ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 247 หมอเหลยผู้สมรู้ร่วมคิด
บทที่ 247 หมอเหลยผู้สมรู้ร่วมคิด
บทที่ 247 หมอเหลยผู้สมรู้ร่วมคิด
ครั้นคนผู้นั้นเห็นว่าหลี่ซื่อกัดคนไม่เลือก ก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “เวรเอ๊ย ข้าเองก็รู้สึกว่าโรงหมอแห่งนี้เป็นโรงหมอเถื่อน หกร้อยตำลึงเงินอย่างนั้นหรือ เถื่อนยิ่งกว่าพวกอันธพาลอย่างเราเสียอีก!”
กู้เสี่ยวหวานจ้องที่หลี่ซื่อด้วยความโกรธเคือง เกลียดจนอยากจะฆ่าหลี่ซื่อให้ตายทั้งเป็น
“และยัง…” หลี่ซื่อยังพยายามคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขาเห็นหมอเหลยออกมาจากห้องอย่างเร่งรีบ ครั้นเห็นหลี่ซื่อ หมอเหลยก็ตะโกนว่า “เจ้าเด็กบ้า หุบปากเดี๋ยวนี้”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหมอเหลยก็ออกมา หลี่ซื่อคิดในใจว่าเขาคงได้รับการช่วยเหลือ เขาอาเจียนเป็นเลือดและกล่าวอย่างหน้าด้าน “ท่านอาจารย์ ในที่สุดท่านก็ออกมา”
หมอเหลยจ้องเขม็งไปที่หลี่ซื่ออย่างดุดัน ครุ่นคิดในใจว่าถ้ายังไม่ออกมาอีก เขาคงจะต้องโพล่งทุกอย่างออกมา ในใจรู้สึกขุ่นเคืองเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรหลี่ซื่อได้
“พี่ชาย ไม่ทราบว่าหลี่ซื่อติดหนี้เจ้าอยู่เท่าไร?” หมอเหลยเห็นว่าชายที่มีใบหน้าโหดเหี้ยมนั่นคงเป็นผู้นำ แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถาม
“คนผู้นี้ยืมเงินข้าไปหนึ่งร้อยตำลึงเงิน แต่เดิมตกลงจะจ่ายคืนร้อยห้าสิบตำลึงเงินภายในหนึ่งเดือน แต่ผ่านมาสองเดือนแล้ว และตอนนี้ดอกเบี้ยก็กลายเป็นสามร้อยตำลึงเงิน”
สามร้อยตำลึงเงิน? หมอเหลยรู้สึกจะยืนไม่อยู่ เงินถึงสามร้อยตำลึงเงิน
หมอเหลยจ้องมองหลี่ซื่ออย่างโกรธา และหลี่ซื่อก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ ท่านสามารถตอบแทนข้าได้ คราวหน้าข้าจะพาคนมาให้ท่านอีก”
คนที่กำลังรอยาในโรงหมอเมื่อสักครู่นั้นหนีไปแล้ว เพราะในร้านมีอันธพาลในท้องถิ่นอยู่มากมาย และยังได้ยินหลี่ซื่อบอกว่าที่นี่คือโรงหมอเถื่อนอีก บางคนใช้เงินหลายร้อยตำลึงเงินเพื่อมาหาหมอที่นี่ ครั้นได้ยินเช่นนั้นพวกเขาจึงรีบวิ่งหนีไป
บางคนเพิ่งมีอาการป่วยเล็กน้อย แต่พวกเขากลับบอกว่าตนเองเป็นโรคเรื้อรังและยังบอกอีกว่าต้องกินยาเป็นเวลานาน และพวกเขาก็จ่ายยาให้เป็นเวลาสองถึงสามเดือน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงิน และพวกเขาไม่รู้ว่าจริงหรือไม่
คนป่วยผู้นั้นเป็นคนนอกพื้นที่ และเมื่อได้ยินข้อมูลนี้ เขาจึงไม่กล้าหาหมอที่นี่และวิ่งหนีไป ชายหนุ่มผู้นั้นต้องการจะหยุดเขา แต่ด้วยคนในโรงหมอมีจำนวนมาก จะขวางเขาเอาไว้ได้อย่าง ราวกับว่าเขามองก้อนเนื้อที่หลุดมือไป จากนั้นก็จ้องมองหลี่ซื่ออย่างดุดัน ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เป็ดปรุงสุก*[1]ในวันนี้จะหนีไปได้อย่างไร?
