ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 334 คุยเรื่องในวันวาน
บทที่ 334 คุยเรื่องในวันวาน
บทที่ 334 คุยเรื่องในวันวาน
เหล่าฝูงชนถอนหายใจ
สายตาล้วนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นทันที
ครั้นได้ยินว่ามีคนรู้จักครอบครัวนั้น สตรีเหล่านั้นก็เริ่มสนใจอีกครั้ง “เจ้ารู้จักด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“รู้สิ! ครอบครัวนั้นแซ่กู้ และพวกเขาอาศัยอยู่บนถนนหย่งซิ่งในเมืองของเรา”
“ว่าอย่างไรนะ? ที่นั่นเป็นสถานที่ที่คนรวยอาศัยอยู่ ครอบครัวของพวกเขาอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?” ทุกคนเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ
ครอบครัวนั้นจะอาศัยอยู่บนถนนหย่งซิ่งได้อย่างไร ที่นั่นเป็นสถานที่ที่คนที่ร่ำรวยและมีอำนาจมากที่สุดในเมืองอาศัยอยู่ ครอบครัวนี้เป็นคนทำบัญชีจะมีเงินไปอาศัยอยู่ที่นั่นได้อย่างไร
ทุกคนเผยสายตาอยากรู้อยากเห็น ครั้นกู้เสี่ยวหวานได้ยิน นางก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
“ไม่กี่เดือนก่อน พวกเขาเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ที่ปลายถนนหย่งซิ่ง สามีของข้ามักจะไปที่ร้านซุ่นซินเพื่อหารือเกี่ยวกับกิจการ เขาจึงรู้จักคนทำบัญชีคนนี้ ได้ยินมาว่าเขาซื้อบ้านที่นั่น”
“บ้านบนถนนหย่งซิ่ง เพียงแค่บ้านที่มีสองทางเข้าก็มีราคาหลายร้อยตำลึงเงิน ครอบครัวของพวกเขารวยมากจริง ๆ!”
“ใครจะไปรู้ การเป็นคนทำบัญชีในร้านอาหารอาจจะไม่ใช่เพียงการดีดลูกคิด หากมีความคิดแย่ ๆ ก็เพียงแค่ต้องดีดลูกคิดผิดไปสักตัวหนึ่ง” ครอบครัวของผู้หญิงคนหนึ่งทำการค้าอยู่ ดังนั้นนางจึงรู้โดยธรรมชาติว่าถ้าดีดลูกคิดผิดพลาด ทุกอย่างก็จะเกิดการผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม มีบางคนที่มีเจตนาไม่ดี อาศัยการคำนวณที่ผิดพลาดนี้เพื่อยักยอกเงินไปจำนวนมาก
มีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่รู้ว่าคนทำบัญชีมีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านได้อย่างไร
ถ้าใช้เงินเดือนเพียงน้อยนิดซื้อ…เกรงว่าคงต้องไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลาหลายปี
ทุกคนจึงเข้าใจอย่างชัดเจน ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า ราวกับทุกคนจะเข้าใจแล้วว่าคนทำบัญชีแซ่กู้นี้มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านได้อย่างไร
เหล่าสตรีเหล่านั้นเริ่มซุบซิบนินทากันขึ้นมาอีกครั้ง ผู้ใดที่มาซื้อของก็ซื้อของ และค่อย ๆ ทยอยออกไป
กู้เสี่ยวหวานยังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้หญิงเหล่านั้นพูดคุยกันเมื่อสักครู่
เดิมทีบ้านบนถนนหย่งซิ่งมีราคาแพงมาก บ้านที่มีทางเข้าสองทางก็ราคาถึงหลายร้อยตำลึง!
เงินเยอะขนาดนี้ เกรงว่าคนจนที่ทำงานทั้งชีวิตคงไม่เคยได้เห็น!
