ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2220 ความโลภ
บทที่ 2220 ความโลภ
“ท่านป้าต้องการกลับหมู่บ้านอู๋ซีอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นข้าจะส่งท่านกลับบ้านเก่าเอง!” กู้เสี่ยวหวานแสร้งทำเป็นใจดี ทั้งยังพูดอีกว่า “ใช่แล้ว การอยู่ในเมืองหลวงนี้ไม่สบายเท่าอยู่บ้านเกิด หมู่บ้านอู๋ซีของเราออกมาก็เจอลำธารภูเขา ของกินและของใช้สามารถหาได้ตามป่าตามเขา แต่ในเมืองหลวงไม่ว่าไปที่ไหนก็ต้องใช้เงิน ไม่สะดวกสบายเหมือนในบ้านเกิดเรา!”
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะส่งนางกลับบ้านเกิด เหลียงซือพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เห็นอยู่ชัด ๆ ว่านางไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นางไม่ได้ต้องการกลับหมู่บ้านอู๋ซี แต่นางมาที่นี่เพื่อขอเงิน!
“ไม่ใช่! แม้ว่าค่าใช้จ่ายในเมืองหลวงจะแพง หากแต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็ดี ออกไปซื้อของก็สะดวกสบายไม่เหมือนหมู่บ้านอู๋ซีของเราและการจะเข้าเมืองได้ต้องเดินทางอยู่หลายชั่วยาม ไม่สะดวกเอาเสียเลย! ข้าคิดว่าเมืองหลวงดีกว่ามาก! ข้าอยากอยู่ที่นี่มากกว่า” เหลียงซือกระวนกระวาย
เมื่อเห็นเหลียงซือตกหลุมพรางตนเอง กู้เสี่ยวหวานก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและหัวเราะแผ่วเบา “ถ้าชีวิตในที่นี่ดีมากก็ใช้ชีวิตที่นี่ต่อไปเถอะ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ต้าเปาโตแล้ว สามารถไปหางานทำได้แล้วไม่ใช่หรือ? แม้ผู้ใหญ่บ้านเหลียงจะแก่ลงไปมาก แต่ร่างกายก็ยังแข็งแรงดี และถ้าหางานได้ พวกท่านทั้งสามก็จะมีชีวิตที่ดี! เมื่อต้าเปาได้แต่งงานกับภรรยาจากเมืองหลวงอีกครั้ง ท่านและหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงจะได้อยู่บ้านดูแลหลาน เช่นนั้นจะดีแค่ไหน!”
เมื่อเหลียงซือได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานได้วางแผนไว้สำหรับนาง ต้าเปาจะได้แต่งงานกับภรรยาจากเมืองหลวง…
หากได้ภรรยาจากเมืองหลวง ครอบครัวนางก็คงจะมีเกียรติมาก! ในอนาคตแม้ว่านางและสามีจะจากโลกนี้และไปพบพ่อแม่ของต้าเปา พวกเขาก็จะไม่เสียใจ!
ในขณะนั้นเหลียงซือยืนกรานและพูดว่า “เราจะไม่ไปไหน เราจะอยู่ในเมืองหลวง! แค่…”
นางชะงักไปชั่วคราว น้ำเสียงนั้นดูทุกข์ระทม
กู้เสี่ยวหวานยกชาขึ้นจิบ นิ้วเรียวยาวประคองเครื่องเคลือบอันประณีต ดูงดงามราวกับหลุดมาจากภาพวาด
“เสี่ยวหวาน แม้ว่าการใช้ชีวิตในเมืองหลวงจะดีแค่ไหน แต่ค่าใช้จ่ายย่อมสูงตาม แม้ว่าต้าเปาและลุงเหลียงของเจ้าจะทำงานอย่างหนัก แต่… เงินที่ได้รับตอบแทนไม่เพียงพอต่อค่าข้าวด้วยซ้ำ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาขอร้องเจ้าแล้วจริง ๆ ได้โปรดสงสารพวกเราด้วยเถอะ โปรดช่วยเราอีกครั้ง!” เหลียงซือร่ำไห้พรรณา
“ท่านอยากให้ข้าช่วยอย่างไรล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานวางถ้วยชาในมือ ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับมุมปากอย่างระมัดระวัง จากนั้นวางมือไว้บนเข่า แผนหลังตั้งตรงดูสง่างาม
น้ำเสียงนั้นอบอุ่นราวกับแสงในฤดูใบไม้ผลิ
เหลียงซือจึงหลงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวจิตใจดีและง่ายต่อการหลอกล่อ หากโอดครวญเรื่องทุกข์ยากในใจต่ออีกสองสามคำ อีกฝ่ายต้องเห็นใจตนเองอย่างแน่นอน จึงเอ่ยอย่างทุกข์ระทม “เสี่ยวหวาน การจะใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้นยากเหลือเกิน เราไม่มีเงินและข้าก็รู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อเราอย่างดี เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ เหตุใดเจ้าไม่ให้เงินสักหน่อยล่ะ ในอนาคตเราจะไม่มารบกวนเจ้าอีก!”
เหลียงซือชูห้านิ้ว
“ห้าร้อยตำลึงเงินหรือ?” กู้ฟางสี่ตะหนกตกใจ
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของท่านอา กู้เสี่ยวหวานก็อยากจะหัวเราะออกมา เหลียงซือดูเหมือนจะเป็นคนที่มาขอเงินห้าร้อยตำลึงเงินหรือ? เกรงว่าเมื่อได้ยินตัวเลขที่แท้จริงในใจนางแล้ว คงจะตกใจจนหน้าซีด!
