ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 31 ผักดอง
บทที่ 31 ผักดอง
บทที่ 31 ผักดอง
น้ำภายในหม้อกำลังเดือดปุด ๆ กู้เสี่ยวหวานจัดการเปิดฝาหม้อ ทำให้ไอน้ำลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ นางค่อย ๆ ใส่เนื้อกระต่ายลงในหม้อสองสามชิ้น ใช้ทัพพีไม้คนเล็กน้อย จากนั้นจึงปิดฝาลงอีกครั้ง
ทางด้านกู้หนิงผิงก็ทำความสะอาดหัวไชเท้าอย่างระมัดระวัง หัวไชเท้าหัวอ้วนกลมแสนน่ารักถูกกู้หนิงผิงทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลา กู้เสี่ยวหวานมองน้องชายด้วยแววตาพึงพอใจ!
ทุกคนในครอบครัวต่างขยันขันแข็ง!
ในช่วงเวลานี้ กู้เสี่ยวหวานนึกถึงกะหล่ำปลีดองที่แม่ของนางทำเมื่อชาติที่แล้ว ถ้าดองกะหล่ำปลีไว้และได้ปลาสักตัวมาทำปลาต้มผักดอง เพียงแค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว
ทั้งสี่คนยุ่งอยู่กับงานของตน ไม่นานเนื้อกระต่ายตุ๋นหัวไชเท้าก็เสร็จเรียบร้อย กู้เสี่ยวหวานจัดการตักใส่ชามขนาดใหญ่จนเต็มและนำไปวางในห้องใหญ่ โดยที่กู้หนิงผิงวางชามและตะเกียบสี่ชุดไว้ที่มุมทั้งสี่ของโต๊ะแล้ว
ทั้งหมดนั่งห้อมล้อมรับประทานอาหารกันอย่างเบิกบานใจ
ก่อนทะลุมิติมา อาหารประเภทเนื้อกระต่ายผัดหัวไชเท้าเป็นอาหารรสชาติจืดชืดที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของนางมาก่อน โดยเฉพาะอาหารจานนี้ นอกจากมีเกลือเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่มีรสชาติของเครื่องปรุงชนิดอื่น
ทว่าตั้งแต่ที่นางทะลุมิติมา ท่ามกลางความลำบากยากแค้น ความหิวโหยของครอบครัว ทำให้นางรู้สึกว่ารสชาติจืดชืดที่สุดนี้กลับกลายเป็นสมบัติแสนล้ำค่าที่นางไม่เคยมีมาก่อน ครอบครัวสามัคคี รักใคร่กลมเกลียว มีความสุขล้นทะลักมาจากก้นบึ้งของหัวใจ!
ถึงแม้อาหารจะเหมือนกับมื้อกลางวัน แต่ทุกคนก็กินอย่างเอร็ดอร่อย!
หลังจากมื้ออาหารเย็น กู้หนิงผิงก็มีหน้าที่เก็บกวาดล้างชามตามปกติ กู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ยังมีหัวไชเท้าป่าที่เก็บกลับมารอให้นางไปจัดการอยู่!
หัวไชเท้าสามารถเก็บไว้ได้นานและไม่เน่าเสียง่าย โดยเฉพาะช่วงเดือนสิบสองตามปฏิทินจันทรคติอย่างตอนนี้ ยิ่งไม่มีทางเน่า
ส่วนใบของหัวไชเท้าก็เช่นกัน หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ใบจะสูญเสียความชื้น เมื่อถึงเวลารสชาติจะลดลง หรือบางทีอาจจะไม่สามารถกินได้
สิ่งที่กู้เสี่ยวหวานต้องการทำวันนี้คือ การทำผักดองจากใบหัวไชเท้าป่าที่ยังมีสีเขียวเป็นมัน
หลังจากกินอาหารครบสองมื้อ ร่างกายก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง งานของกู้เสี่ยวหวานในตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิงตรงที่ต้องใช้พลังงานสูง
เป็นเพราะว่าภายในบ้านมีเสบียงกักตุน ต่อให้มีหิมะหรือลูกเห็บถล่มข้างนอก พวกเขาสี่คนพี่น้องที่หลบอยู่ในบ้านก็ไม่ต้องกลัวอดตาย
แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนที่จะพอใจกับอะไรง่าย ๆ นอกจากกินอิ่มท้องแล้ว เป้าหมายเล็กๆ อีกหนึ่งอย่างของนางก็คือไม่ใช่แค่กินอิ่มอีกต่อไป นางตั้งจุดหมายเล็ก ๆ ขึ้นมาอีกหนึ่งอย่างคือการได้กินอาการดี ๆ!
กู้หนิงผิงล้างถ้วยชามอยู่ในห้องครัว กู้เสี่ยวหวานพากู้หนิงอันและกู้เสี่ยวอี้มาเก็บหัวไชเท้าอีกครั้ง เด็กอีกสองคนผ่านการฝึกฝนมาแล้วสองครั้งจึงทำได้อย่างคุ้นเคยและคล่องแคล่ว
เกลือในบ้านเหลือไม่มากนัก และที่บ้านยังไม่มีเงินสักเหรียญ บนโลกแห่งนี้เกลือมีราคาเท่าไรกู้เสี่ยวหวานเองก็ไม่แน่ใจ นางไม่สามารถใช้เกลือสิ้นเปลืองได้ตามใจชอบอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นเกลือยังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในอาหาร และเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในร่างกายมนุษย์ อาหารจะขาดอะไรก็ได้ แต่จะขาดเกลือไม่ได้ มิฉะนั้นแล้วจะกลายเป็นน้ำแกงใสไร้ซึ่งรสชาติ ซึ่งมันไม่อร่อยเลยจริง ๆ!
