ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 298 กลยุทธ์การจัดการปัญหา
บทที่ 298 กลยุทธ์การจัดการปัญหา
บทที่ 298 กลยุทธ์การจัดการปัญหา
เมื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่ไม่ต้องการจ่ายเงิน เหลยต้าเซิ่งก็กังวลและเรียกเขาด้วยชื่อจริง “กู้ฉวนลู่ ท่านอย่าเห็นแก่ของถูก คนที่บอกให้แย่งที่ดินมาในเวลานั้นก็คือท่าน เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คนที่ไม่ยอมออกเงินก็เป็นท่านอีกเช่นกัน ถ้าข้ารู้ว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ข้าจะไม่ทำเรื่องนี้กับท่านเด็ดขาด!”
“หมอเหลย ท่านอย่ามาโวยวาย ถ้าต้องจ่ายร้อยตำลึงเช่นนี้ แล้วข้าจะไปหาเจ้าทำไม? ข้าสามารถซื้อมันด้วยเงินนั้นและประหยัดเงินได้มากทีเดียว” กู้ฉวนลู่ก็ไม่พอใจเช่นกันและคำพูดนี้ก็เหมือนเป็นการดุด่าเหลยต้าเซิ่ง
“หมายความว่าอย่างไร?” เหลยต้าเซิ่งเห็นท่าทางดื้อรั้นของกู้ฉวนลู่และรู้ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะจ่ายเงิน หมอเหลยก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ “ท่านจะไม่ให้เงินแก่ข้าหรือ?”
“ไม่ให้!” กู้ฉวนลู่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ใช่คนโง่ เหลยต้าเซิ่งบอกว่าเขาให้เงินไปหนึ่งร้อยตำลึงเงิน มันคือหนึ่งร้อยตำลึงเงินจริงหรือ? ใครจะรู้ว่าเขามีความลับอะไร
กู้ฉวนลู่ไม่กลัว ถึงอย่างไรโฉนดที่ดินก็ระบุเป็นชื่อของซุนซื่อ ถ้าเวลานั้นมาถึง เขาก็ยังสามารถต้านทานได้
ทั้งสองคนได้ฉีกหน้ากันแล้ว เหลยต้าเซิ่งลุกขึ้นทันทีและกำลังจะจากไป แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะขู่ทิ้งท้าย “หึ ถ้าท่านเสียดายเงิน ก็แค่นั้นแหละ สาวน้อยผู้นั้นจะทำอะไรก็ได้ที่นางต้องการ อย่างไรเสียนางรู้ก็อยู่แล้วว่าที่ดินยี่สิบห้าหมู่เป็นชื่อภรรยาของท่าน!”
ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหัวเราะเยาะอีกครั้ง “อย่าคิดว่าเพราะไม่ใช่ชื่อท่าน ท่านเลยลอยตัว หึ ๆ เมื่อสุนัขจนตรอก ภรรยาของท่านก็จะเผยธาตุแท้ออกมาเอง หึ ท่านหนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็สะบัดแขนเสื้อออกอย่างรุนแรงและเดินจากไป
กู้ฉวนลู่ก็ไม่พอใจ พ่นลมอย่างเย็นชาตามหลังของเหลยต้าเซิ่งไปและพึมพำว่า “เล่นอะไรกันอยู่”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งโมโหก็ยิ่งไม่สบายใจ ในขณะนี้ ซุนซื่อเข้ามาและเห็นกู้ฉวนลู่เดินไปมาด้วยสีหน้ากังวลใจ จึงรีบเอ่ยถามว่า “สามี เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อกู้ฉวนลู่เห็นว่าซุนซื่อเข้ามา เขาก็ถอนหายใจและเล่าเรื่องการมาของเหลยต้าเซิ่ง แต่เขากรองบางสิ่งออกไปและไม่ได้บอกซุนซื่อทั้งหมด
ซุนซื่อตกใจมาก “สามี เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไร กู้เสี่ยวหวานรู้แล้วหรือว่าเราเป็นคนทำ?”
กู้ฉวนลู่พยักหน้า เขารู้ว่าเรื่องนี้ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไป แต่เขาก็ไม่คิดว่าไฟจะไหม้เร็วขนาดนี้!