“เงินเพียงห้าร้อยตำลึงจะไปเพียงพอได้อย่างไรเล่า! วัน ๆ เจ้าเอาแต่ติดตามเสี่ยวหวานไม่ต้องใช้เงินแม้แต่เหรียญเดียว เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าค่าใช่จ่ายในเมืองหลวงมันมากเท่าไหร่!”
“ท่านต้องการห้าพันตำลึงเงินหรือ? บ้าไปแล้ว!” เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินก็แทรกขึ้นทันทีโดยไม่รอให้นางพูดจบ “เจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิดเลย ไม่มีทางเสียหรอก! ท่านคิดว่าลมมันพัดมาหาเสี่ยวหวานหรือ ต้องการปล้นกันหรือไง!!”
กู้ฟางสี่พูดตวาดลั่นด้วยความโกรธ และปฏิเสธทันที
เหลียงซือมองหน้าอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง ราวกับต้องการบอกว่าเรื่องนี้เจ้าอย่ามาคิดแทนเสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวานมีร้านอาหารตั้งมากมาย และกิจการของแต่ละร้านก็ไปได้ดี สำหรับนางแล้วเงินห้าพันตำลึงก็เปรียบแค่เงินห้าสิบตำลึงเท่านั้นแหละ”
“นั่นเป็นเพราะเสี่ยวหวานทำงานอย่างหนักเพื่อมัน และมันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้า” กู้ฟางสี่เกรียวกร้าด
“ท่านอา ท่านอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย ให้ท่านป้าพูดก่อนเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้มีท่าทีลำบากใจใด ๆ ตรงกันข้ามนางเป็นคนใจดีและพูดคุยด้วยได้ง่าย
เหลียงซือคิดว่ากู้เสี่ยวหวานจะฟังตนเองอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงมองกู้ฟางสี่อย่างรำคาญแล้วพูดต่อ และประโยคนั้นก็ทำให้กู้ฟางสี่แทบจะใช้ไม้กวาดไล่นางออกจากบ้าน
“ต้าเปายังเด็กและมีพลังเหลือล้น เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาไปทำงานในโรงเตี๊ยม แต่เขาไม่มีทางเลือกทำให้เกิดต้องความขุ่นเคืองใจกับเพื่อนร่วมงาน เขาจึงไม่ต้องการงานที่นี่อีก ตอนนี้เขากำลังหางานใหม่อยู่ แต่การหางานใหม่ในเมืองหลวงนั้นเป็นเรื่องยาก เสี่ยวหวานเจ้ามีร้านอาหาร ร้านหม้อไฟ และร้านซาวเข่ามากมาย เจ้าให้ต้าเปาช่วยเจ้าดูแลแทนดีหรือไม่? เขาเป็นเด็กฉลาด เพียงแค่สอนเขาจะทำไม่ได้เชียวหรือ?” เหลียงซือพูดระรัวราวกับไตร่ตรองมาดีแล้ว “ต้าเปาคือครอบครัวและเจ้าควรให้เขาดูแล ดีกว่าปล่อยให้คนแปลกหน้าไม่รู้จักมาดูแทน เจ้าว่าจริงหรือไม่?”
ยังไม่ทันที่กู้เสี่ยวหวานจะพูดก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของกู้ฟางสี่ที่กำลังเปลี่ยนสีเพราะความโกรธ “เจ้านอนฝันอยู่หรือไร! ต้าเปาของเจ้ามีนิสัยเป็นอย่างไรคิดว่าข้าไม่รู้งั้นเรอะ! เขาเกียจคร้านอย่างกับอะไรดี เจ้าอยากให้เขามาทำลายชื่อเสียงของร้านหรือไง ฝันหวานเกินไปแล้วกระมัง!”
เหลียงซือกู้เสี่ยวหวานยังไม่พูด แต่กู้ฟางสี่ที่อยู่ด้านข้างสาปแช่งไม่หยุด ใบหน้าของนางจึงมืดมนลงทันที “ต้าเปาของข้าทำไม? เขาขี้เกียจแล้วอย่างไร เจ้าไม่ใช่เจ้าของร้านแท้ ๆ แล้วจะโวยวายทำไม! ร้านเหล่านั้นล้วนเป็นของเสี่ยวหวาน และมีเพียงเสี่ยวหวานเท่านั้นที่ตัดสินใจได้”
กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่าเหลียงซือจะหน้าหนาเช่นนี้
นอกจากเรื่องเงินแล้ว นางมีความคิดแบบนี้จริง ๆ!
ให้เหลียงต้าเปาดูแลร้านให้หรือ คาดว่านางจะต้องปิดร้านเสียมากกว่า แต่ความจริงแล้วเหลียงซือคนนี้จะไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหน หากไม่ไช่เพราะมีหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน!
ดูเหมือนว่าตระกูลเหลียงได้ตัดสินใจที่จะตัดชิ้นเนื้อออกจากตัวเองออกไป! แต่น่าเสียดายที่นางไม่ยอมให้พวกเขาตัดมัน!
ตรงกันข้ามสิ่งที่พวกเขาเอาไปก่อนหน้านี้ นางต้องการให้พวกเขาชดใช้คืน!
พวกเราเคยขอให้พวกเขาเป็นพยานก็เพียงเพื่อช่วยชีวิตพวกเขา เวลานั้นครอบครัวใหญ่เปรียบเหมือนกบในน้ำเดือด ขาดก็เพียงแต่ฟืนท่อนสุดท้าย