ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 352 ฉวนโซ่วไปหอคณิกา
บทที่ 352 ฉวนโซ่วไปหอคณิกา
บทที่ 352 ฉวนโซ่วไปหอคณิกา
คำอุปมานี้เป็นจริงกันทุกประการ
ซุนซื่อยิ้มเห็นด้วยกับคำพูดของเลี่ยวซื่อ
“ทั้งคู่นอนแยกห้องกัน ฮูหยินกู้ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะความบาดหมางของสามีภรรยาคลี่คลายได้อย่างไร?” เลี่ยวซื่อกล่าวอย่างลึกลับ แม้ว่าจะเป็นคำถาม แต่ก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ในคำพูดของนาง
ใบหน้าของซุนซื่อขึ้นสีแดงก่ำ แม้ว่านางจะมีลูกถึงสองคนแล้ว แต่นางก็เขินเล็กน้อยเมื่อมีคนถามอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร!”
เลี่ยวซื่อพยักหน้าด้วยใบหน้าเบิกบานราวกับว่าเจ้าไม่รู้แต่ข้ารู้ และหัวใจของนางก็เต็มไปด้วยอิ่มเอม
นางเดินเข้าไปหาซุนซื่อ กดเสียงลงต่ำ เอนตัวเข้าไปที่หูของซุนซื่อและกระซิบแผ่วเบา “ฮูหยินกู้ ข้ามีเรื่องจะบอก แต่เจ้าต้องไม่ไปบอกใครอีก”
เมื่อเห็นท่าท่างมีลับลมคมในของเลี่ยวซื่อที่ดูเหมือนว่านางมีเรื่องใหญ่ต้องการบอกกล่าว ซุนซื่อจึงพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม บอกมาเถอะ!”
“ในตอนที่ข้าเข้าเมืองกับสามีเพื่อซื้อของ เดาสิว่าข้าเห็นอะไร?”
“เห็นอะไร?”
“ข้าเห็นกู้ฉวนโซ่วไปที่สถานที่พรรค์นั้น!” เลี่ยวซื่อเบิกตากว้างพลางกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ที่ใดกัน?” ซุนซื่อไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามกลับ
“โอ้ ที่แห่งนั้นมีหญิงมากมายที่รอให้ผู้ชายเข้าไปใช้เงิน!”
“เจ้าหมายถึงหอนางโลมใช่หรือไม่?” เมื่อซุนซื่อได้ยินสิ่งนี้ จู่ ๆ ระดับเสียงของนางก็เพิ่มมากขึ้น และมีสีหน้าประหลาดใจ
เลี่ยวซื่อรีบปิดปากของซุนซื่อและกระซิบ “ฮูหยินกู้ เบาเสียงหน่อย เบาเสียงหน่อย”
ตอนนี้มือของเลี่ยวซื่อกำลังถือเศษผ้าสกปรก เมื่อเห็นว่ามือนั้นกำลังปิดปากตนอยู่ ซุนซื่อพลันรู้สึกขยะแขยง
“เขาจะไปที่นั่นได้อย่างไร?” เสียงของซุนซื่อเบาลงเล็กน้อย หากแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความแปลกใจ นางนึกไม่ถึงว่ากู้ฉวนโซ่วจะไปที่นั่น “เจ้าจำคนผิดหรือเปล่า?”
“ในตอนแรกข้าก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อมองไปมองดูดี ๆ แล้วก็พบว่าคือกู้ฉวนโซ่วอยู่ดี!” เลี่ยวซื่อกล่าวอย่างหนักแน่น “เป็นกู้ฉวนโซ่วอย่างแน่นอน!”
เลี่ยวซื่อกล่าวอย่างมั่นใจ จนซุนซื่อต้องยอมเชื่อ
อย่างไรก็ตาม นางอยากรู้เป็นอย่างมากว่ากู้ฉวนโซ่วจะไปที่พรรค์นั้นได้อย่างไร
นางได้ยินกู้ซุ่นสีบอกว่าพ่อของเขาไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว เขาไปไหนกัน?