“สามี แล้วตอนนี้จะทำเช่นไร? หมอเหลยบอกว่าอะไร?” ซุนซื่อรู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเล็กน้อย นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อดึงเสื้อของกู้ฉวนลู่พลางเอ่ยถามอย่างกังวล
“จะทำอะไรได้ ทำได้แค่ทำตามสถานการณ์เท่านั้น” กู้ฉวนลู่กล่าวอย่างขุ่นเคือง
“สามี ทำตามสถานการณ์อย่างไร? กู้เสี่ยวหวานไปฟ้องร้องพวกเราแล้ว พวกเรารีบหาทางแก้ไขกันเถอะ!” ซุนซื่อกล่าวอย่างกังวล
กู้ฉวนลู่ที่ก็กังวลจึงกล่าวว่า “จะแก้ปัญหาอย่างไร เจ้าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร ข้าไม่ใช่เจ้าเมือง ข้าจะปิดปากของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร?”
“สามี หมอเหลยเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ? ไปขอร้องให้หมอเหลยช่วยให้ดันเรื่องของกู้เสี่ยวหวานลงไป เรื่องนี้มีข้อผิดพลาดไม่ได้!” ซุนซื่อกล่าวอย่างร้อนรน
“เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้คิดอย่างนั้นหรือ แต่ตอนนี้ข้าจะทำอะไรได้? ครอบครัวของเรามีเงินมากมายเสียที่ไหนเล่า ถ้าเราไม่มีเงินแล้วจะให้เหลยต้าเซิ่งไปเดินเรื่องได้อย่างไร!” กู้ฉวนลู่กล่าวอย่างโกรธเคือง “เหลยต้าเซิ่งผู้นั้นแค่อ้าปากก็ต้องการหนึ่งร้อยตำลึงเงินแล้ว แบ่งเป็นคนละห้าสิบตำลึงเงิน! เขาเหมือนสิงโตที่อ้าปากกว้าง*[1]!”
“ว่าอย่างไรนะ ต้องการเงินอีกห้าสิบตำลึงเงิน คราวที่แล้วเราให้ไปห้าสิบตำลึงเงินแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดลูกพี่ลูกน้องของเขาถึงโลภนัก!” ซุนซื่อตะโกนลั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“หึ…” กู้ฉวนลู่พ่นลมอย่างโกรธเคือง“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องจะเป็นเช่นนี้ เราไม่ควรทำให้คนผู้นี้รู้สึกละอายใจ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า ความคิดที่จะแย่งชิงที่ดินของผู้อื่นก็เป็นของเจ้า โฉนดทางการที่เรามีก็เป็นของปลอม ต่อให้เราจะแสร้งว่าเป็นของจริง แต่มันก็เป็นของปลอมอยู่ดี!” น้ำเสียงของกู้ฉวนลู่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เมื่อซุนซื่อเห็นว่ากู้ฉวนลู่ตำหนิตนเองทั้งหมด นางก็อยากจะหักล้างมันทันที แต่หลังจากคิดดูแล้ว นางก็กลืนคำพูดเหล่านั้นลงไป
“สามี ข้าไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวนี้เพื่อหารายได้เพิ่มเข้ามาหรอกหรือ?” ซุนซื่อเริ่มสะอื้น “ครอบครัวของเรา แม้ว่าเจ้าจะเลี้ยงดูครอบครัวของเราได้ แต่สามี เราตกลงกันแล้วว่าจะให้เหวินเอ๋อร์สอบซิ่วไฉ สอบจวี่เหริน ให้ได้เป็นขุนนางก่อน แล้วค่อยให้ซินเถาแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพื่อการยกระดับครอบครัวเราหรอกหรือ? ที่ข้าทำเช่นนี้ข้าผิดหรือ?”
