ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2215 ล้อเล่นก็ไม่ได้
บทที่ 2215 ล้อเล่นก็ไม่ได้
“อย่างไรก็ตาม ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนก็มีทักษะอันโดดเด่น แม้จะไม่สั่งยาก็สามารถรักษาคุณหนูของข้าได้ ข้าขอขอบคุณท่านหมอหลวงห่าวเหลียนแทนคุณหนูด้วย!” อาจั่วขอบคุณด้วยความจริงใจ
“ต้องมอบความดีให้กับอาจารย์ของข้า” ห่าวเหลียนยิ้มอย่างลำบากใจ
“แต่ว่าข้าขอถามท่านหน่อย เคยมีคนแบบนี้มาก่อนหรือไม่ แม้แต่ทั่วไปจะปกติดี แต่ร่างกายกับร้อนจี๋” อาจั่วถาม
“ข้าได้ยินจากท่านอาจารย์เมื่อสามสิบปีที่แล้ว เขาช่วยชีวิตเด็กหญิงคนหนึ่งไว้ เด็กหญิงคนนั้นก็มีอาการเช่นนี้เหมือน ร่างกายนางร้อนขึ้นเรื่อย ๆ หากแต่ชีพจรและภายในยังปกติดี หลังจากเชิญหมอผู้มีชื่อเสียงมาหลายคนก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ระหว่างนั้นพวกเขาได้เจอกับอาจารย์ของข้า จึงเอ่ยอย่างขอไปทีว่าให้นำเด็กหญิงแช่ลงในน้ำ ไม่นานหลังจากนั้นไข้ก็ค่อย ๆ ลดลง นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งนัก!” ท่านหมอหลวงพูดพลางลูบเครา
อาจั่วไม่คิดว่าจะเคยมีคนมีอาการเช่นนี้เหมือนกัน จึงเอ่ยถามอีกคำถามว่า “อาการนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่?”
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ท่านอาจารย์ได้ช่วยเด็กหญิงคนนั้นเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าชีวิตของเด็กหญิงเป็นอย่างไร!” ท่านหมอหลวงห่าวเหลียนส่ายหน้า
โค่วไห่ส่งหมอที่ตนเองเชิญมาที่ประตูลาน ทั้งยังไม่ลืมกำชับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากมีข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงเล็ดลอดออกไป ระวังข้าจะบอกชาวบ้านว่าพวกท่านเป็นหมอต้มตุ๋น แม้แต่ไข้ธรรมดาก็รักษาไม่ได้!”
ความจริงพวกเขาเองก็มีความคิดจะปล่อยข่าวนี้ออกมา เพราะพวกเขาคิดว่าทักษะการรักษาของพวกเขาดีมาก แต่ความจริงแล้วเมื่อเทียบกับหมอหลวงห่าวเหลียน ก็พบว่าเทียบไม่ติดแม้แต่ปลายนิ้ว
“ไม่พูดเด็ดขาด ไม่พูดเด็ดขาด!” ดังนั้นทั้งหมดจึงพยักหน้าเห็นด้วย และเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ถ้าพูดไปก็เท่ากับทำลายชื่อเสียงของตัวเองไม่ใช่หรือ?
แม้แต่ไข้ก็ยังรักษาไม่ได้ แล้วจะรักษาอะไรได้อีกล่ะ?
โค่วไห่ส่งพวกเขาออกไป เมื่อหันกลับมาก็เห็นอาจั่วรอตัวเองอยู่ เขารีบวิ่งไปข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “ข้าไม่ได้เชิญท่านหมอหลวงห่าวเหลียนมา”
“ข้ารู้!” อาจั่วพยักหน้า
หลังจากพูดจบก็หมุนตัวเดินเข้าไปในลาน กู้ฟางสี่และคนอื่น ๆ ยืนกระวนกระวายอยู่ในลานบ้านของกู้เสี่ยวหวาน โดยปล่อยให้ฉินเย่จือก็อยู่กับกู้เสี่ยวหวานตามลำพัง
กู้ฟางสี่ถอนหายใจนยาว ความตึงเครียดหลายวันนี้ผ่อนคลายลงมาก แม้แต่สีหน้าของกู้เสี่ยวอี้ก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย
โค่วตันยกโจ๊กร้อน ๆ เข้ามา อาจั่วรับมันไว้ และเดินไปทางห้องนอนของกู้เสี่ยวหวาน
ก็เห็นฉินเย่จือนั่งอยู่บนเตียงและกอดกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ในอ้อมแขน ทั้งสองกระซิบพูดคุยกระหนุงกระหนิงอยู่กันสองคน ฉินเย่จือเอาหูแนบริมฝีปากของกู้เสี่ยวหวานไว้ บนใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูมีความสุข
“คุณหนูท่านโจ๊กหน่อยเถอะเจ้าค่ะ” อาจั่วก้าวไปข้างหน้า แล้ววางถาดโจ๊กลงบนโต๊ะข้างเตียง
“ออกไป!” ฉินเย่จือโบกมือไล่
อาจั่วรีบจึงรีบหมุนกายจากไป แต่ก็ยังไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของฉินเย่จือดังมาจากข้างใน แต่ตอนนี้นางเองก็เริ่มเหนื่อยขึ้นมาแล้วเช่นกัน และอยากจะกลับไปพักผ่อนเสียตอนนี้ แต่ร่างหนึ่ง ๆ ก็ปรากฏขึ้น คนตรงหน้านางคืออาโย่ว
“อาจั่ว…”
“นายท่านสบายดี เจ้าไม่ต้องกังวล!” อาโย่วก้าวไปด้านหลังฉาก และเริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง
“ในท้องพระโรงวันนี้นายท่านสูญเสียการควบคุมตนเอง! ข้าไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนั้นมาก่อน!” อาโย่วพูดด้วยความหวาดกลัว
นายท่านมักจะมีท่าทีสงบอยู่เสมอ แต่วันนี้เมื่อเขาได้ยินว่าไข้ของคุณหนูขึ้นสูงไม่ยอมลดลง เขาก็ดูเหมือนจะเสียสติไป
อาจั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกโชก คอยฟังสิ่งที่อาโย่วพูด “คุณหนูช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้พบกับนายท่านของเรา ไม่รู้ว่ามีหญิงสาวกี่คนที่กำลังอิจฉานาง อาจั่ว เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ?”