สิ่งที่พวกนางพูดกันนั้นไม่ผิดเลย แม้แต่กู้เสี่ยวหวานที่ตอนนี้ทำงานอยู่ในร้านจิ่นฝูก็เงินเดือนเพิ่มขึ้นเป็นสิบห้าตำลึงเงิน แต่ก่อนมีเงินเดือนเพียงแปดตำลึงเงินเท่านั้น และนี่คือเงินเดือนสูงสุดในเมืองหลิวเจีย
แม้ว่ากู้ฉวนลู่จะมีเงินเดือนเพียงแปดตำลึงเงินต่อเดือน แต่ในหนึ่งปีมันก็ยังน้อยกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินอยู่ดี ได้ยินมาว่ากู้ฉวนลู่ทำงานที่ร้านซุนซินมาเป็นเวลากว่าสิบปี เขาจะต้องไม่ได้กินหรือดื่มอะไรก็ตามเป็นเวลาสิบปี ถึงจะสามารถเก็บเงินได้เกือบหนึ่งพันตำลึงเงิน
แต่จู่ ๆ จะใช้เงินเกือบทั้งหมดเพื่อซื้อบ้านหรือ? กู้เสี่ยวหวานคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
เป็นเงินที่ปู่และย่ากู้เหลือไว้ให้อย่างนั้นหรือ?
เป็นไปไม่ได้!
เมื่อลูกชายทุกคนถูกขอให้แบ่งปันหนี้แต่งงานของกู้ฉวนโซ่ว ครอบครัวของกู้ฉวนลู่ก็ได้ย้ายออกไปแล้ว ในเวลานั้นครอบครัวกู้ไม่มีเงินแม้สักนิด
แล้วเงินมาจากไหน? เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่กินหรือดื่มเป็นเวลาสิบปีใช่หรือไม่?
เมื่อเห็นว่ากู้ซินเถาและซุนซื่อที่ไม่ใช่คนประหยัดมัถยัสถ์ และยังมีกู้จือเหวินที่ต้องเรียนหนังสืออีก ในหนึ่งปีก็ต้องใช้จ่ายหลายสิบตำลึงเงินแล้ว!
กู้เสี่ยวหวานงุนงงเป็นอย่างมาก แต่นางคิดไม่ออกว่ากู้ฉวนลู่ได้เงินมาจากไหน หรือบางทีเขาอาจมีวิธีอื่นในการทำเงิน
กู้เสี่ยวหวานไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันอีกต่อไป เมื่อเห็นกลุ่มผู้หญิงที่ซุบซิบนินทาเหล่านั้นออกไปแล้ว พี่ฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกล่าวอย่างลำบากใจว่า “ยิ่งมีผู้หญิงมากเท่าไรก็ยิ่งก็ยิ่งมีเรื่องทั้งถูกและผิดมากเท่านั้น มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีข่าวลือของกู้ซินเถากระจายออกไปเช่นไร แต่อย่างไรก็ตาม นางเป็นคนชอบหาเรื่องใส่ตัว หัวสูงแต่ไร้ความสามารถ พี่ฝูผู้นี้เกลียดคนเช่นนี้มากนัก อาศัยรูปร่างหน้าตาของตนเองและคิดว่าสามารถทำทุกอย่างที่ต้องการได้”
คำพูดของพี่ฝูรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนท้าย นางพ่นลมอย่างเย็นชาราวกับว่ามีความบาดหมางที่ใหญ่หลวงกับกู้ซินเถา
กู้เสี่ยวหวานกำลังดูงานปักของกู้เสี่ยวอี้ เมื่อได้ยินว่าน้ำเสียงของพี่ฝูเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นางจึงเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว
“พี่ฝู กู้ซินเถาเคยมาที่ร้านนี้หรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถาม
