ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 226 แบ่งเงินกัน
บทที่ 226 แบ่งเงินกัน
บทที่ 226 แบ่งเงินกัน
“มีสี่ร้อยกว่ากล่อง!” ฉือโถวชี้ให้ดูและยิ้มอย่างมีความสุข
ขอบตาของฉือโถวค่อนข้างคล้ำ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“ไม่เลวเลย พวกเรารีบไปกันเถอะ เกวียนวัวนี้ค่อนข้างช้า ถ้าไม่รีบกว่านี้ ข้าเกรงว่ามืดแล้วก็คงยังไม่ถึง”
ทั้งสองขับรถเกวียนวัวไปยังเมืองรุ่ยเสียน กว่าจะถึงเมืองรุ่ยเสียนก็เที่ยงพอดี เมื่อไปถึงร้านขนมอวี๋จี้ก็พบว่าเถ้าแก่อวี๋มายืนรออยู่นานแล้ว
เมื่อเห็นว่าพวกกู้เสี่ยวหวานนำกล่องมา เขาก็มีความสุขมาก ทั้งสี รูปแบบ และฝีมือเหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิด สวยงาม กระทัดรัด ดูดี และใช้งานง่าย
เมื่อลองนับดูก็พบว่าทั้งหมดมีสี่ร้อยสิบกล่อง คิดเป็นหนึ่งเงินตำลึงเงินกับอีกแปดร้อยเหรียญ ฉือโถวรับเงินมาด้วยมือที่สั่นเทา ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าเขาตื่นเต้นเพียงใด
หลังจากออกจากร้านขนมอวี๋จี้แล้ว ฉือโถวก็พากู้เสี่ยวหวานไปทานบะหมี่ ในตอนแรกกู้เสี่ยวหวานตั้งใจว่าจะสั่งบะหมี่ธรรมดา แต่ฉือโถวไม่เห็นด้วย เขาเลยสั่งบะหมี่หมูเส้นชามใหญ่ให้ ทั้งสองที่ทำการค้ามาทั้งเช้า หิวจนแทบทนไม่ไหว เมื่อบะหมี่มาพวกเขาจึงทานกันอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อทานบะหมี่เสร็จก็กลับบ้าน เมื่อพวกเขากลับไปถึงหมู่บ้านอู๋ซี ฉือโถวไม่ได้ไปส่งกู้เสี่ยวหวานที่บ้าน แต่กลับพานางไปที่บ้านของเขาแทน เมื่อถึงบ้านของป้าจางก็เห็นกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ในสนามและมองอะไรบางอย่าง
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานและฉือโถวกลับมา พวกเขารีบลุกขึ้น “ท่านพี่ พวกท่านกลับมาแล้ว!”
กู้เสี่ยวหวานเข้ามากอดกู้เสี่ยวอี้ “เจ้ากินข้าวเย็นหรือยัง?”
“ยังไม่กิน ข้ารอท่านพี่!” กู้เสี่ยวอี้ตอบ “ท่านพี่มาดูนี่สิ”
กู้เสี่ยวหวานที่เห็นว่าเด็กสองคนกำลังนั่งยอง ๆ เพื่อดูอะไรสักอย่าง เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวอี้ดึงตนเองไปดูด้วย นางจึงเดินตามไป มองเข้าไปในตะกร้า และพบกับลูกเจี๊ยบสองตัวกระโดดไปมาอยู่ในนั้น
ลูกเจี๊ยบพวกนี้มีขนสั้นขึ้นมาบ้างแล้ว แสดงว่าต้องได้รับการเลี้ยงดูมาระยะหนึ่งแล้ว
“ท่านพี่ น่ารักมาก นี่เป็นของเสี่ยวอี้!” กู้เสี่ยวอี้กล่าวอย่างตื่นเต้น
เมื่อป้าจางรู้ว่าพวกเขากลับมาแล้ว ดังนั้นนางจึงชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัวและเรียกอย่างมีความสุข “สาวน้อยเสี่ยวหวาน มาล้างมือก่อนทานอาหารเร็ว”
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของกู้เสี่ยวอี้ นางจึงเช็ดมือแล้วเดินออกไปพลางกล่าวว่า “ลูกเจี๊ยบพวกนี้ถูกแม่ไก่ฟักออกมา เดิมทีอยากจะให้พวกเจ้าเอาไปเลี้ยงนานแล้ว แต่กลัวว่ามันจะเด็กเกินไปจึงกลัวว่ามันจะไม่รอด ดังนั้นข้าจึงเลี้ยงมันมาสักพักก่อน แต่ตอนนี้พวกเจ้าสามารถเอาพวกมันกลับไปเลี้ยงได้แล้ว แค่ให้อาหารมันสักนิดหน่อยก็พอแล้ว”
กู้เสี่ยวหวานรีบกล่าวขอบคุณ เลี้ยงไก่? นั่นคือสิ่งที่นางอยากทำมาตลอด เมื่อมองไปที่ลูกเจี๊ยบสองตัวที่กระโดดไปมา กู้เสี่ยวหวานก็นึกไปว่าถ้ามันโตพอ มันก็สามารถออกไข่ได้ทุกวัน เมื่อถึงเวลานั้นนางก็จะสามารถบำรุงน้องชายและน้องสาวได้
“ท่านป้าจาง ขอบคุณมากเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณอะไรกัน!” ป้าจางแสร้งทำเป็นไม่ยินดี และตบไหล่กู้เสี่ยวหวานเบา ๆ “ล้างมือแล้วไปกินข้าว”
กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำและพากู้เสี่ยวอี้ไปล้างมือ ฉือโถวตื่นเต้นมาก เขาเดินมาที่ห้องครัว และมอบเงินที่ได้รับในวันนี้ให้ป้าจาง ป้าจางก็รับเงินไปอย่างตื่นเต้น นางตกอยู่ในภวังค์ไปสักพักเพราะรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
นางเอาเงินใส่ไว้ในอกแล้วยกมือเช็ดที่หางตา “เหนื่อยหรือไม่? วิ่งไปมาทั้งวันแล้ว ไปล้างมือและกินข้าวเถอะ”
เมื่อทุกคนมานั่งรวมกันที่โต๊ะแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พบว่าวันนี้ป้าจางได้ทำอาหารแสนอร่อยไว้มากมาย
“ท่านป้าจาง เหตุใดถึงทำอาหารเยอะเช่นนี้เจ้าคะ!” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเสียดายเงินมาก เพราะในวันปกติที่นางมาที่นี่ นางก็เกรงใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ป้าจางรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังคิดอะไรอยู่จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “เด็กโง่ เจ้าช่วยพวกเราได้มาก ข้าจะทำของอร่อย ๆ ให้พวกเจ้าไม่ได้เลยหรือ?”