อาจั่ว …
“คุณหนูเองก็เป็นคนที่ดีเช่นกัน ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดีแบบนี้มาก่อน โชคดีที่นายท่านของเราได้เจอผู้หญิงที่ดีเช่นนี้ เจ้าว่านายท่านจะเสียใจแค่ไหนถ้าพวกเขาไม่ได้พบกัน!” อาโย่วพูดต่อ
อาโย่วไม่ได้เข้าข้างคนใดคนหนึ่ง
“เจ้าว่าถ้าพวกเขาบังเอิญแยกจากกันจะ…โอ๊ย…เจ้าตีข้าทำไม?” อาโย่วถูกหมอนฟาดหัวอย่างแรงแต่ก็ไม่กล้าร้องเสียงดัง จึงทำได้เพียงลดเสียงลง
“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าไปเลย ถ้าเจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครมองว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!” อาจั่วพูดอย่างโกรธเคือง “ถ้านายท่านได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดวันนี้ เจ้าก็ระวังตัวไว้ให้ดี!”
“ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง!” อาโย่วลูบหัวปรอย ๆ และพึมพำด้วยความรู้สึกผิด
“พวกเขาดีต่อกันมาก พวกเขาจะแยกจากกันได้อย่างไร!”
“แค่พูดก็ไม่ได้” อาจั่วกำชับอีกครั้ง
คุณหนูคือชีวิตของนายท่าน ถ้า…
อาจั่วไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากนายท่านและคุณหนูต้องแยกจากกันจริง ๆ มันอาจจะเจ็บปวดมากกว่าการตายเสียอีก
เมื่อเห็นท่าทีของอาจั่ว อาโย่วรู้ว่าตัวเองพูดบางอย่างผิดไป แต่เมื่อครู่เขาก็แค่ล้อเล่นไม่ใช่หรือ
เมื่อนายท่านลงมาจากตำหนักจินหลวน สิ่งต่าง ๆ เริ่มเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาก อาโย่วตามเขามาถึงสวนชิง แต่ก็ซ่อนตัวอยู่ในห้องของอาจั่ว และไม่ปรากฏกายให้ใครเห็น
สิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกทำให้อาโย่วกังวลมาก กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของคุณหนู การได้เห็นอาจั่วมีท่าทีแบบนี้ มันคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
ทุกคนต่างรู้ดีว่าหญิงสาวคนนั้นคือชีวิตของนายท่าน
“ข้าแค่ล้อเล่น ในอนาคตจะไม่พูดแบบนี้อีก!” อาโย่วรีบยืนยัน
อาจั่วสวมเสื้อผ้าและเดินออกมา เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็ปรายตามองเขาเบา ๆ แล้วออกไป
ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวในห้อง บางทีคุณหนูอาจจะหลับอยู่
ไม่นานหลังจากนั้นกู้หนิงอันก็กลับมา ตลอดหลายวันที่เขาไม่ได้รับแจ้งถึงอาการป่วยของกู้เสี่ยวหวานเลย
จนกระทั่งเขาเห็นว่าทุกคนในครอบครัวมีท่าทางจริงจัง จึงถามกู้ฟางสี่ว่า “ท่านอา ท่านเป็นอะไรไป? ทำไมดูจริงจังกันเช่นนี้?”
กู้ฟางสี่ไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้จากกู้หนิงอันได้ ดังนั้นนางจึงเล่าให้เขาฟังทั้งหมด เมื่อกู้หนิงอันได้ยินว่าพี่สาวตนเองป่วย จึงรีบวิ่งไปที่ลานบ้านของนางทันทีด้วยความกังวล