ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2219 ค่าใช้จ่ายในเมืองหลวงสูงเกินไป
บทที่ 2219 ค่าใช้จ่ายในเมืองหลวงสูงเกินไป
อาจั่วไม่ได้สังเกตเห็นท่าทีแปลก ๆ ของหญิงสาว นางยังคงยิ้มและประคองให้คุณหนูของตนก้าวไปข้างหน้า
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าสิ่งต่าง ๆ ดูเหมือนจะแตกต่างกัน แล้วแตกต่างกันอย่างไร?
นางจำได้ว่าในชีวิตที่แล้วนางไม่เคยมีความสัมพันธ์กับใครมาก่อนด้วยซ้ำ!
แต่ทว่าความฝันในคืนนั้นกับชุดแต่งงานสีแดง เทียนสีแดง เตียงนอนที่เต็มไปด้วยอินทผลัมสีแดง และเจ้าบ่าวสวมชุดสีแดงสด นางเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่ได้ยินเพียงน้ำเสียงของเขาเท่านั้น พวกเขามีช่วงเวลาแห่งความสุข ความอ่อนโยน และความหอมหวาน “ในที่สุดเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว!”
ฉินเย่จือมักจะเรียกนางว่าหวานเอ๋อร์ แต่ไม่เคยเรียกนางว่าอาหวานมาก่อน
ชีวิตที่แล้วนางไม่เคยมีแฟน แล้วผู้ชายในฝันคนนั้นคือใคร?
เจ้าของเสียงนั้นคือใคร!
กู้เสี่ยวหวานตื่นตระหนกจนร่างกายสั่นสะท้าน แต่แล้วก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นจากทางหน้าบ้าน “เสี่ยวหวาน ได้โปรด ได้โปรดสงสารข้า ตอนนี้ข้าไม่มีแม้แต่ข้าวจะกิน! ฮือฮือ เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน…”
“คุณหนู คนจากตระกูลเหลียงมาอีกแล้ว!” การแสดงออกของอาจั่วเปลี่ยนไป
กู้เสี่ยวหวาน…
ดวงตาที่งดงามของนางหรี่ลงเล็กน้อย แม้แต่ใบหน้าก็ซีดเซียวลง เมื่อเห็นเช่นนี้อาจั่วก็คิดว่าคุณหนูรู้สึกไม่สบายอีกแล้ว จึงรีบพูดว่า “คุณหนู ข้าจะไปไล่พวกเขาออกไป!”
กู้เสี่ยวหวานคว้าตัวนางไว้ หน้าที่เคยซีดเซียวกลับมาเป็นปกติ “ข้าจะไปเอง!”
เมื่อทั้งสองมาถึงลานหน้าบ้าน พวกเขาเห็นเหลียงซือนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนพื้น “ชีวิตข้าน่าสงสารนัก มีลูกคนเดียวก็มาด่วนจากไป ทิ้งหลานเอาไว้ให้ข้าดูต่างหน้า ฮือ ข้ากับสามีแก่แล้วไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ฮือฮือ เราช่างน่าสงสาร!”
ร่างกายแม่เฒ่าเหลียงมอมแมมเลอะฝุ่น ผมเผ้ายุ่งเหยิง เห็นท่าแล้วคงไม่ได้อาบน้ำและสระผมมาเป็นเวลานาน ใบหน้าเอ่อนองด้วยคราบน้ำตาและน้ำมูก ทำให้มองแล้วน่าขยะแขยงนัก
โค่วตันและกู้ฟางสี่ยืนอยู่ที่นั่น เมื่อเห็นร่างกายสกปรกมอมแมมของอีกฝ่าย พวกเขาจึงก้าวถอยหลังอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เหลียงซือไม่ได้สังเกตท่าทีรังเกียจเหล่านั้น นางรู้เพียงว่าในที่สุดวันนี้ก็ได้พบกับคนที่ตนรู้จัก ดังนั้นนางจึงจับกู้ฟางสี่ไว้ “ฟางสี่ เจ้ากับข้ารู้จักกันมานานแล้ว เจ้าคงยังไม่ลืมใช่ไหม ในตอนนั้นเจ้ายังเด็กมาก ข้าทนไม่ได้จึงให้เจ้ากินแป้งทอดไปครึ่งหนึ่ง เจ้าจำไม่ได้หรือ?”
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เหลียงซือนี่ความจำดีจริง ๆ
กู้ฟางสี่จะยังจำเรื่องที่ผ่านมานานแล้วได้อย่างไร มันก็เป็นแค่แป้งทอดครึ่งชิ้น และมันก็เป็นของที่ลูกชายนางกินเหลือและเตรียมโยนมันทิ้ง เมื่อเหลียงซือเห็นก็ตำหนิลูกชายว่าเป็นการสิ้นเปลืองอาหาร นางหยิบแป้งทอดครึ่งชิ้นขึ้นมาประจวบเหมาะกับที่กู้ฟางสี่เดินผ่านมาพอดี จึงเอามันให้กู้ฟางสี่
กู้ฟางสี่เห็นชิ้นแป้งทอดครึ่งชิ้นที่ลูกชายของเหลียงซือโยนทิ้งลงบนพื้น ตอนนั้นนางคิดจะหยิบมันขึ้นมาอยู่แล้ว แม้ว่าจะสกปรกแต่ก็ยังสามารถกินได้
เหลียงซือหยิบมันขึ้นมาและมอบให้กู้ฟางสี่อย่างมีเมตตาโดยบอกว่าให้นางโดยเฉพาะ ตอนนั้นกู้ฟางสี่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะมันก็เป็นเพียงแป้งทอดครึ่งชิ้น
ตอนนี้นางกลับพูดเรื่องนี้อย่างหน้าไม่อาย ทำให้สีหน้าของกู้ฟางสี่ไม่ค่อยดีนัก “พี่สะใภ้เหลียงมีความจำที่ดีมาก และข้าก็จำแป้งทอดชิ้นนั้นได้เสมอ!”
