ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 375 ชวนฉือโถวไปร่วมเทศกาล
บทที่ 375 ชวนฉือโถวไปร่วมเทศกาล
บทที่ 375 ชวนฉือโถวไปร่วมเทศกาล
เมื่อหันศีรษะไปก็เห็นฉินเย่จือยืนอยู่ไม่ไกลและมองดูตนเองด้วยท่าทางที่มีความหมาย กู้เสี่ยวหวานคิดว่ามีบางอย่างติดอยู่บนใบหน้าของนาง ดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือไปลูบใบหน้า แต่ใบหน้าของนางสะอาดและไม่มีสิ่งใดติดอยู่
“เหตุใดเจ้าถึงมองมาที่ข้ากัน?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกผิด ทุกครั้งที่นางมองไปที่ฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานก็มักจะรู้สึกว่าคนผู้นี้เข้าใจทุกอย่าง หรือเขาพบว่าเมื่อสักครู่นางโกหกหรือ? โคมไฟนี้ที่จริงแล้วปู่เป็นคนสอน ไม่ใช่พ่อของข้าสอน!
“โคมไฟนี้พ่อเจ้าสอนมาหรือ?” ฉินเย่จือเอ่ยปากถาม
เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือถามคำถามนี้จริง ๆ กู้เสี่ยวหวานก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า “ใช่ ท่านพ่อของข้าเป็นคนสอน!”
ฉินเย่จือไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “โคมนี้เป็นของหายาก ถ้าพ่อของเจ้ารู้วิธีทำ เหตุใดเจ้าไม่ทำโคมไฟเพื่อหาเงินล่ะ? ถ้าโคมไฟนี้ขายในตลาด เกรงว่าขายราคาสิบตำลึงเงินก็คงจะมีคนซื้อ!” เมื่อครู่สาวน้อยผู้นี้บอกกับทุกคนว่าเป็นพ่อของนางเป็นคนสอน แม้แต่ฉินเย่จือก็เชื่อสนิท แต่หลังจากคิดดูแล้ว เขารู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
แม้แต่ราชครูในวังยังสร้างโคมแบบนี้ไม่ได้ แล้วคนชนบทจะทำได้อย่างไร?
ด้วยทักษะดังกล่าว เหตุใดเขาไม่ใช้มันเพื่อหาเงินมาล่ะ? ฉินเย่จือมีข้อสงสัยบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงขวางกู้เสี่ยวหวานอยู่หน้าประตูเพื่อต้องการถามให้ชัดเจน
ถ้ากู้เสี่ยวหวานบอกความจริงกับเขา บางทีคนผู้นี้อาจจะปฏิบัติกับนางเหมือนสัตว์ประหลาด
อย่างไรก็ตาม นางยังต้องเก็บความลับนี้จากคนเหล่านี้ กู้เสี่ยวหวานจึงจำต้องโกหกต่อไป “สิ่งนี้หายากจริง ๆ แค่วัสดุสำหรับทำโคมไฟก็มีราคาหลายตำลึงเงินแล้ว ในเวลานั้น ท่านพ่อของข้ากังวลเกี่ยวกับเงินค่าอาหาร แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อวัสดุ หากขายดีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าขายไม่ดีท่านพ่อก็คงจะรู้สึกผิด”
กู้เสี่ยวหวานบอกว่ากู้ฉวนฟู่เป็นคนทำ อย่างไรก็ตาม คนที่เกี่ยวข้องได้เสียชีวิตลงแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่ฉินเย่จือต้องการที่จะขุดเขาขึ้นมาแล้วสอบสวนเขาอย่างละเอียด เมื่อเห็นท่าทางยืนกรานของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็อดหัวเราะไม่ได้ เด็กหญิงผู้นี้รู้อย่างแน่นอนว่าตนเองคงจะไปถามกู้ฉวนฟู่ไม่ได้
มีสิ่งแปลกประหลาดมากมายในจิตใจของเด็กหญิงคนนี้ และบางครั้ง แม้แต่ฉินเย่จือก็ถอนหายใจกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ฉินเย่จือคิดเกี่ยวกับมันอีกครั้ง และมันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ความคิดของฉินเย่จือเปลี่ยนไป รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ กู้เสี่ยวหวานคิดว่าอีกฝ่ายคงจะไม่พูดอะไรอีก หากแต่ฉินเย่จือกลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง “โคมไฟสวยมาก” ดวงตาของเขาเป็นประกาย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกว่า จู่ ๆ หัวใจของนางก็กระตุก
“เสี่ยวหวาน…” ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็เห็นฉือโถวกำลังยืนอยู่พร้อมกับตะกร้าในมือ ไม่รู้ว่าเขามานานแค่ไหนแล้ว กู้เสี่ยวหวานรีบลืมความรู้สึกบางอย่างเมื่อสักครู่ และเดินเข้าไปหาฉือโถวทันที นางยิ้มและกล่าวว่า “พี่ฉือโถว ทำไมท่านถึงมาที่นี่?”
