ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 2222 ข้าใจดีงั้นเรอะ
บทที่ 2222 ข้าใจดีงั้นเรอะ
ยิ่งกู้เสี่ยวหวานมองหน้าท่านอามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น และคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่เมื่อกู้ฟางสี่กลับมองรอยยิ้มนั้นแล้วก็โกรธมากขึ้น “เจ้ายังจะยิ้มได้อีกอยู่นะ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตระกูลเหลียงจะมาเกาะเจ้าจริง ๆ ทั้งต้องการห้าพันตำลึงเงินและร้านค้าหนึ่งร้าน ต่อไปอาจจะเป็นเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเงินและร้านค้าสองร้านก็ได้ หากความโลภของคนเหล่านั้นเพิ่มขึ้น เราอาจจะต้องเสียสวนชิงให้พวกเขาก็ได้!”
เพื่อจัดการกับตระกูลเหลียง กู้เสี่ยวหวานนั้นมีแผนการอยู่แล้ว หญิงสาวคลี่ยิ้มและพูดกับโค่วตัน “โค่วตัน เจ้ากับท่านอาไปเตรียมอาหารกลางวันเถอะ…”
“ท่านอา ตอนเที่ยงวันนี้ข้าอยากกินฮะเก๋ากุ้งที่ท่านทำ” จากนั้นก็จับมือของกู้ฟางสี่อีกครั้งและออดอ้อน
กู้ฟางสี่ไม่มีความสามารถมากพอที่จะตั้งรับกับลูกอ้อนของหลานสาว จึงทำได้เพียงพยักหน้าและกล่าวอย่างประหม่าว่า “เจ้าใจดีเกินไปแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานกะพริบตาพลางคิดว่าตนเองใจดีเกินไปหรือ? คงไม่ใช่หรอกมั้ง? นางมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะพาตระกูลเหลียงออกจากเมืองหลวง ซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใจดีจริง ๆ หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจที่จะไม่บอกกู้ฟางสี่เพราะกลัวว่าจะไปสร้างความกังวลให้นางได้
แม้ว่ากู้ฟางสี่จะจากไปแล้ว แต่สมองของนางก็ยังคิดเรื่องตระกูลเหลียงไม่หยุด แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ!
ทำไมตระกูลเหลียงต้องมาบีบบังคับกู้เสี่ยวหวานด้วย? เพียงเพราะพวกเขาพูดคำเหล่านั้นเพื่อกู้เสี่ยวหวานหรือ? แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นหรอกหรือ?
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณพวกเขา กู้เสี่ยวหวานได้มอบบ้านหลังเล็ก ๆ ให้และเงินหนึ่งพันตำลึงเงินแก่พวกเขา เพื่อเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ สำหรับพึ่งพาตนเอง พวกเขาควรหยุดแผนการตัวเองได้แล้ว แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะยังไม่พอใจ พวกเขาไม่มีเหตุที่จะมาขู่กู้เสี่ยวหวานด้วยซ้ำ
นางจะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าตระกูลนี้มันเลวทราม จากนั้นก็ให้กู้เสี่ยวหวานตัดสินใจขับไล่พวกเขาออกไป นั้นถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง!
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้นคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของกู้ฟางสี่ เมื่อนึกถึงบุคคลนี้ มุมปากของนางก็ยกขึ้นเล็กน้อยและความโกรธในดวงตาในตอนนี้ก็หายไป และเหลือเพียงรอยยิ้มบาง ๆ
โค่วตันที่กำลังง่วนอยู่กับการจุดไฟจึงไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้
นอกจากนี้หลังจากที่เหลียงซือออกจากสวนชิง นางก็ตรงกลับบ้านทันที นางก็แค่ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง นางจะรู้ได้อย่างไรว่ามีคนติดตามอยู่ข้างหลัง ทันทีที่นางออกจากถนนสายหลักซึ่งเป็นที่ตั้งของสวนชิงก็มีคนสองคนเข้ามาล้อมนางทันที อาจั่วมองดูใกล้ ๆ ถ้าไม่ใช่เหลียงโส่วอี้และเหลียงต้าเปาจะเป็นใครได้
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังมองอย่างใจร้อน ใบหน้าที่มีความสุขแต่เดิมของเหลียงต้าเปา เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองทันทีที่เขารับถุงเงินมา
อาจั่วใช้ประโยชน์จากคนที่เดินผ่านไปมาขยับเข้าไปใกล้พวกเขา และจากนั้นก็ได้ยินว่า
“ท่านย่า นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีแค่ห้าสิบตำลึงเงิน? ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าขอห้าพันตำลึงเงิน นางเป็นองค์หญิง เงินห้าพันตำลึงเงินถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาง!”
เหลียงโส่วอี้เห็นว่าในถุงมีเงินเพียงห้าสิบตำลึงเงินและพูดอย่างไม่พอใจ “ใช่แล้ว เจ้าพูดทุกสิ่งที่ข้าสอนแล้วใช่ไหม ทำไมนางให้เงินมาแค่ห้าสิบตำลึงเงินล่ะ?”
เหลียงซือเห็นท่าทีของกู้เสี่ยวหวานในวันนี้และนางยังบอกว่าขอเตรียมตัวสามวัน นางจึงตกลงอย่างไม่ลังเล!