ซุนซื่อเป็นคนฉลาด นางรู้ว่าไม่ควรโมโหออกไป นางจึงทำได้แค่ใช้กลอุบายเพื่อทำให้กู้ฉวนลู่ใจอ่อน! กู้เสี่ยวหวานได้ฟ้องร้องพวกเขาแล้ว ซุนซื่อไม่สามารถปล่อยให้นางฟ้องร้องได้สำเร็จเป็นแน่ ถ้านางทำสำเร็จ ชื่อเสียงของครอบครัวของพวกเขาจะหายไป
คำพูดไม่กี่คำของซุนซื่อทำให้สีหน้าของกู้ฉวนลู่เปลี่ยนไป ซุนซื่อกล่าวต่อว่า “สามี พวกเราไม่ได้นึกถึงตัวเอง แต่นึกถึงลูก ๆ เหวินเอ๋อร์คือทุกสิ่งทุกอย่างของเรา และชีวิตเขาจะเป็นเช่นไรขึ้นอยู่กับเรา ถ้าเราถูกทางการตัดสินให้คืนที่ดินให้กู้เสี่ยวหวาน แล้วเราจะมีหน้าอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างไร เหวินเอ๋อร์ยังเรียนอยู่ และในอนาคตเขาจะต้องสอบเป็นขุนนาง หากได้เป็นขุนนางแล้ว เขากลับมีประวัติด่างพร้อย เกรงว่าจะมีคนเอาเรื่องนี้มากระทบกับเหวินเอ๋อร์”
คำพูดไม่กี่คำของซุนซื่อได้แทงะลุเข้าไปถึงใจของกู้ฉวนลู่ เมื่อสักครู่เขาไม่พอใจมากจนไม่สนใจอะไร แต่คราวนี้เขาใจเย็นลงหน่อย ซุนซื่อยังคงเกลี้ยกล่อมต่อ “พวกเราใช้เงินเพียงเล็กน้อยเพื่อซื้อบทเรียน แต่ตอนนี้เราต้องต่อสู้กับศัตรูด้วยกันและเอาชนะกู้เสี่ยวหวานให้ได้เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนมาถึงเรา! และมันก็จะไม่ส่งผลกระทบถึงเหวินเอ๋อร์ของเราด้วย”
กู้ฉวนลู่กระทืบเท้าของเขาอย่างรุนแรง สิ่งที่ซุนซื่อกล่าวนั้นสื่อถึงหัวใจของเขา
กู้ฉวนลู่เหลือบมองที่ซุนซื่อและกล่าวน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เดี๋ยวข้ากลับมา” ทันทีที่เขากล่าวจบก็เดินจากไป
ซุนซื่อมองไปที่กู้ฉวนลู่ที่เดินจากไปอย่างกระวนกระวายใจ พลางถอนหายใจยาว ดูเหมือนว่ากู้ฉวนลู่จะเข้าใจสิ่งที่นางกล่าวและเดินดำเนินการแล้ว
ไม่ใช่ว่าซุนซื่อไม่รู้แผนการของกู้ฉวนลู่ ขณะนั้นเมื่อเขาไปจัดการกับโฉนดทางการ กู้ฉวนลู่ได้ใส่ชื่อของตนเองลงไปในโฉนดที่ดินและนางก็ยังดีใจมาก โดยคิดว่ากู้ฉวนลู่กำลังคิดถึงตนเองอยู่ แต่ตอนนี้ปรากฏว่ากู้ฉวนลู่ได้เตรียมการไว้แล้วเพราะรู้ว่าจะเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้น ดังนั้นเขาจึงอ้างว่าไม่มีเงินเพื่อไม่จัดการเรื่องนี้ แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่คลี่คลาย นางคงจะต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมดเองใช่หรือไม่?
ซุนซื่อไม่ใช่คนโง่ ผัวเมียเป็นนกป่าเดียวกัน*[2] จะบินหนีจากกันเมื่อภัยใกล้เข้ามา ถ้าซุนซื่อบินไม่ได้ นางก็จะไม่ปล่อยให้กู้ฉวนลู่บินหนีไปคนเดียวแน่
และกู้จือเหวินก็คือจุดอ่อนของกู้ฉวนลู่
*[1] อุปมาถึงการขอราคาสูงหรือเสนอเงื่อนไขสูง
*[2] ใช้เพื่ออธิบายถึงคนเห็นแก่ตัวบางคนที่ละทิ้งสามี (หรือภรรยา) ในช่วงเวลาวิกฤต