“ท่านแม่ของข้าบอกว่าพรุ่งนี้เป็นเทศกาลโคมไฟ ที่บ้านเลยทำเกี๊ยวและขอให้ข้าเอามาให้!” หลังจากกล่าวจบ เขาก็ยื่นตะกร้าในมือให้กู้เสี่ยวหวาน
กู้เสี่ยวหวานกล่าวขอบคุณและรับตะกร้ามา นางขอให้ฉือโถวรอสักครู่ก่อนจะเข้าไปในครัว
ฉินเย่จือก็ตามนางเข้าไป
กู้เสี่ยวหวานหยิบเกี๊ยวออกมาจากตะกร้าไม้ไผ่ เมื่อนางเห็นฉินเย่จือเข้ามา จึงรีบเรียกเขาเข้ามาช่วย
นางหยิบตะกร้าไม้ไผ่ที่บรรจุปลาตากแห้งกับเนื้อแดดเดียวออกมา และวางแผนที่จะใส่ลงในตะกร้าของป้าจางในภายหลัง
“ท่านพี่ พรุ่งนี้เราไปดูเทศกาลโคมไฟ เหตุใดพี่ไม่ให้พี่ฉือโถวไปที่นั่นด้วยกันล่ะ!” กู้เสี่ยวอี้ปรากฏตัวขึ้นจากด้านนอกและกล่าวอย่างจริงจัง
กู้เสี่ยวหวานตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วหันไปหัวเราะ “เช่นนั้นก็ได้ เหตุใดข้าคิดไม่ถึงเรื่องนี้กัน เมื่อมีคนมากขึ้นก็มีชีวิตชีวามากขึ้น และเราสามารถดูแลกันและกันได้ เกรงว่าพี่ฉือโถก็คงจะไม่เคยไปดูเทศกาลโคมไฟเช่นกัน พรุ่งนี้ถ้าไปด้วยกันก็คงจะคึกคักน่าดู”
กู้เสี่ยวอี้ยิ้มอย่างมีความสุขและวิ่งออกไป
เกี๊ยวถูกหยิบออกมา กู้เสี่ยวหวานจึงใส่ของที่เตรียมไว้ลงในตะกร้า แล้วเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม นางเห็นกู้เสี่ยวอี้กำลังแสดงโคมไฟที่อยู่ในมือให้ฉือโถวดู
“พี่ฉือโถว นี่คือโคมที่พี่เฉิงเจ๋อทำ ท่านคิดว่ามันดูดีหรือไม่?” กู้เสี่ยวอี้ชี้ไปที่ตะเกียงแล้วกล่าวว่า “พี่สาวของข้าก็ทำโคมไฟที่สวยงามกว่านี้ด้วย แต่พี่เฉิงเจ๋อนำมันไปแล้ว เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้พวกเราไปเทศกาลโคมไฟด้วยกัน แล้วท่านก็จะได้เห็นโคมไฟที่พี่สาวของข้าทำเป็นครั้งแรก!”
ฉือโถวส่ายศีรษะและกล่าวว่า “เสี่ยวอี้ ข้าไม่ไปหรอก”
เมื่อเห็นการปฏิเสธของฉือโถว กู้เสี่ยวอี้ก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย กู้เสี่ยวหวานที่เพิ่งออกมาจึงกล่าวว่า “พี่ฉือโถว พรุ่งนี้เราจะไปในเมืองเพื่อดูโคมไฟ ท่านไปกับพวกเราเถอะ!”
“ข้า…” ฉือโถวไม่กล่าวอะไรและรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
กู้เสี่ยวอี้ดึงแขนเสื้อของฉือโถวและเขย่ามันไม่หยุด ไม่ต้องพูดถึงว่ามันน่ารักแค่ไหน “พี่ฉือโถว ไปด้วยกันไหม พรุ่งนี้ข้าจะเอาโคมที่สวยที่สุดของข้าให้ท่านเลย”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่ามีโคมที่สวยงามมากมายในเทศกาลโคมไฟนี้ พวกเราทั้งหมดล้วนไม่เคยเห็นมาก่อน พรุ่งนี้ไปดูด้วยกันเถอะ” กู้เสี่ยวหวานชวน “ถ้าไปด้วยกัน ท่านก็สามารถช่วยข้าดูแลลูกลิงเหล่านี้ได้!”
เมื่อกู้เสี่ยวอี้ได้ยินพี่สาวของนางเปรียบเทียบพวกตนกับลูกลิง นางจึงแลบลิ้นและทำหน้าเยาะเย้ยพี่สาว เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางที่มีชีวิตชีวาของเสี่ยวอี้ก็รู้สึกว่านางน่ารักมาก!
ฉือโถวใจเต้นเล็กน้อย เขาไม่เคยเห็นเทศกาลโคมไฟในเมืองมาก่อน ยิ่งกว่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เสี่ยวหวานกล่าวว่าตนเองสามารถช่วยได้นิดหน่อย หลังจากคิดเกี่ยวกับมันแล้ว เขาก็พูดว่า “ตกลง”
เมื่อเห็นว่าฉือโถวตกลง ทุกคนก็มีความสุขและตกลงเวลาที่จะไปในเมืองวันพรุ่งนี้ กู้เสี่ยวหวานมอบตะกร้าในมือให้ฉือโถว และห่อด้วยผ้าสะอาดเหมือนในตอนแรกที่นางได้รับมา
ฉือโถวรับไป ตะกร้าในมือค่อนข้างหนัก เขาจึงรีบเปิดผ้าขึ้นมาดู ปลาแห้ง เนื้อแดดเดียว เขาแทบอยากจะคืนตะกร้าให้กู้เสี่ยวหวาน แล้วกล่าวว่า “เสี่ยวหวาน เจ้ากำลังทำอะไร! คราวที่แล้วที่เจ้าเอาไปให้ ครอบครัวเรายังกินไม่หมดเลย!”
“พี่ฉือโถวรับไปเถอะ ในบ้านข้ายังมีอีกมาก!” กู้เสี่ยวหวานไม่ยอมให้ฉือโถวปฏิเสธ ฉือโถวที่หมดหนทาง ดังนั้นจึงทำได้แค่รับมันและกลับบ้านไป
เมื่อคิดเรื่องที่จะไปเทศกาลหยวนเซียวในวันพรุ่งนี้ ยกเว้นฉินเย่จือผู้ซึ่งเงียบขรึมมาตลอด ทุกคนต่างยิ้มแย้มและตั้งตารอเทศกาลหยวนเซียวที่กำลังจะมาถึง