ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 373 ทำโคมไฟ
บทที่ 373 ทำโคมไฟ
บทที่ 373 ทำโคมไฟ
เรื่องราวของเฉาซื่อจบลงแล้ว
หลังจากที่กู้ฉวนลู่และคนอื่น ๆ กลับมา พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ทันที และทั้งสองก็ต่างมองหน้ากันราวกับว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“สามี…” ซุนซื่อเอ่ยขึ้น และมองกู้ฉวนลู่ด้วยความกังวล
นางไม่คาดคิดว่าเฉาซื่อจะมีความคิดนี้เช่นกัน
“หึ เฉาซื่อเป็นคนไร้สมอง ไปวุ่นวายกับชาวบ้านชาวช่องและไม่รู้จักระมัดระวัง คนเช่นนี้ไม่ควรพูดถึง” กู้ฉวนลู่ไม่เห็นเฉาซื่ออยู่ในสายตาเลย คนประเภทนี้มาที่ประตูและร้องขอให้คนอื่นให้เงินนาง ช่างงี่เง่าเสียจริง!
ซุนซื่อก็พยักหน้าและตอบรับ “เรื่องเหมียวเอ้อร์เป็นอย่างไร?”
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันจะผ่านช่วงปีใหม่แล้วไม่ใช่หรือ?” กู้ฉวนลู่ยิ้ม “ปล่อยให้นางตายใจไปสักสองสามวันก่อน! ถึงคราวนี้นางจะต้องสารภาพผิด ในเวลานั้น หากไม่มีกู้เสี่ยวหวาน ก็จะเหลือเพียงพี่น้องกู้หนิงอันเท่านั้น พวกเขาไม่ควรค่าแก่การพูดถึง”
“สามี แต่ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานรับใครสักคนเข้ามา!” จู่ ๆ ซุนซื่อก็จำอะไรบางอย่างได้และกล่าวขึ้น
“ข้าก็ได้ยินมาเช่นกัน ไม่เป็นไร เป็นแค่ขอทานยากจน เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้เงินและไล่มันไป” กู้ฉวนลู่โบกมือของเขา เมื่อสักครู่เพิ่งกลับมาจากในเมือง ได้หาพยานและเตรียมคำให้การแล้ว รอให้ผ่านช่วงปีใหม่ไปแล้วดำเนินการทันที
เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของกู้ฉวนลู่ ซุนซื่อก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก
กู้เสี่ยวหวาน ข้าจะให้เจ้าตายใจไปสักสองสามวันก่อน และในอีกไม่กี่วันข้าจะให้เจ้าลิ้มรสรสชาติของการติดคุก
รสชาติของคุก ฮ่า ๆ เจ้าเป็นเพียงแค่เด็กหญิง มาดูกันสิว่าเจ้าจะรอดออกมาได้หรือไม่
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซุนซื่อก็รู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง และเมื่อนางกลับมารู้สึกตัวก็เห็นกู้ฉวนลู่หันหลังให้กับนางอยู่ เขาจึงไม่ได้เห็นท่าทีของนางในตอนนี้ ดังนั้นนางจึงโล่งใจ
หลังจากเรื่องของเฉาซื่อผ่านไป กู้เสี่ยวหวานก็ถือว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระและไม่สนใจมันอีกต่อไป
กิน ดื่ม เล่น และสนุกได้ทั้งวัน ฝึกคัดลายมือ อ่านหนังสือ ครอบครัวทำกิจกรรมสนุกสนานร่วมกันในบ้าน ไม่ต้องพูดถึงว่ามันอบอุ่นแค่ไหน
ในวันก่อนเทศกาลหยวนเซียว สวีเฉิงเจ๋อมาถึงบ้านของกู้เสี่ยวหวานอย่างไม่คาดคิด
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจที่เห็นสวีเฉิงเจ๋อ
“ท่านพี่ อาจารย์สวีมาแล้ว” กู้หนิงผิงที่กำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ข้างนอก และเมื่อเขาเห็นสวีเฉิงเจ๋อลงจากรถม้า เขาก็ตะโกนออกมาเสียงดัง
กู้เสี่ยวหวานกำลังฝึกคัดลายมือ นางจึงวางพู่กันลงทันทีที่ได้ยินมัน นางหมุนกายและเดินออกไปด้านนอก
ฉินเย่จือซึ่งอยู่ข้างหลังก็รีบวางพู่กันลงและออกไปกับนาง เขารู้สึกเจ็บใจอยู่เล็กน้อย เมื่อคนผู้นี้มาเยือน นางวิ่งออกไปเร็วมาก!
