ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 240 ซุนซื่อเสียใจ
บทที่ 240 ซุนซื่อเสียใจ
บทที่ 240 ซุนซื่อเสียใจ
“นายท่านหวัง ที่ดินหลายสิบหมู่ของท่านขายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?” หนึ่งในนั้นถาม
“ขายไปแล้ว ขายไปแล้ว เพิ่งขายไปวันนี้เอง”
“ขายหมดในคราวเดียวเลยรึ? นั่นเป็นที่ดินหลายสิบหมู่ ผู้ซื้อที่ดินนั้นรวยมาก!” หนึ่งในนั้นกล่าว
อันที่จริง นายท่านหวังแทบไม่เชื่อเลย “ข้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน ข้าคิดว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แต่ไม่คิดว่าจะเจอผู้ซื้อเร็วเช่นนี้ และซื้อมันทั้งหมดในคราวเดียว”
“มาจากเมืองหลิวเจียใช่หรือไม่?” หนึ่งในนั้นถาม
“ดูเหมือนว่าข้าจะได้ยินว่ามาจากหมู่บ้านอู๋ซี!” นายท่านหวังคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พูดไปพวกเจ้าคงไม่อยากเชื่อ แต่ผู้ที่ซื้อที่ดินกับข้าแท้จริงแล้วคือเด็กหญิงอายุเพียงแปดเก้าขวบ!”
“อะไรนะ? เด็กผู้หญิงอายุแปดเก้าขวบ?”
กู้ฉวนลู่ที่กำลังคิดบัญชีอยู่หลังโต๊ะ ครั้นได้ยินสิ่งนี้เขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งทันที เขาวางพู่กันลง และฟังการสนทนาของคนเหล่านี้อย่างระมัดระวัง
“ใช่แล้ว จากหมู่บ้านอู๋ซี ข่งฟางพาข้าไปที่นั่นเมื่อวานนี้ เราทุกคนลงนามในสัญญาโดยจ่ายเงินด้วยมือข้างหนึ่งและยื่นโฉนดที่ดินด้วยอีกมือหนึ่ง” นายท่านหวังกล่าว “ดูเหมือนว่าชื่อกู้เสี่ยวหวาน!”
“ท่านมีที่ดินห้าสิบหมู่ใช่หรือไม่?”
“ใช่ ทั้งห้าสิบหมู่ถูกเด็กผู้หญิงผู้นั้นซื้อไปหมดแล้ว ฮ่า ๆ น่าเหลือเชื่อจริง ๆ!”
ตู้ม!
หลังจากที่กู้ฉวนลู่ได้ยิน เขากำมือแน่นจนเส้นเลือดของเขาปูดโปน และเขาจ้องเขม็งไปที่บัญชีในมือของเขา เขาไม่มีกะจิตกะใจจะคิดบัญชีต่อแล้ว จึงเก็บสมุดบัญชีทั้งหมดและรีบกลับบ้าน
ระหว่างทาง กู้ฉวนลู่กำลังคิดเกี่ยวกับการซื้อที่ดินห้าสิบหมู่ในเมืองหลิวเจียของกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเขาคิดว่ากู้เสี่ยวหวานยังมีเงินอยู่อีก กู้ฉวนลู่ก็รู้สึกราวกับมีกรงเล็บนับร้อยขีดข่วนหัวใจ จนทำให้เขาคันหัวใจยิบ ๆ
เมื่อเขากลับถึงบ้านก็พบกับซุนซื่อกำลังรอเขาอยู่ เมื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่กลับมาเร็วกว่าปกติ และใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไร ซุนซื่อก็งุนงงเล็กน้อยจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อเอ่ยถาม “สามี เหตุใดวันนี้จึงกลับเร็วกว่าปกติ”
ในบ้านมีแสงไฟจากตะเกียงน้ำมันส่องสว่าง และทำให้บ้านทั้งหลังสว่างไสว
ในเรือนตระกูลกู้นี้มีหลายห้อง และเมื่อพวกเขาได้เรียนรู้จากพวกคนรวยเหล่านี้ พวกเขาก็แบ่งฝั่งกัน
กู้ฉวนลู่และซุนซื่ออาศัยอยู่ในห้องใหญ่ กู้จือเหวินนอนในฝั่งด้านขวา และกู้ซินเถานอนในฝั่งด้านซ้าย
ในเวลานี้ กู้ซินเถาได้กลับไปที่ห้องส่วนตัวของนางแล้ว จึงมีเพียงซุนซื่ออยู่ในห้องนี้เพียงผู้เดียว ถ้าพวกเขาไม่ได้พูดเสียงดังเป็นพิเศษ กู้ซินเถาก็จะไม่ได้ยิน
กู้ฉวนลู่ตบโต๊ะ ถ้วยชาบนโต๊ะก็กลิ้งหล่นไปใต้โต๊ะและแตกกระจาย
ซุนซื่อเหลือบมองที่ถ้วยชาที่แตกละเอียด จึงรู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่นางก็ไม่กล้าที่จะแสดงสีหน้าออกมา นางก้าวไปข้างหน้าเพื่อนวดหลังให้กู้ฉวนลู่และเอ่ยถามว่า “สามี เจ้าเป็นอะไร? มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นข้างนอกนั่นหรือเปล่า?”