ที่แท้ก็ไปที่หอนางโลมหรอกหรือ?
“เจ้าเคยบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่?” ซุนซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญ ถ้ากู้ฉวนโซ่วไปที่หอนางโลมจริง ๆ เช่นนั้นศีลธรรมของเขาคงมีปัญหา ถ้าพวกเขาจับเรื่องนี้ได้คาหนังคาเขา เรื่องนี้ก็จะจัดการได้ง่ายขึ้น
“ไม่ ข้าจะกล้าพูดออกมาได้อย่างไร!” เลี่ยวซื่อมีสีหน้าหดหู่ราวกับว่าการที่เก็บเรื่องใหญ่เช่นนี้ไว้ในใจ มันน่าอึดอัดจริง ๆ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ห้ามพูดเรื่องนี้ออกไป ถ้าพูดไป ชื่อเสียงของกู้ฉวนโซ่วจะเสื่อมเสีย” ซุนซื่อเตือน “พวกเราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน และกู้ฉวนโซ่วก็คือน้องชายของข้า หากเรื่องนี้เป็นปัญหาสำหรับเลี่ยวซื่อ ข้าก็จะจบมันที่นี่”
เมื่อเลี่ยวซื่อได้ยิน นางก็ลูบมือซุนซื่อและกล่าวว่า “ฮูหยินกู้ เจ้าเป็นคนใจดีจริง ๆ! การที่เฉาซื่อมีพี่สะใภ้เช่นเจ้า มันราวกับพรจากสวรรค์”
ดวงตาของซุนซื่อมืดมนและไม่ชัดเจน ใจจริงของนางหมายความถึงสิ่งนี้ที่ไหนกัน
นางกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่น และกู้ฉวนโซ่วก็ระวังตัวมากขึ้น สิ่งที่เลี่ยวซื่อกล่าวในตอนนี้เป็นเพียงแค่ลมปาก หากพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ถึงเวลานั้นเมื่อกู้ฉวนโซ่วได้รับรู้ถึงข่าวลือแล้วเขาไม่ยอมรับ นั่นจะไม่เป็นการพลาดโอกาสสำคัญหรอกหรือ!
ซุนซื่อแอบดีใจ และเหลือบมองเลี่ยวซื่อ คิดในใจว่าจะปิดปากเลี่ยวซื่อและบอกนางว่าอย่ากล่าวเรื่องไร้สาระเช่นนี้ข้างนอก หากกล่าวออกไปแล้วทำให้นางพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไร
สตรีสองคนใช้เวลาทั้งเช้าในการทำความสะอาด เมื่อทำความสะอาดปีกฝั่งตะวันตกเสร็จแล้ว เลี่ยวซื่อก็ได้รับค่าจ้างเป็นเงินยี่สิบเหรียญ และซุนซื่อก็ให้เงินเพิ่มอีกสิบเหรียญเป็นค่าปิดปาก
เมื่อเลี่ยวซื่อได้รับเงิน นางก็จากไปด้วยความสำนึกบุญคุณ โดยบอกว่าจะปล่อยให้เรื่องนี้เน่าอยู่ภายในท้องของนางอย่างแน่นอน ในตอนท้ายก็ไม่ลืมกล่าวยกย่องซุนซื่อว่าเป็นพี่สะใภ้ที่ดีอีกครั้ง
ซุนซื่อหันกลับมาและเห็นกู้ซุ่นสียืนอยู่ข้างหลัง และมองดูตนเองอย่างกระตือรือร้น “ท่านป้าใหญ่ ข้าหิวแล้ว”
ซุนซื่อจ้องเขม็ง “หิวก็ไปหาแม่เจ้าสิ!” กู้ซุ่นสีไม่คิดว่าซุนซื่อจะโหดร้ายถึงขนาดนี้ เขาจึงร้องไห้ออกมา แต่ซุนซื่อก็ไม่สนใจเขาเช่นเดิม และเดินเข้าไปในปีกฝั่งตะวันตก และปิดประตูกระแทกเสียงดัง