“พี่เฉิงเจ๋อ…” ครั้นนางเห็นสวีเฉิงเจ๋อก็ร้องเรียกทันที
สวีเฉิงเจ๋อพยักหน้าเรียกกู้เสี่ยวหวานด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้เป็นเทศกาลหยวนเซียว จะมีเทศกาลโคมไฟในเมือง และหลายคนจะออกมาชื่นชมโคมไฟ เสี่ยวหวาน เจ้าต้องการไปดูหรือไม่?” หลังจากกล่าวจบ เขาก็มองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างคาดหวังราวกับว่ารอคอยให้กู้เสี่ยวหวานตอบตกลง
เทศกาลโคมไฟ? เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางก็แสดงท่าทางมีความสุขทันที
เทศกาลหยวนเซียว เป็นวันสุดท้ายในการฉลองเทศกาลปีใหม่ หลังจากวันนี้ ทุกคนจะเริ่มเร่งรีบในการใช้ชีวิตอีกครั้ง ดังนั้นในวันนี้ผู้คนจึงเลือกออกมาสนุกกัน
ในคืนเทศกาลหยวนเซียว ร้านค้าทั้งหมดในเมืองหลิวเจียจะถูกประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสีและโคมไฟสีแดงที่สวยงาม ในวันนี้ คนในเมืองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวธรรมดาหรือไม่ก็จะออกมาสนุกกัน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหมู่บ้านอู๋ซีอยู่ไกลจากเมืองหลิวเจีย ผู้คนในหมู่บ้านจึงไม่ไปชื่นชมโคมไฟ เพราะอากาศข้างนอกบ้านหนาวมาก และใช้เวลาในการเดินทางมากเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานใจเต้นเล็กน้อย นางไม่เคยไปเทศกาลโคมไฟโบราณนี้มาก่อน กู้เสี่ยวหวานพร้อมที่จะไป แต่นางก็กังวลเล็กน้อย เพราะในตอนนั้นทั้งเมืองคงจะแออัดมาก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเด็ก ๆ เหล่านี้หลงทาง!
สวีเฉิงเจ๋อดูเหมือนจะรับรู้ถึงความกังวลของกู้เสี่ยวหวาน จึงตบหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “เสี่ยวหวาน ไม่ต้องกังวล ในตอนนั้นข้าจะเรียกคนใช้อีกสองสามคน แต่ละคนดูแลเด็กคนเดียว พวกเขาจะไม่หลงทางแน่ ดังนั้นเจ้าไม่กังวล”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินว่าสวีเฉิงเจ๋อจัดการให้แล้ว จากนั้นมองไปที่พวกกู้หนิงอัน พวกเขาทั้งหมดจ้องมองมาที่นางอย่างมีความหวัง ดูเหมือนว่าเด็กเหล่านี้อยากจะไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นนางจึงพยักหน้า “ตกลง งั้นไปพรุ่งนี้กันเถอะ!”
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานเห็นด้วย ทุกคนในบ้านก็เริ่มตื่นเต้น
สวีเฉิงเจ๋อมีความสุขมาก เขาโบกมือแล้วกล่าวว่า “เยี่ยมมาก ข้านำวัสดุในการทำโคมไฟมาด้วย พวกเรามาทำโคมไฟด้วยกันเถอะ!”