กู้เสี่ยวหวานเด็ดส่วนใบบนหัวไชเท้า หลังจากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด คัดใบที่เหลืองและเริ่มเน่าทิ้ง จากนั้นล้างดินโคลนออกจนหมด แล้วตากเอาไว้ให้แห้ง
ที่บ้านมีถังไม้อยู่หนึ่งใบ กู้เสี่ยวหวานทำความสะอาดถังไม้ เทน้ำร้อนในหม้อใบเล็กลงไป ทิ้งไว้ให้อุณหภูมิเย็นลง เมื่อน้ำเย็นก็ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ใส่ใบหัวไชเท้าที่ตากจนแห้งลงถังไม้ทีละชั้น ๆ อย่างระมัดระวัง ถังไม้มีขนาดไม่ใหญ่ ทำให้ใส่ลงไปได้ไม่มากนัก
เมื่อใส่ลงจนเกือบเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็นำหินขนาดใหญ่ที่เห็นอยู่ในสวนเมื่อกลางวันวางทับลงบนใบหัวไชเท้า ทำให้ใบหัวไชเท้าทั้งหมดในถังจมอยู่ในน้ำเกลือ
เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นตกลงไปในผักดอง กู้เสี่ยวหวานจึงนำไม้กระดานมาปิดไว้ด้านบนอีกชั้นหนึ่ง
นางมองดูผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ และถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
กู้หนิงผิงเห็นพี่สาวของตนเองทำสิ่งเหล่านี้อย่างง่ายดายก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “พี่สาว ท่านคิดได้อย่างไร ถึงเอาใบหัวไชเท้านี้มาดองกิน?”
ในอดีต นอกจากผักที่ปลูกกินเองภายในบ้าน พวกเขาก็ไม่เคยกินหัวไชเท้าชนิดนี้มาก่อน นับประสาอะไรกับเห็นการนำใบหัวไชเท้ามาดองเกลือ
นอกจากความภูมิใจแล้ว กู้เสี่ยวหวานทำได้เพียงโกหก “ตอนที่พี่ป่วย พี่ฝันเห็นเทพสวรรค์ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ข้าเยอะแยะ ทั้งยังสอนวิธีเหล่านี้ให้ด้วยตัวเอง ดังนั้นพี่ถึงทำเป็น!”
กู้เสี่ยวหวานโกหกออกไปหนึ่งประโยค เพราะกลัวจะไม่มีใครเชื่อว่าภายในร่างกายของเด็กหญิงอายุแปดขวบมีผีตนหนึ่งจากอีกพันปีต่อมาสิงสถิตอยู่ เฮ้อ…ในเมื่อมาแล้ว ก็จงอยู่ที่นี่อย่างสงบสุขเถอะ
ผักดองนี้คาดว่าจะได้ลิ้มลองรสชาติในอีกสิบวัน ถึงเวลานั้นผัดผักดองหนึ่งจาน จะทำให้ทุกคนได้เปลี่ยนรสชาติที่คุ้นชิน
หากว่าโชคดีจับปลาได้หนึ่งตัว จะสามารถทำปลาต้มผักดองได้อีกด้วย
ใกล้ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเหตุที่วันส่งท้ายปีเก่าเมื่อสองปีก่อนเด็ก ๆ ทั้งสี่คนยังสามารถกินอะไรได้อย่างง่ายดายอาจเป็นเพราะท่านป้าจางนำของกินมาให้อยู่เสมอ จนกระทั่งพ่อและแม่จากไป ปีใหม่ก็ไม่เหมือนปีใหม่อีกต่อไป
แต่ละปีผ่านไปอย่างเงียบเหงา แต่ปีนี้กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะมีปีที่สงบสุขและงดงาม เมื่อเวลานั้นมาถึง ทุกบ้านก็จะเชือดไก่และห่าน อย่างน้อยที่สุดบนโต๊ะอาหารในวันส่งท้ายปีจะมีอาหารจานเนื้อเพื่อให้น้องชายและน้องสาวทั้งสามคนอิ่มท้อง
อีกอย่าง ภายในบ้านไม่มีข้าวหรือบะหมี่เหลือแม้แต่น้อย ถึงตอนนี้จะได้กินอิ่มท้อง แต่ก็ไม่ควรจะกินผักทั้งวัน เรื่องสำคัญที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วนคือหาวิธีหาเงินโดยเร็วที่สุดเพื่อซื้อข้าวและบะหมี่กลับมา
กู้เสี่ยวหวานมั่นใจว่าต่อให้เมื่อวานยังกินไม่อิ่ม วันนี้กลับได้รับชัยชนะเก็บเกี่ยวได้มากมายขนาดนี้ ทำให้นางเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะต้องดีขึ้นในอนาคต
หลังจากที่ทั้งสี่คนล้างหน้าและเท้าด้วยน้ำร้อน พวกเขาก็เข้านอนท่ามกลางความมืด
ก่อนเข้านอนกู้เสี่ยวหวานได้มองบ้านอันมืดมิด ในใจคิดว่าถ้าหาเงินได้ จะต้องซื้อเทียนไขกลับมา
วันนี้กู้เสี่ยวหวานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อีกทั้งยังกินอิ่มหนำสำราญ เพียงไม่นานนางก็ผล็อยหลับไป
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ด้วยสมองนักวิจัยด้านเกษตรแล้ว เสี่ยวหวานจะหาเงินด้วยวิธีไหนกันนะ
ไหหม่า(海馬)