กู้ซุ่นสีคร่ำครวญ แต่เป็นเพราะเขาหิวมากและไม่มีเรี่ยวแรง แม้แต่เสียงร้องไห้ก็เหมือนเบาเหมือนเสียงยุง
ซุนซื่อมองไปรอบ ๆ อย่างพึงพอใจ
กู้ซินเถาเดินเตร่อยู่ข้างนอก เมื่อนางเข้ามาถึงหมู่บ้าน นางก็ลอบมองอย่างระมัดระวัง บางคนที่เคยเล่นกับนางในอดีตเท่านั้นที่เห็นว่านางกลับมา ทั้งหมดวิ่งมาล้อมรอบกู้ซินเถา เด็กหญิงมองดูเสื้อผ้าที่หยาบกร้านของพวกเขา และมองกลับมาที่เสื้อผ้าบนร่างกายและเครื่องประดับผมบนศีรษะของเองด้วยความชื่นชม และรู้สึกภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
“ซินเถา เสื้อผ้าสีชมพูของเจ้าสวยมาก”
“ใช่แล้ว เจ้าดูสิ มีงานปักที่แขนเสื้อและชายกระโปรง มันคือดอกท้อ!”
“ซินเถา ปิ่นปักผมสีทองบนหัวของเจ้าสวยมาก เกรงว่าคงจะเสียเงินซื้อไปมาก!”
“แม่ของข้าก็มีเช่นกัน แต่มันไม่หนักขนาดนั้น มันมีขนาดใหญ่มาก แม่ของข้ายังบอกด้วยว่าเมื่อข้าแต่งงาน นางจะมอบให้ข้าเป็นสินสอดทองหมั้น”
“…”
ทุกคนต่างส่งเสียงพูดคุยจอแจ ในน้ำเสียงนั้นล้วนมีแต่ความอิจฉาริษยาอย่างสุดจะพรรณนา ชื่นชมกู้ซินเถาบางคำเป็นครั้งคราว เมื่อเผชิญหน้ากับคำเยินยอของทุกคน นางก็ราวกับได้รับชัยชนะ
“ข้าขอถามพวกเจ้าหน่อยว่าในบ้านของกู้เสี่ยวหวานมีใครมาอยู่ใหม่อย่างนั้นหรือ?” กู้ซินเถาเอ่ยถาม
ครั้นเด็กหญิงข้างกายนางได้ยิน ดวงตาของนางก็เป็นประกาย “ซินเถา เจ้าคงยังไม่รู้สินะว่าในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมีคนมาอยู่เพิ่ม”
“โอ้? เขาเข้าไปอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร?” เมื่อกู้ซินเถาได้ยินดังนั้น ดูเหมือนว่าชายผู้นั้นจะเป็นคนในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวาน แต่เขามาอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร?
“กู้เสี่ยวหวานบอกว่าคนผู้นั้นไปที่บ้านของนางเพื่อขออาหาร หลังจากให้ข้าวแก่เขา ก็พบว่าคนผู้นั้นไม่มีที่ให้ไป เมื่อเห็นว่าเขาน่าสงสาร กู้เสี่ยวหวานจึงให้เขาเข้ามาอยู่ด้วย”
“ว่าอย่างไรนะ?” กู้ซินเถากำผ้าเช็ดหน้าในมือของนางแน่น เมื่อได้ยินว่าชายผู้นั้นมาขออาหาร แววตาของนางก็ฉายชัดถึงความรังเกียจ “มาขอข้าวอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเขาแตกแยกและเร่ร่อนมา”
เขาเป็นคนที่น่าสงสารหรอกหรือนี่!