หลังจากกล่าวจบ เขาขอให้คนใช้นำของที่เตรียมมาลงจากรถม้า
เมื่อสวีเฉิงเจ๋อขอให้คนใช้ซื้อวัสดุทำโคมไฟ พวกคนใช้จึงรู้สึกแปลกเล็กน้อยและคิดว่าเขาได้ยินมาผิด
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปรอบ ๆ ครึ่งหนึ่งของเมืองหลิวเจีย และในที่สุดก็หยิบโคมไฟที่มีเอกลักษณ์และสวยงามขึ้นมา เดิมทีคิดว่าเมื่อซื้อมันกลับบ้าน นายน้อยจะต้องกล่าวชมเชย แต่ไม่ได้คาดคิดว่าสวีเฉิงเจ๋อจะด่าตนเองไปยกหนึ่ง
คนรับใช้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปซื้อสิ่งที่อาจใช้ทำโคมได้ และไปที่ร้านเพื่อซื้อทุกสิ่งสำหรับทำโคม เช่น เทียน ผ้าไหม ไม้ไผ่ และอื่น ๆ
เมื่อเด็ก ๆ ได้ยินว่าพวกเขากำลังจะทำโคมไฟ ทุกคนก็ตื่นเต้น วางสิ่งของลง และรวมตัวกันรอบ ๆ สวีเฉิงเจ๋อ
กู้หนิงอันและคนอื่น ๆ เคยเห็นแต่โคมไฟเท่านั้น และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินเกี่ยวกับการทำโคมไฟ
ในชีวิตก่อนหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ทุกปีในช่วงเทศกาลโคมไฟ ปู่และย่าจะทำโคมม้าวิ่ง*[1] ให้นาง จากนั้นพานางไปที่ถนนเพื่อชมการเชิดมังกรและสิงโต
เพราะในโลกก่อนหน้า โคมไฟทำมือชนิดนี้หายาก ดังนั้นทุกปีโคมไฟในมือของกู้เสี่ยวหวานจึงสวยงามและสะดุดตากว่าโคมไฟที่นำเข้ามาจากภายนอกที่มีราคาสูง
คราวนี้เมื่อสวีเฉิงเจ๋อบอกว่าเขาต้องการทำโคมไฟ นางจึงกระตือรือร้นที่จะลองทำ
ทุกคนในห้องตื่นเต้นมาก แต่ฉินเย่จือไม่ค่อยมีความสุขนัก เมื่อเห็นทุกคนไปอยู่รอบ ๆ สวีเฉิงเจ๋อและดูเขาทำโคมไฟ ฉินเย่จือก็รู้สึกเบื่อเล็กน้อย
สวีเฉิงเจ๋อใช้ไม้ไผ่สองสามแท่งและกระดาษสีสองสามแผ่น หลังจากที่สวีเฉิงเจ๋อทำเสร็จ โคมมังกรที่สวยงามก็ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
*[1] โคมม้าวิ่ง เป็นโคมไฟที่มีลักษณะพิเศษ ตรงกลางภายในโคมจะมีแกนขนาดเล็ก บนตัวแกนติดภาพกระดาษซึ่งมักจะตัดเป็นรูปคนขี่ม้า ด้านบนของแกนคือกระดาษที่ตัดเป็นรูปกังหัน เมื่อจุดเทียนไขภายในโคมไฟ ไอร้อนจะดันให้กังหันหมุน ชักนำให้แกนที่ติดกระดาษตัดเป็นรูปคนขี่ม้าหมุนไปด้วย และแสงจากเปลวเทียนจะส่องกระดาษตัดเหล่านี้ให้เกิดเป็นเงาทาบบนกระดาษบุรอบตัวโคม โดยเงานี้จะวิ่งหมุนวนไปเรื่อยๆ และเนื่องจากบนโคมบุกระดาษมักจะวาดเป็นรูปคนขี่ม้า เมื่อกระดาษตัดภายในโคมไฟวิ่งหมุน จึงดูเหมือนรูปคนขี่ม้าบนโคมบุกระดาษกำลังวิ่งไล่กันเป็นวงกลม จึงได้เรียกชื่อโคมชนิดนี้ว่า “โคมม้าวิ่ง”