“ไม่ต้องกังวล ข้าพูดทุกอย่างตามที่เจ้าบอกแล้วและกู้เสี่ยวหวานก็ตกลงด้วย ส่วนเรื่องเงินนางบอกว่าที่จวนมีเงินสดไม่มากนัก ดังนั้นจึงต้องขอเวลาเตรียมตัว!” เหลียงซือพูดอย่างภาคภูมิใจ
เหลียงโส่วอี้ยังคงไม่เชื่อ “เรื่องร้านล่ะ นางว่าอย่างไร? นางเห็นด้วยหรือไม่?”
“เรื่องนี้นับว่าน่าสงสัย ข้าไม่คิดว่านางจะตกลงเร็วขนาดนี้! นางบอกว่าร้านเหล่านี้ล้วนมีคนอื่นเป็นผู้ลงทุนด้วยจึงไม่ใช่เรื่องที่นางจะตัดสินใจคนเดียวได้ นางบอกว่าจะคุยกับหุ้นส่วนก่อน พวกเจ้าไม่ต้องกังวล นางบอกแล้วว่าใช้เวลาเพียงสามวัน และหลังจากนั้นจะยกเงินและร้านให้เรา!” เหลียงซือเต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจ
เหลียงต้าเปาหยิบเงินห้าสิบตำลึงเงินออกมา เขากลอกตามองบน แม้ว่าเขาจะไม่พอใจแต่ก็นำเงินมาใส่ไว้ในแขนเสื้อและหมุนตัวเตรียมเดินจากไป
เมื่อเหลียงซือเห็นเขากำลังจะจากไปก็รีบดึงเขาไว้แล้วถามว่า “ต้าเปา เจ้าจะไปไหน? กลับบ้านกับย่าเถอะ เจ้าไม่ได้กินข้าวที่บ้านหลายวันแล้ว”
“หลังจากเสียเงินไปมาก ข้าต้องไปเอาทุนคืน!” เหลียงต้าเปาเมินเฉยต่อคำพูดของผู้เป็นย่า
“เจ้าจะไปเล่นพนันอีกแล้วหรือ?” เหลียงซือขมวดคิ้ว “เจ้าเอาเงินหนึ่งพันตำลึงเงินไป เจ้าเสียหมดเลยหรือ?”
เหลียงโส่วอี้จ้องมองเหลียงซือด้วยความโกรธ “เขาสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้ ก็แค่เงินหนึ่งพันตำลึงเงิน เจ้าก็รู้สึกลำบากใจมากขนาดนั้นเลยหรือ ตอนนี้เรากำลังเกาะนางอยู่ เราจะมีกินมีใช้ไม่มีวันหมด ต่อให้เล่นพนันไปตลอดชีวิตเราก็จะจ่ายได้เจ้าจะตกใจไปทำไม!”
เมื่อเห็นว่าสามีเห็นด้วยกับหลานชาย เหลียงซือจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าและพูดว่า “แบบนั้นก็ได้ แต่เล่นการพนันได้แค่ตอนนี้ เมื่อถึงเวลาเจ้าจะได้ดูแลร้าน ดังนั้นจงใช้ชีวิตให้สบาย เมื่อถึงเวลาเจ้าจะได้แต่งงานกับภรรยาและให้กำเนิดเด็กชายตัวอ้วนกลม เมื่อข้ากับปู่ของเจ้าลงไปพบพ่อแม่เจ้าก็คง…”
เหลียงซือพูดพล่าม แต่เหลียงต้าเปาไม่อยากฟังจึงรีบร้อนเดินออกไป
คำพูดของเหลียงซือยังคงอยู่ที่ริมฝีปากของนาง เมื่อเห็นว่าหลานชายจากไปแล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดพูด และมองไปที่เหลียงโส่วอี้และพูดว่า “สามี กลับบ้านกันเถอะ?”
“ข้าไม่กลับไป ข้าจะไปเดินเล่น!” เหลียงโส่วอี้ส่ายหน้า
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะจากไป เหลียงซือก็รั้นจะตามไปด้วยและเอ่ยว่า “ข้ายังไม่ได้เดิมชมเมืองหลวงดี ๆ สักครั้งเลย สามีให้ข้าไปพร้อมท่านเถอะ!”
เหลียงโส่วอี้เหลือบมอง “เจ้าเป็นผู้หญิง เจ้าจะไปกับข้าทำไม? กลับไปทำความสะอาดบ้าน ซักผ้าและทำอาหารไป๊! ต้าเปา และข้าจะกลับไปทานอาหารในตอนเย็น!”
“ข้าไม่มีเงินติดตัวแม้แต่เหรียญเดียว ข้าต้องซื้อเหล้าและอาหารดี ๆ…” เหลียงซือพูดไม่จบประโยคก็เห็นเหลียงโส่วอี้หยิบเงินห้าตำลึงเงินออกมาจากกระเป๋าของเขาอย่างไม่พอใจและยื่นให้นาง
“ใช้ประหยัดหน่อย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ปัดมือของเหลียงซือที่จับแขนตนออกอย่างรังเกียจ จากนั้นก็เดินเอามือไพล่หลังจากไป
เหลียงซือรับเงินห้าตำลึงเงินในมือและออกไปซื้อผักและเหล้าอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นว่าพวกเขาแยกทางกันแล้ว อาจั่วจึงไม่ติดตามเหลียงซือต่อไป แต่ติดตามเหลียงโส่วอี้