ว
“หวานเอ๋อร์…” ฉินเย่จือไม่ได้โกรธกู้ฟางสี่ เมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวให้กู้เสี่ยวหวานเสร็จก็รีบวิ่งเข้าไปข้างใน แล้วนั่งยอง ๆ ตรงหน้ากู้เสี่ยวหวาน พลางจับมือนางแน่น
ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานสวมเพียงชุดจงอีเท่านั้น เมื่อเห็นเขาปรี่เข้ามาด้วยท่าทางร้อนรน ก็รับรู้ได้ว่าเขาคงเป็นห่วงตนเองอย่างมาก จึงกุมมือเขาแน่น ก่อนจะยกมือขึ้นแตะลงบนคิ้วที่ขมวดแน่นของอีกฝ่าย น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้นแผ่วเบา “ข้าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงข้า…”
ฉินเย่จือพยักหน้า พลางกุมมือหญิงสาวขึ้นมาแนบแก้ม ใบหน้าที่เคยเป็นทุกข์ฉายแววความสุขออกมาเล็กน้อย ความตึงเครียดบนใบหน้าค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มขึ้น มองดูเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้หัวเราะเยาะเขา แต่เอื้อมมือออกไปกอดฉินเย่จือไว้แน่น กอดแน่นราวกับว่าเขาจะหายไป
ฉินเย่จือสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นกับกู้เสี่ยวหวาน จึงคิดว่านางกำลังหวาดกลัว จึงกอดนางแน่นเพื่อให้ความอบอุ่น
“อย่ากลัวไปเลย หวานเอ๋อร์ ข้าอยู่นี่…” ฉินเย่จือพึมพำ และเสียงที่นุ่มนวลข้างหูดังขึ้น ทำให้กู้เสี่ยวหวานเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์
ไม่ต้องกลัว อาเอ๋อร์ ข้าอยู่นี่…
ช่วงเวลาที่อยู่ในห้วงนิทรา กู้เสี่ยวหวานเห็นหญิงสาวชุดขาวกระโดดลงจากหน้าผาอย่างไม่ลังเล และได้ยินเสียงตะโกนว่า
“ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว อาหวาน ข้าอยู่นี่…”
เป็นเสียงของชายในชุดสีขาว เส้นผมดำขลับราวหมึกปลิวไสวไปตามสายลม
ฉากในความฝันนั้นเหมือนจริงมาก ราวกับนางได้เข้าไปอยู่ในความฝันนั้น ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานสั่นสะท้าน ใบหน้าซีดเซียวลงทันใด ฉินเย่จือไม่ได้สังเกตความผิดปกติของอีกฝ่าย และยังคงกอดนางเอาไว้แน่น และลูบหลังหญิงสาวเบา ๆ ราวกำลังปลอบโยนเด็ก
พวกเขาทั้งสองกอดกันกลม หากแต่ฉินเย่จือมองไม่เห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อข่าวแพร่ออกไป ทุกสายตาก็มองไปที่หมอหลวงห่าวเหลียนราวกับมองเทพเซียน
ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนเริ่มตรวจชีพของกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง ชีพจรเต้นคงที่และปกติมากเหมือนกับคนสุขภาพดี
เขายังมีข้อสงสัยมากมายในใจ แต่เมื่อเขาคิดว่าร่างกายของคนนั้นแตกต่างกันออกไป บางทีองค์หญิงอาจมีร่างกายที่อบอุ่นก็ได้
หลังจากจับชีพจร เขาก็กุมมือ หันไปพูดกับกู้เสี่ยวอี้และคนอื่น ๆ “ร่างกายองค์หญิงกลับมาเป็นปกติ พวกท่านไม่ต้องกังวล เพราะไข้สูงมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ร่างกายจึงยังอ่อนแออยู่เล็กน้อย ช่วงนี้ต้องทานอาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งพรุ่งนี้ร่างกายนางจะดีขึ้น”
ทุกคนขอบคุณเขาอีกครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะท่านหมอหลวงห่าวเหลียนในวันนี้ ร่างกายของคุณหนูอาจถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
อาจั่วส่งท่านหมอหลวงห่าวเหลียนออกไป และไม่ลืมกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณท่านหมอหลวงสำหรับวันนี้ เป็นเพราะทักษะการรักษาของท่าน คุณหนูจึงหายเป็นปกติเร็วเช่นนี้!”
ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนรีบโบกมือและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก เจ้าควรขอบคุณฝ่าบาทเสียมากกว่า”
“ฝ่าบาทหรือ?” อาจั่วผงะเล็กน้อย โค่วไห่ไม่ได้เป็นคนเชิญหมอมาที่นี่หรอกหรือ?
“ขันทีฉีได้ข่าวว่าองค์หญิงอันผิงประชวร ฮ่องเต้จึงรับสั่งให้ข้ารีบมาที่นี่!”
“เป็นพระกรุณาของฝ่าบาท เมื่อคุณหนูหายดี พวกข้าจะเข้าวังเพื่อไปขอบคุณในความเมตตานี้อย่างแน่นอน”