“ไม่ใช่แค่เคยมา นางมาหลายครั้งแล้ว” พี่ฝูกล่าวอย่างไม่พอใจ
เดิมทีเสื้อผ้าของกู้ซินเถาก็สั่งทำจากร้านนี้ตลอด เพียงแต่นางจู้จี้จุกจิกเกินไป
เลือกผ้าเสร็จแล้วและเมื่อทำเสื้อผ้าเสร็จ แต่พวกนางกลับไม่ชอบ
จากนั้นจึงมองหน้าพี่ฝูด้วยสีหน้าน่าเกลียด แล้วส่ายหน้าให้พี่ฝู
ในครั้งแรกพี่ฝูต้องยอมขาดทุนเพื่อไม่ให้ตนเองสูญเสียมากเกินไปกว่านี้ นางกล่าวได้เพียงว่าจะเก็บเงินครึ่งราคา จากนั้นสองแม่ลูกก็จากไปอย่างมีความสุข
กู้ซินเถาต้องการเอาเปรียบพี่ฝูด้วยวิธีการเช่นนี้ พี่ฝูจึงทนไม่ไหว
อย่าดูถูกกู้ซินเถาที่ยังเด็ก ถึงแม้ว่าจะอายุน้อย หากแต่ไม่ใช่กับนิสัยของนาง ใบหน้าของนางดำราวกับถ่านและดวงตาเบิกกว้าง ท่าทางเช่นนั้นราวกับว่าถ้าพี่ฝูยังกล่าวต่อไปอีกสักคำก็คงจะโดนนางกินทั้งเป็นแน่
ส่วนซุนซื่อก็ยืนอยู่ด้านข้างและคอยเติมเชื้อไฟ นางกล่าวว่าที่นี่ทำชุดออกมาไม่สวย การปักไม่ละเอียดอ่อน และมุมของกระโปรงไม่เท่ากัน
และยังคงวุ่นวายอยู่เช่นนั้น
พี่ฝูรู้ว่าสองแม่ลูกนี้ต้องการอะไรถึงกล่าวว่าฝีมือการปักของพี่ฝูไม่ดี?
ช่างน่าขันยิงนัก อาจารย์ของพี่ฝูเป็นช่างฝีมือในวัง และนางยังทำกิจการนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว ต่อให้หลับตานางก็สามารถปักผ้าได้
การที่สองแม่ลูกมาวุ่นวายเช่นนี้ก็เพราะว่าพวกเขาอย่างจะซื้อเสื้อผ้าราคาถูกไม่ใช่หรือ!
ครั้งที่หนึ่งครั้งที่สอง พี่ฝูก็ดูออกแล้ว
อย่างไรก็ตาม แค่ให้พวกเขาได้เปรียบไปหนึ่งครั้งก็เพียงพอแล้ว จะให้มีครั้งที่สองต่อไปอีกก็คงจะไม่ได้
พี่ฝูอยากจะกล่าวทั้งหมดออกไป แต่แม่ลูกคู่นี้ไม่ยอมโอนอ่อนตาม พี่ฝูจึงไม่มีทางเลือก ในท้ายที่สุดใบหน้าของพี่ฝูจึงเปลี่ยนเป็นสีดำแลละกล่าวออกไปโดยตรงว่ากู้ซินเถาเป็นผู้เลือกผ้าเอง และได้ทำเสื้อผ้าขึ้นมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถส่งคืนได้
กู้ซินเถาทั้งกรีดร้องและตะโกนออกมา พี่ฝูคิดว่าทนทุกข์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ดีกว่าทนทุกข์ไปตลอดชีวิต นางไม่ต้องการลูกค้าเช่นนี้ ดังนั้นจึงใช้ไม้กวาดไล่สองแม่ลูกนี้ออกไป
กู้เสี่ยวหวานไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดว่ากู้ซินเถามีนิสัยอย่างไร นางรู้ดีที่สุด เพราะนางกลัวว่าจะต้องเสียเปรียบ ดังนั้นจึงต้องหาความได้เปรียบด้วยวิธีที่ไร้ยางอาย
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยเจียง?” กู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามอย่างสงสัยพลางขมวดคิ้ว เมื่อสักครู่นางได้ยินพี่ฝูกล่าวว่านายน้อยเจียงหลงกู้ซินเถาอย่างหน้ามืดตามัว