ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 337 วันเกิดของเสี่ยวหวาน
บทที่ 337 วันเกิดของเสี่ยวหวาน
บทที่ 337 วันเกิดของเสี่ยวหวาน
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเรื่องนี้ นางรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก พี่ฝูทำสิ่งนี้เพราะต้องการเพิ่มช่องทางหาเงินให้นาง เด็กหญิงอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ที่นี่มีคนมากจึงร้องไห้ไม่ได้ และทำได้เพียงหัวเราะ “พี่ฝู ขอบคุณmท่านมากจริง ๆ”
พี่ฝูตบไหล่กู้เสี่ยวหวาน “พวกเจ้าทุกคนเป็นเด็กดี แข็งแกร่งกว่าลูกพี่ลูกน้องนั่นเป็นพันเท่า แม้ว่าตอนนี้จะลำบากไปเสียหน่อย แต่อนาคตจะดีขึ้นอย่างแน่นอน!”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ต้องเป็นเช่นนั้นแน่เจ้าค่ะ”
หลังจากซื้อของเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พากู้เสี่ยวอี้กลับบ้าน
หลังจากยุ่งอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ทำตุ๊กตาสำเร็จทั้งหมดสิบห้าตัว และเข้าไปในเมืองกับฉินเย่จือเพื่อมอบตุ๊กตาทั้งหมดให้พี่ฝู
เมื่อนางไปถึงครั้งถัดไป พี่ฝูก็หยิบถุงเงินให้กู้เสี่ยวหวาน ถุงเงินใบนั้นหนักอึ้ง ในนั้นมีเงินหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงเงิน ซึ่งเป็นเงินจากการขายตุ๊กตา
กู้เสี่ยวหวานอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “ขายหมดเร็วเช่นนั้นเลยหรือ?”
พี่ฝูพยักหน้า “หลังจากส่งไปสองวันก็ขายหมดแล้ว คนรวยเหล่านั้นแต่ละคนมาซื้อไปหลายตัว! เจ้ากลับไปทำมามากกว่านี้อีกหน่อยเถอะ”
กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า ในช่วงเวลานี้ก็ต้องกลับมายุ่งกับเรื่องตุ๊กตาอีกแล้ว จนกระทั่งยอดขายตุ๊กตาไม่ดีนัก กู้เสี่ยวหวานและคนอื่นจึงหยุดและไม่ได้รีบทำถึงขนาดนั้นแล้ว
ในช่วงเวลานี้การขายตุ๊กตาทำเงินได้เกือบสี่ร้อยตำลึงเงิน
เมื่อเห็นจำนวนเงินเพิ่มมากขึ้น ทุกวันของกู้เสี่ยวหวานก็เหมือนกับวันปีใหม่ ไม่ต้องพูดถึงว่านางมีความสุขแค่ไหน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะหมดลง และอากาศก็เย็นลงทุกวัน
ในช่วงเวลานี้ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คนในครอบครัวมักจะพูดคุยกันลับหลังนางอย่างลึกลับ เมื่อกู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามกู้เสี่ยวอี้ กู้เสี่ยวอี้ก็แสร้งทำเป็นไร้เดียงสาและไม่กล่าวอะไร
ฉินเย่จือและกู้หนิงผิงก็ขับเกวียนวัวออกไปเป็นครั้งคราว และไม่รู้ว่าพวกเขาออกไปทำอะไร กู้เสี่ยวหวานคาดเดาไม่ออก ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงปล่อยมันไป
ในวันที่เก้าเดือนเก้า เทศกาลฉงหยาง*[1] กู้หนิงอันก็รีบกลับมาทันช่วงบ่าย
กู้เสี่ยวหวานสงสัยว่าพวกเขามีอะไรปิดบังนางหรือเปล่า นางจึงดึงฉินเย่จือมาคุย แต่ปากของชายผู้นี้ปิดแน่นและไม่ได้บอกอะไรกับนางแม้แต่สักนิด เพียงแค่หัวเราะ “เมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง”
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกหดหู่อย่างมาก นางทำหน้าบึ้ง และกล่าวอย่างหดหู่ “พวกเจ้ารู้ แต่ข้าไม่รู้ นี่เป็นการรังแกกันชัด ๆ!”
คำพูดของกู้เสี่ยวหวานนั้นดูออดอ้อน ปากมุ่ยของนางก็ดูน่ารักมาก ช่วงนี้นางกินอิ่มและนอนหลับสบาย ไม่มีเรื่องใดให้กังวล ใบหน้าของนางแดงก่ำ ดูน่ารักเป็นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่จือเห็นกู้เสี่ยวหวานทำตัวเป็นเด็กนิสัยเสีย ดวงตาของเขากะพริบและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยความไม่เชื่อ แต่ไม่รู้ว่ามันจะใช้เวลาสักพัก เมื่อเห็นเขามองตรงมาที่นาง กู้เสี่ยวหวานก็สะกิดเขาและกล่าวว่า “เฮ้ กลับมามีสติได้แล้ว”
ในที่สุดฉินเย่จือก็กลับมารู้สึกตัว ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงเล็กน้อย โชคดีที่ห้องค่อนข้างมืด มิฉะนั้นถ้ากู้เสี่ยวหวานเห็นมันก็คงจะล้อเขาอีกแน่
ช่วงนี้ผู้หญิงคนนี้ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ฉินเย่จือคิด
ฉินเย่จือเหลือบมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง สาวน้อยผู้นี้ถือว่าเป็นคนสวย แต่เขารู้สึกว่าการที่ถูกกู้เสี่ยวหวานเยาะเย้ย นั่นทำให้รู้สึกหดหู่เล็กน้อย และนางจะต้องได้รับมันคืนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
เขารีบตอบอย่างรวดเร็ว “เจ้าหน้าตาไม่ดีเช่นนี้ ข้าจะมองเจ้าไปทำไมกัน!”