หมอเหลยมองหลี่ซื่ออย่างชั่วร้าย “หุบปาก!”
วันนี้หมอเหลยขึ้นหลังเสือแล้วจึงยากที่จะลง
เงินนี้ ถ้าไม่ให้ก็ไม่ได้ ถึงให้ก็ไม่ได้เช่นกัน!
อย่างนั้นไม่ให้ดีกว่า หลี่ซื่อเป็นคนปากสว่าง เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงหมอของเขาอาจถูกเผยแพร่ไปทุกที่ว่าโรงหมอเถื่อน ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้และแม้แต่คนนอกก็รู้ พวกเขาจะเปิดทำการค้าได้อย่างไร
โรงหมอของพวกเขาเป็นกิจการที่ทำเพียงครั้งเดียว หลอกลวงบุคคลภายนอกและสร้างรายได้มหาศาลในคราวเดียว
ถ้าให้เงินไป หลี่ซื่อผู้นี้ก็คงได้รับประโยชน์ และภายหลังถ้ามีเรื่องเกิดขึ้นก็คงจะวิ่งมาที่นี่อีก?
หลี่ซื่อผู้นี้ราวกับเป็นกอเอี๊ยะแปะผล เขากลัวว่าถ้าถูกพันรอบร่างกาย และจะไม่สามารถฉีกออกได้
หมอเหลยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และไม่ได้ให้คำตอบเป็นเวลานาน ชายผู้นั้นรีบร้อนและตะโกนว่า “จะให้ไหม?”
หมอเหลยตกใจและเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายที่มีใบหน้าโหดเหี้ยม ดวงตาของเขาที่จ้องมองราวกับระฆังทองแดง เช่นนั้นหมอเหลยจึงกลัวว่าถ้าเขาพูดว่าไม่ให้ ชายคนนี้คงจะทุบโรงหมอแห่งนี้เป็นแน่
เมื่อเห็นท่าทางที่ลังเลใจของหมอเหลย หลี่ซื่อก็เริ่มวิตกกังวล “ท่านอาจารย์ ถ้าท่านช่วยลูกศิษย์ผู้นี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ แก่ท่านในอนาคต ท่านช่วยข้าเพียงครั้งเดียว ช่วยข้าอีกเพียงครั้งเดียว!”
“พูดจริงหรือ ครั้งต่อไปเจ้าจะไม่มาหาข้าอีกหรือใช่หรือไม่?” หมอเหลยรู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อเห็นหลี่ซื่อพูดออกมาจากปากของเขาเอง แต่ก็กลัวว่าคำพูดของหลี่ซื่อจะไม่มีความหมาย
หลี่ซื่อจะยังจัดการอะไรมากขนาดนี้ได้อย่างไร ตอนนี้ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตราย คนอื่นพูดอย่างไรก็ตามนั้น “แน่นอน แน่นอน ข้าจะไม่มารบกวนท่านอาจารย์อีก” นี่คือสิ่งที่เขาพูด แต่ในใจเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น
แม้ว่าหลี่ซื่อจะหวาดกลัวมาก แต่เขาก็ภูมิใจในใจเล็กน้อย หากไม่ใช่เหตุการณ์ในวันนี้ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าจุดอ่อนของหมอเหลยอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาจะจับจุดนั้นไว้ให้แน่น และเชื่อว่าแซ่เหลยผู้นี้จะเชื่อฟังคำพูดของเขาในอนาคตอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงใจและมั่นใจของหลี่ซื่อ หมอเหลยทำได้เพียงเชื่อแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อก็ตาม “ตกลง วันนี้ข้าจะช่วยชีวิตเจ้า และถ้าเจ้ากล้ากลับมาอีกในอนาคต ข้าจะหักขาเจ้าเอง!”