เมื่อเห็นกู้ฟางสี่จำเรื่องนี้ได้ เหลียงซือก็รีบยิ้มและพูดว่า “ใช่ใช่ใช่ ในตอนนั้นข้าไม่อยากกินมันเอง ข้าเลยให้เจ้า”
กู้ฟางสี่ยิ้มเยาะเย้ย “ถ้าข้าจำไม่ผิด ลูกชายของท่านกินชิ้นนั้นไม่หมดแล้วโยนมันทิ้ง ท่านจึงหยิบมันขึ้นมาและให้ข้า ข้าคงไม่ได้จำผิดใช่ไหม!”
“เจ้า… เจ้ายังเด็ก เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร เป็นไปได้อย่างไร… ข้าเพิ่งหยิบมา!” เหลียงซือไม่คาดคิดมาก่อนว่ากู้ฟางสี่จะจำได้ทุกอย่าง ใบหน้าขของนางพลันขึ้นสีแดงก่ำ “มัน…เป็นอดีตไปแล้ว!”
“ใช่แล้ว ทุกอย่างกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่พี่สะใภ้เหลียง เมื่อพูดถึงเรื่องแป้งทอดขึ้นมาข้าจึงจำบางอย่างได้!”
“อะไร?” เหลียงซือประหลาดใจเล็กน้อย
“ถ้าข้าจำไม่ผิด ครั้งก่อนเราพบกันที่ถนน ท่านบอกว่ามีชุดสวยชุดหนึ่งเลยขอให้ข้าซื้อให้ ข้าจำได้ว่ามันใช้เงินมาก เพื่อซื้อชุดนั้นข้าต้องใช้เงินแปดสิบตำลึงเงิน เงินมากขนาดนี้ ข้าก็สามารถซื้อแป้งทอดให้ท่านสักพันชิ้นเห็นจะได้”
เสียงของกู้ฟางสี่ค่อนข้างเย็นชา เมื่อเห็นว่านางไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับกู้ฟางสี่ได้ ใบหน้าของเหลียงซือก็บิดเบี้ยวน่าเกลียด นางพร้อมจะตะเบ็งเสียงใส่ทุกคน แต่แล้วนางก็คิดถึงจุดประสงค์การมาที่นี้ขึ้นได้ นางจึงต้องระงับความโกรธในใจ
ในขณะที่นางกำลังจะพูดอย่างอื่น นางเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินเข้ามาอย่างสง่างาม ดวงตาของนางเปล่งประกาย
“เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน ในที่สุดเจ้าก็มาถึงที่นี่… ถ้าเจ้าไม่มา ข้าคงจะอดตายอยู่ข้างถนน!” เหลียงซือรีบวิ่งไปหากู้เสี่ยวหวานพร้อมกับร้องไห้
อาจั่วมองไปที่หญิงชราที่สกปรกมอมแมมทั้งตัว และกลัวว่านางจะวิ่งเข้าหากู้เสี่ยวหวานางจึงรีบยืนขวางข้างหน้ากู้เสี่ยวหวาน
เดิมทีหญิงวัยกลางคนต้องการจับมือกู้เสี่ยวหวาน แต่กลับพบว่าไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวหวาน ข้ามาที่นี่เมื่อวานนี้ พวกเขาบอกว่าเจ้าไม่สบาย ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”
“ขอบคุณเหลียงซือที่เป็นห่วง ข้าหายดีแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานกล่าว
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหลียงซือก็ร้องขึ้นว่า “เสี่ยวหวาน แต่ข้าไม่สบาย… ฮือ…”
กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น “โอ้ ท่านป้าเป็นอะไรงั้นหรือ?”
“จะเป็นอย่างไรได้? การใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ข้าว น้ำมัน อาหาร ฟืน ทุกสิ่งล้วนแต่ต้องใช้เงิน ในหมู่บ้านอู๋ซีในตอนนั้น สิ่งเหล่านี้สามารถหาได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อ แล้วฟืนก็ไม่ต้องใช้เงิน หากต้องการใช้ฟืนก็เดินขึ้นไปบนภูเขา และของพวกนี้ต้องใช้เงิน เจ้าคิดว่าเราพอใช้หรือ!” เหลียงซือบ่นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่าค่าใช้จ่ายในเมืองหลวงแพงเกินไป “มันแพงเกินไป แพงเกินไป เราจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร!”