ตอนที่กล่าวประโยคนี้ออกมา แม้แต่ฉินเย่จือก็ยังรู้สึกว่าคำพูดนั้นกำลังปกปิดอะไรบางอย่างอยู่
แต่กู้เสี่ยวหวานไม่คิดมากเช่นนั้น นางจ้องไปที่เขา “ข้าไม่ได้ดูดีเท่าเจ้า ข้ารู้”
หลังจากกล่าวจบ นางก็ไม่คุยกับฉินเย่จือแล้ว และกลับไปนอนในห้อง
ฉินเย่จือจึงได้แต่ยืนหดหู่อยู่ในครัวเพียงลำพัง
เมื่อสักครู่เขาไม่ได้หมายความว่ารูปลักษณ์ของนางดูไม่ดีจริง ๆ
ฉินเย่จือยิ้มอย่างขมขื่น
อาโม่ซึ่งอยู่ไม่ไกลเอามือก่ายหน้าผากและถอนหายใจ นายท่าน คนที่กล้าสังหารคนของราชสำนัก กลับขี้ขลาดเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว แต่ฉินเย่จือกลับพลิกตัวไปมาเพราะนอนอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขาทำได้เพียงค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์สลัวข้างนอกเพื่อเอาของที่ซ่อนอยู่ใต้หมอนออกมา
สิ่งที่ฉินเย่จือถืออยู่ในมือของเขาคือแหวนหยกที่กู้เสี่ยวหวานโยนกลับมาให้เขา
ในครั้งนี้ แหวนหยกถูกร้อยด้วยเชือกสีแดง ฉินเย่จือก็ลูบแหวนหยกนั้นและยิ้มอย่างมีความหมาย
หญิงสาวผู้นี้โยนแหวนหยกกลับมาให้เขาราวกับขยะ และยังบอกกับตนเองอีกว่าถ้าลำบากก็ให้นำแหวนหยกนี้ไปจำนำเสีย จะได้นำเงินมาใช้
แม้ว่ามันจะเป็นอดีตไปแล้ว แต่เมื่อฉินเย่จือคิดถึงเรื่องนี้ทีไรก็รู้สึกมีความสุขมาก
ฉินเย่จือเอียงศีรษะเพื่อมองดูคนที่นอนอยู่บนเตียง จากนั้นจึงเดินย่องเพื่อเอาแหวนหยกไปสวมไว้รอบคอของกู้เสี่ยวหวานอย่างเงียบเฉียบ
เมื่อมันถูกมัดอย่างแน่นหนาจนหญิงสาวดึงมันออกไม่ได้ ฉินเย่จือพอใจมาก มองอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง จึงพึมพำเบา ๆ “หน้าตาไม่ดีเลยจริง ๆ!”
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานพลิกตัว ฉินเย่จือก็กลัวว่านางจะตื่น เขาจึงรีบกลับไปที่เตียง พรุ่งนี้ยังมีงานสำคัญรออยู่ รีบนอนสักหน่อยดีกว่า
งานสำคัญและความลึกลับของทุกคนในช่วงเวลานี้ ในที่สุดกู้เสี่ยวหวานก็ได้รู้เมื่อตื่นขึ้นมา
วันที่สิบเดือนเก้า วันเกิดของนาง
กู้เสี่ยวหวานทั้งตกตะลึง ประหลาดใจ และมีความสุขเป็นอย่างมาก
หลังจากนางมาที่นี่ มันก็เลยวันเกิดของนางไปแล้ว
และในเวลานั้น ครอบครัวของนางลำบากแทบตาย แม้แต่ข้าวก็ยังกินไม่อิ่ม ผู้ใดจะมาจัดงานวันเกิดกันล่ะ
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานก่อนหน้านี้จะอายุสามสิบแล้ว แต่ทุกปีพ่อแม่ของนางก็ไม่เคยพลาดวันเกิดของนางเลย
แต่เมื่อมาที่โลกนี้ และเมื่อวันเกิดของนางมาถึง นอกจากกู้เสี่ยวหวานจะซาบซึ้งแล้วก็ยังรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
กู้หนิงอัน กู้หนิงผิง และกู้เสี่ยวอี้นำของขวัญที่เตรียมไว้ออกมา กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประทับใจมากจนอยากจะร้องไห้ ดวงตาของนางร้อนผ่าว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ดีเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานจะร้องไห้ไม่ได้ นางกะพริบตาเพื่อทำให้น้ำตาของนางไหลย้อนกลับไป และรับของขวัญมาอย่างมีความสุข “ขอบคุณพวกเจ้ามาก”
ในเวลานี้ ทุกคนมองไปที่ฉินเย่จือ และกู้หนิงผิงก็เปิดปากถาม “อาจารย์ ของของท่านอยู่ที่ไหน?”
กู้เสี่ยวหวานก็มองไปที่ฉินเย่จือและกะพริบตา
*[1] เทศกาลฉงหยาง หรือเทศกาลเก้าคู่ (ตรงกับวันที่ 9 เดือน 9 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน) เป็นวันผู้สูงอายุของประเทศจีน