ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 256 ความทุกข์ของหลี่ฝาน
บทที่ 256 ความทุกข์ของหลี่ฝาน
บทที่ 256 ความทุกข์ของหลี่ฝาน
เสี่ยวเซิ่งจื่อรู้เรื่องหน่อไม้ในฤดูใบไม้ผลิ และจำได้ว่าเขาได้ถามกู้เสี่ยวหวานเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ในครั้งที่แล้ว แต่กู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงตอบอย่างคลุมเครือเท่านั้น และไม่ได้บอกว่าเหมียวเอ้อร์สร้างปัญหาให้นาง
ด้วยท่าทีของกู้เสี่ยวหวาน เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชมนางในใจ
หลังจากที่เด็กชายผู้นั้นบอกเสี่ยวเซิ่งจื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เสี่ยวเซิ่งจื่อก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และรีบรายงานเรื่องนี้ให้หลี่ฝานรู้ หลังจากที่หลี่ฝานได้ยิน เขาก็ตกใจและคิดว่าทำไมเหมียวเอ้อร์ถึงใจแคบเช่นนี้ ทำไมไม่รู้สึกสงสารเด็กสาวผู้นี้บ้าง
รถม้าแล่นไปตลอดทางจนถึงเมืองหลิวเจีย และกู้เสี่ยวหวานก็ตามเสี่ยวเซิ่งจื่อไปยังร้านจิ่นฝู
ฉินเย่จือที่ตามหลังรถม้ามาอย่างรวดเร็ว ตามพวกเขาไปจนถึงร้านจิ่นฝูโดยไม่ทักทายใครเลย และเดินตรงไปที่ชั้นสามทันที
กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในร้านจิ่นฝู เนื่องจากเป็นเวลาปิดทำการในตอนบ่ายจึงไม่มีใครอยู่ในร้านยกเว้นลูกจ้างในร้าน
เสี่ยวเซิ่งจื่อนำกู้เสี่ยวหวานไปยังห้องรับรองของหลี่ฝาน เคาะประตูสองสามที และเสียงไม่พอใจของหลี่ฝานก็ดังมาจากข้างใน “เข้ามา”
หลังจากที่เสี่ยวเซิ่งจื่อได้ยินคำตอบ เขาก็ค่อย ๆ เปิดประตู และนำกู้เสี่ยวหวานเข้ามา
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเข้าไปก็เห็นหลี่ฝานกำลังมองไปที่บัญชีแยกประเภทบนโต๊ะด้วยใบหน้าเศร้าหมอง และถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง
“เถ้าแก่ ข้าพาแม่นางกู้มาที่นี่แล้ว” เสี่ยวเซิ่งจื่อรายงาน
จากนั้นหลี่ฝานก็เงยหน้าขึ้นจากสมุดบัญชี ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวานเขาจึงยิ้มให้ “สาวน้อยกู้มาแล้ว”
รอยยิ้มนี้ดูฝืนใจมาก ดูเหมือนว่าเถ้าแก่หลี่จะพบกับปัญหาบางอย่าง
“เถ้าแก่ แม่นางกู้บอกข้าว่านางเข้าใจการคำนวณบัญชี และขอให้ข้าพานางมาช่วย” เสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าวอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลี่ฝานได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก “ขอบคุณ สาวน้อยกู้ แค่การคำนวณมันซับซ้อน เกรงว่าสาวน้อยกู้จะไม่รู้อะไรมาก”
กู้เสี่ยวหวานส่ายหัวและแนะนำตัวเอง “เถ้าแก่ยังไม่ให้ข้าพยายามเลยด้วยซ้ำ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะทำไม่ได้?”
หลี่ฝานได้พบคนหลายคนที่สามารถคำนวณบัญชีได้แล้ว แต่พวกเขาไม่มีความสามารถมากพอ และกลัวทำให้เหมียวเอ้อร์ขุ่นเคือง พวกเขาจึงปฏิเสธที่จะบอกความจริง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลี่ฝานโกรธจนใจเจ็บ
หลี่ฝานลังเล แต่ไม่พูดอะไร คิ้วของเขายังคงขมวดอยู่ดังเช่นตอนแรก
“เถ้าแก่หลี่ ช่วยบอกได้หรือไม่ว่าตอนนี้ท่านพบอะไร?” กู้เสี่ยวหวานตรงเข้าประเด็น เนื่องจากหลี่ฝานรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในบัญชีและพบอะไรบางอย่าง จึงอยากถามเขาว่าเขาคิดอย่างไร และเพื่อให้ตนเองเตรียมตัวให้พร้อมเช่นกัน
เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของกู้เสี่ยวหวาน หลี่ฝานก็รู้สึกประทับใจเล็กน้อย ทุกครั้งที่กู้เสี่ยวหวานกลับมาที่ร้านจิ่นฝูก็ถือเป็นข่าวดีของที่นี่ ไม่รู้ว่าคราวนี้ที่นางมาช่วยด้วยตัวเองคือมีดอกไม้บานในความมืด*[1]หรือไม่?