หลี่ซื่อรีบพยักหน้าตอบรับ “ตกลง ตกลง ตกลง!”
เมื่อหมอเหลยได้ยินคำสัญญาของหลี่ซื่อก็พ่นลมอย่างเย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินกลับเข้าห้องไป เมื่อชายผู้นั้นเห็นหมอเหลยเดินเข้าห้องไปก็ยิ้มและกล่าว่า “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกุมจุดอ่อนของหมอเหลยผู้นี้ไว้!”
“พี่ชาย ดูสิ เดี๋ยวท่านก็จะได้เงินชำระหนี้จากข้าแล้ว” หลี่ซื่อกล่าวขณะยิ้ม “อย่างนั้นก็ขอให้น้องชายของท่านวางข้าลง”
ชายผู้นั้นตอบรับสองสามคำแล้วโบกมือสองครั้ง จากนั้นหลี่ซื่อก็เป็นอิสระ กุมหน้าอกของเขาและเดินกะเผลกเพื่อหาที่นั่ง เขากล่าวอย่างกล้าหาญว่า “ท่านอาจารย์ ข้าก็เป็นสมาชิกของโรงหมอแห่งนี้เช่นกัน ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะการเรียนรู้ที่ยอดแย่ของข้า บางทีข้าอาจจะเป็นหมอด้วยก็ได้!”
เมื่อชายผู้นั้นได้ยินดังนั้น เขาก็ถ่มน้ำลายและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “โชคดีที่เจ้าไม่ใช่หมอ ถ้าเจ้าเป็นหมอ เจ้าก็จะเป็นหมอนักต้มตุ๋น!”
หลี่ซื่อไม่รู้สึกว่านี่เป็นคำด่า และเลียริมฝีปากของเขาด้วยความยินดี “ท่านอาจารย์กับข้าก็ไม่ต่างกันสักเท่าไรหรอก ฮ่า ๆ”
กลุ่มคนนั้นก็คิดว่ามันตลกเหมือนกัน พวกเขาทั้งหมดมาจากเมืองนี้ และพวกเขารู้ดีว่าทักษะทางการรักษาของหมอเหลยเป็นอย่างไร ยกเว้นคนที่ไม่รู้ความจริง บางคนถ้าพวกเขาป่วยก็จะไม่มาโรงหมอแห่งนี้เลย
ทักษะทางการรักษาของหมอเหลยนั้นไม่ดีเลย แต่ที่เขาสามารถไปต่อบนถนนสายนี้ได้เพราะเขากับทางการมีความลับที่ไม่สามารถบรรยายได้ คนผู้นั้นรู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำให้หมอเหลยขุ่นเคืองได้ เขาจึงรับเงินแล้วรีบจากไป
ที่ข้างนอก กู้เสี่ยวหวานกำหมัดแน่นและมองไปที่หลี่ซื่อและชายแซ่เหลยที่อยู่ในโรงหมอ นางโกรธเป็นอย่างมาก หากไฟในดวงตาสามารถฆ่าคนได้จริง ๆ หลี่ซื่อและแซ่เหลยผู้นี้อาจจะตายโดยไม่มีที่ฝัง
ขณะที่นางกำลังจะออกไปหาเหตุผลจากคนพวกนี้ก็มีคนมาหยุดนางไว้
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่ามีใครบางคนกำลังดึงแขนเสื้อของนางอยู่จึงรีบที่จะสบัดออก ครั้นเห็นว่าเป็นฉินเย่จือ สีหน้าของนางก็ดูแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมเป็นเจ้าล่ะ?”
*[1] อุปมาว่าสิ่งที่มีอยู่แล้วหายไป