กู้ฉวนลู่และซุนซื่อแต่งงานกันมานานกว่าสิบปีแล้ว และความสัมพันธ์ของพวกเขาอ่อนแอมาก แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด ซุนซื่อผู้นี้มีวิธีอะไรในการคว้าหัวใจของกู้ฉวนลู่
แม้ว่าซุนซื่อจะอ่านหนังสือไม่มากนัก แต่นางก็ติดตามกู้ฉวนลู่ในร้านอาหารมาหลายปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินหรือเศรษฐีคนใด ซุนซื่อก็รู้จักบ้าง
ในหมู่พวกเขา ยังมีบางคนที่เอาชนะใจสามีตนเองได้ และซุนซื่อก็เคยขอคำแนะนำมาบ้าง
สตรีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชาย ประการแรกคือต้องอ่อนโยน ประการที่สองคือต้องนุ่มนวล ประการที่สามคือต้องดูอ่อนแอ ประการที่สี่คือต้องเกรงใจ และประการที่ห้าคือต้องไว้หน้า
ซุนซื่อได้เรียนรู้กลเม็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ยิ่งนางใช้มันมากเท่าไร นางก็ยิ่งทางสะดวกมากขึ้นเท่านั้น ในท้ายที่สุด เมื่อกุมหัวใจของกู้ฉวนลู่ไว้ได้ ซุนซื่อก็มั่นใจในทุกสิ่ง
และแม้ว่าซุนซื่อจะกลายเป็นคนแก่และไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังทำให้กู้ฉวนลู่รู้สึกสดใส
กู้ฉวนลู่ที่โกรธมากจากข้างนอก และในชั่วพริบตาซุนซื่อก็กลายเป็นภรรยาที่ดีและเข้าใจ จึงเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนและคิดใคร่ครวญว่าจะทำให้กู้ฉวนลู่ไม่อารมณ์เสียไปมากกว่าเดิมได้อย่างไร
กู้ฉวนลู่รู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองอารมณ์เสียมากเกินไป เขากระแอมแล้วลูบมือของซุนซื่อ และในใจก็ราวกับมีหินอยู่ “ไม่มีอะไร!”
ซุนซื่อจะเชื่อได้อย่างไร นางมาที่โต๊ะ รินชาให้กู้ฉวนลู่ แล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “หัวหน้าครอบครัว มีเรื่องอะไรก็สามารถพูดกับข้าได้ ข้าจะได้ช่วยคิดหาวิธี”
คำพูดนี้ราวกับอ่านจิตใจของกู้ฉวนลู่ออก
ในบ้านหลังใหญ่นี้ก็เป็นความคิดของซุนซื่อด้วย
กู้ฉวนลู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าเพิ่งรู้ว่าครอบครัวของกู้ฉวนฟู่เพิ่งซื้อที่ดินห้าสิบหมู่ในเมืองหลิวเจีย!”
“อะไรนะ?” ซุนซื่อเบิกตากว้างด้วยความตกใจราวกับว่านางกำลังฟังเรื่องราวประหลาด และใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “สามี เจ้าไปฟังจากใครมา!”
“เมื่อครู่ ครอบครัวที่ขายที่ดินแห่งนั้นมากินข้าวที่ร้าน และคนที่ขายที่ดินก็พูดมา” กู้ฉวนลู่บอกซุนซื่อถึงสิ่งที่เขาได้ยินที่ร้านอาหาร เมื่อยิ่งฟังใบหน้าของซุนซื่อก็ยิ่งหมองลง สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นโหดร้าย และดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลังจากพูดจบ กู้ฉวนลู่ก็บ่นอย่างเย็นชา “กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ฉลาด และยังรู้ว่าต้องใช้เงินเพื่อซื้อที่ดิน”
“สามี เจ้าคิดว่านางยังมีเงินติดตัวอยู่หรือเปล่า?” ซุนซื่อค่อนข้างร้อนใจ ที่ดินขนาดห้าสิบหมู่จะใช้เงินเป็นจำนวนมากแน่
ราคาที่ดินในยุคนี้อยู่ที่ประมาณสามถึงสี่ตำลึงเงินต่อหมู่ แม้ว่าจะถูกกว่านั้นก็จะต้องใช้เงินประมาณสองร้อยตำลึงเงินเพื่อซื้อที่ดิน ซุนซื่อกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และนางรู้ว่าราคาควรจะสูงขึ้นเล็กน้อย
ใบหน้าของกู้ฉวนลู่หม่นลงและในน้ำเสียงของเขาก็มีความรู้สึกเสียใจเล็กน้อย “ใครจะไปรู้ แต่ตอนนี้นางมีทรัพย์สินของครอบครัวมากมาย”
ที่ดินห้าสิบหมู่ เท่ากับครึ่งหนึ่งของเจ้าของที่ดินรายย่อย หากให้ผู้อื่นเช่าก็สามารถเก็บเงินได้หลายสิบตำลึงเงินต่อปี
โชคดีที่พวกเขายังคิดเกี่ยวกับที่ดินสิบกว่าหมู่ของกู้ฉวนโซ่ว เพราะกู้เสี่ยวหวานไม่ลงมือ แต่พอลงมือก็มีถึงห้าสิบหมู่
เมื่อกู้ฉวนลู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ในตอนนั้น คงจะดีถ้าเรามีเงินมากกว่านี้!” ซุนซื่อใจสลาย เมื่อรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานยังมีเงินอยู่ในมือของนาง จะดีแค่ไหนถ้าเอามามากกว่านี้ ในเวลานั้นไม่ควรมีความเมตตาเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เห็นเด็กมีเงินซื้อที่ดินความอิจฉาก็จะเกิดขึ้นเสียแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)