ลุงจางยังย้ำอีกว่า “ใช่แล้ว สาวน้อยเสี่ยวหวาน วันนี้เรามาฉลองกันเถอะ!”
เมื่อเห็นลุงจางและคนอื่น ๆ กระตือรือร้นเช่นนี้ นางก็รู้ว่าวันนี้นางทำได้แค่ปล่อยท้องและกินไป
หลังจากอิ่มแล้วพวกเขาก็วางชามและตะเกียบไว้ ป้าจางและลุงจางรั้งกู้เสี่ยวหวานเอาไว้ และให้ฉือโถวพากู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ออกไปเล่นข้างนอก
“สาวน้อยเสี่ยวหวาน พวกเรามาคุยกันสักหน่อย” ป้าจางคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว วันนี้ที่ให้กู้เสี่ยวหวานมาทานข้าวที่นี่ก็เพราะจะคุยเรื่องนี้
“ท่านป้าจาง” เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของป้าจาง กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกแปลกใจ
“สาวน้อยเสี่ยวหวาน!” ป้าจางดึงลุงจางแล้วกล่าวว่า “ข้ากับลุงจางของเจ้าหารือกันมาแล้ว ต่อจากนี้เงินที่เราได้จากการขายกล่องไม้ไผ่จะแบ่งให้เจ้าส่วนหนึ่ง!”
อะไรนะ? กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงและกลับมารู้สึกตัวในทันที และรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “ท่านลุง ท่านป้า อย่าทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ นี่เป็นรายได้จากแรงงานของท่าน ข้ารับไว้ไม่ได้จริง ๆ!”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ลุงจางยังกล่าวอีกว่า “เจ้าช่วยข้าขายกล่องไม้ไผ่นี้ และสอนวิธีทำกล่องให้ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เงินสี่เหรียญครึ่งนี้เราก็จะหาไม่ได้” ลุงจางกล่าวอย่างซาบซึ้งเมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน “ข้าบอกให้รับก็รับไปเถอะ ในอนาคตเราจะให้เงินเจ้าส่วนหนึ่งของราคาที่เราขายได้”
“นี่” ป้าจางหยิบเงินจากเสื้อของนางออกมาแล้วยื่นให้กู้เสี่ยวหวาน “นี่สองร้อยเหรียญ เจ้ารับไปเถอะนะ”
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึง นางจะรับเงินจำนวนนี้ได้อย่างไร นางโบกมือปฏิเสธเงินที่ป้าจางส่งมาให้อย่างรวดเร็ว “ท่านป้าจาง ข้าบอกแล้วว่าข้ารับเงินนี้ไม่ได้ ถ้าท่านยืนยันที่จะให้ข้า นี่มันจะไม่ทำให้ข้าลำบากใจหรอกหรือ?”
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ออกเงินหรือไม่ได้ลงแรงเลย นางแค่ช่วยพวกป้าจางทำธุระเมื่อนางไปเข้าไปในเมืองก็แค่นั้น ในอนาคตการที่ป้าจางจะแบ่งเงินให้ตนเองในระยะยาว นั่นทำให้นางรู้สึกไม่เหมาะสม
“ลำบากใจอะไรกัน?” ลุงจางเกลี้ยกล่อม “สาวน้อยเสี่ยวหวาน พวกข้าให้เจ้าก็รับไปเสีย เจ้าคงไม่คิดว่ามันน้อยเกินไปใช่หรือไม่?”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางส่ายศีรษะแรงขึ้น “ท่านลุงจาง ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่เงินนี้ข้าไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ เจ้าค่ะ!”
แม้ว่าครอบครัวของลุงจางจะไม่ได้ลำบากมากนัก แต่พวกเขายังคงพยายามใช้สอยอย่างประหยัด กู้เสี่ยวหวานต้องการตอบแทนพวกป้าจางจึงอยากจะทำให้พวกเขาสามารถหาเงินได้มากกว่านี้จะได้พึ่งพากันได้
“ท่านลุงจาง ท่านป้าจาง ฟังข้านะเจ้าคะ!” กู้เสี่ยวหวานมองผู้อาวุโสทั้งสองพลางกล่าวอย่างจริงใจ “สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราคือท่านลุงกับท่านป้าทั้งสองคน ตอนที่ครอบครัวของข้าไม่มีอะไรจะกินก็เป็นท่านป้าจางที่ให้ของกินแก่พวกข้า ถ้าไม่มีครอบครัวของท่านป้า พวกเราก็คงโตมาแบบตามมีตามเกิด”