เมื่อคิดเช่นนี้ หลี่ฝานก็ยอมแพ้ในใจ มีคนมาถึงประตูเพื่อช่วย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อว่านางจะทำได้ก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่ามีมากคนมากความอย่างคนทำบัญชีที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้น
“ข้าไปที่เมืองรุ่ยเสียนมาเป็นเวลาสี่เดือน และในแต่ละเดือน ร้านจิ่นฝูทำกำไรได้เพียงหนึ่งพันกว่าตำลึงเงิน” หลี่ฝานเอ่ยถึงความสงสัย “ก่อนที่ข้าจะไป กำไรของร้านอาหารทุกเดือนโดยเฉลี่ยมีมากกว่าสองพันตำลึงเงิน และในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมามันต่างกันเยอะเลย”
หลังจากได้ยินเรื่องนี้กู้เสี่ยวหวานก็พยักหน้า ในใจก็รู้ดีว่าเหตุใดหลี่ฝานจึงดูแปลกไปเช่นนี้
หากเป็นร้านอาหารที่ดำเนินงานตามปกติ กำไรรายเดือนควรจะใกล้เคียงกัน แต่ถ้าส่วนต่างระหว่างกำไรของเดือนแรกกับเดือนถัดไปนั้นมากเกินไป มันจึงน่าสงสัย
“ข้าลองตรวจสอบบัญชีดูแล้ว และตามปกติบัญชีนี้ไม่มีปัญหาเลย นอกจากนี้เหมียวเอ้อร์ยังกล่าวอีกว่ากิจการในร้านอาหารนั้นซบเซาลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพราะถูกร้านอาหารรอบข้างแย่งลูกค้าไป ดังนั้นกำไรจึงลดลง แต่อย่างไรก็ตาม ข้าเปิดร้านอาหารมาหลายปีแล้ว…” หลี่ฟานกล่าวถึงส่วนนี้ คิ้วของเขาก็ขมวดหนักขึ้นไปอีก ไม่มีท่าทีว่าจะคลี่คลาย
“ท่านคิดว่าเหมียวเอ้อร์กำลังโกหก!” เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานไม่พูด กู้เสี่ยวหวานจึงพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้พูดออกมา
เมื่อหลี่ฝานเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานคาดเดาความในใจของเขาได้จึงพยักหน้า “แม้ว่าข้าไม่อยากคิดเช่นนั้น เพราะเขาอยู่เคียงข้างข้ามาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เปิดร้านจิ่นฝู เขาก็ทำงานเป็นคนทำบัญชีในร้านมาตลอด นอกจากความดื้อดึงแล้ว เขาก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่น”
แต่ข้อบกพร่องนี้จะเปิดเผยทันทีที่เขาออกจากร้าน กู้เสี่ยวหวานคิดในใจ
ถ้าเหมียวเอ้อร์ผู้นี้จะทำอะไรเกี่ยวกับสมุดบัญชีนี้จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องง่าย
การทุจริตห้าร้อยตำลึงเงินในหนึ่งเดือน และสองพันตำลึงเงินในสี่เดือน ต้องบอกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
ถึงแม้ว่ารักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น*[2] หลี่ฝานก็ทำอะไรไม่ถูก แต่เขายังมีความคาดหวังบางอย่าง จึงยื่นบัญชีแยกประเภทในมือให้กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานรับสมุดบัญชีนั้นมา มีสมุดบัญชีแยกประเภททั้งหมดสี่เล่ม แต่ละเล่มมีช่วงเวลาเขียนอยู่ด้านหน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งเล่มต่อเดือน
กู้เสี่ยวหวานหาที่นั่งเพื่อลงมือคำนวณบัญชี จากนั้นจึงขอให้เสี่ยวเซิ่งจื่อเอากระดาษเปล่ามาให้และค่อย ๆ คำนวณทีละหน้า
ในสมัยโบราณ บัญชีต่าง ๆ คำนวณได้ง่าย ยกเว้นบัญชีรายรับ
หลังจากเหลือบมองไม่กี่ครั้ง กู้เสี่ยวหวานก็สามารถเห็นเบาะแสได้
หลี่ฝานนั่งลงข้าง ๆ และขมวดคิ้ว ในช่วงเวลานี้เขาอ่านบัญชีพวกนี้ทุกวัน และตกอยู่ในภวังค์ไปกับสมุดบัญชีเหล่านี้และออกไปไม่ได้
เมื่อเขาหลับตาและพักครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเห็นกู้เสี่ยวหวานซ้อนบัญชีเล่มสุดท้ายไว้ในกองที่คำนวณเสร็จแล้ว
“เถ้าแก่หลี่ ข้าคำนวณเสร็จแล้ว!” กู้เสี่ยวหวานวางพู่กันในมือของนาง และยิ้มให้หลี่ฝานที่เพิ่งลืมตาขึ้นมา
เสี่ยวเซิ่งจื่อเพิ่งไปที่ห้องครัวเพื่อขอให้พ่อครัวทำน้ำแกง และกำลังเปิดประตูพร้อมกับน้ำแกงในมือ และเขาก็ได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน
“เสร็จแล้ว?” หลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่อกล่าวพร้อมกัน สายตาล้วนจ้องไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง และด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าให้พวกเขา แล้วกล่าวกับหลี่ฝานว่า “เถ้าแก่หลี่ ความรู้สึกของท่านถูกต้อง จากสมุดสี่เล่มนี้ ขาดดุลไปสองพันสามร้อยสี่สิบห้าตำลึงเงิน”
ในตอนแรกหลี่ฝานไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวานในภายหลัง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากไม่น่าเชื่อในตอนแรก กลายเป็นตะลึงงัน ในที่สุดความโกรธก็ผุดขึ้นในหัวใจ และพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาว่า “เหมียวเอ้อร์ผู้นี้…”
หลี่ฝานรู้ว่าในตอนนี้ไปหาเหมียวเอ้อร์ก็คงไม่ทันแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานจัดการบัญชีจึงสงสัยเป็นอย่างมาก “สาวน้อยกู้ เจ้าคำนวณบัญชีได้อย่างไร? เจ้าคำนวณบัญชีเป็นด้วยหรือ?”
*[1] เกิดสถานการณ์ใหม่ที่ดีขึ้นอย่างกะทันหัน
*[2] ทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางรักษาได้อย่างแน่นอนแต่ยังคงมีความหวัง แม้ว่าจะน้อยนิดก็ตาม