ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 401 ชุนเจียวหายไป
บทที่ 401 ชุนเจียวหายไป
บทที่ 401 ชุนเจียวหายไป
“หึ…” กู้เสี่ยวหวานทำหน้าบูดบึ้งและไม่ปิดบังอีกต่อไป นางมีสีหน้าไม่พอใจ “ข้าเกลียดกู้จือเหวิน!”
“เช่นนั้นเจ้าจึงไม่พอใจอย่างมากที่สวีเฉิงเจ๋ออนุญาตให้กู้จือเหวินกลับมาเรียนใช่หรือไม่!”
“ใช่!” กู้เสี่ยวหวานตอบอย่างขุ่นเคือง และไม่ปิดบังว่านางไม่ชอบกู้จือเหวินอีกต่อไป
ฉินเย่จือมองย้อนกลับไป และเห็นกู้เสี่ยวหวานทำหน้าบึ้งเหมือนเด็ก และความไม่พอใจก็เขียนอยู่บนใบหน้าของนาง
เอาแต่ใจเหมือนเด็ก
ไม่สิ เดิมทีนางยังเป็นเด็ก เพราะในวันธรรมดา นางมักจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ และเป็นเรื่องยากที่จะเห็นนางแสดงท่าทีอวดดีเหมือนเด็กสาวอย่างในวันนี้ ใบหน้าที่บอบบางถึงแม้จะดูบึ้งตึง แต่ก็งดงามและมีความเปล่งประกายอย่างยิ่งในตัวเอง ฉินเย่จือคิดอะไรบางอย่างได้ เขาก้มศีรษะลงและยิ้มเบา ๆ จากนั้นหันหลังกลับไปและขับเกวียนวัวอย่างระมัดระวัง
“กู้จือเหวินเป็นคนใจแคบและกลับกลอก ซึ่งไม่น่ายินดีนัก แต่สวีเฉิงเจ๋อก็อาจมีเหตุผลของเขาเช่นกัน!” ฉินเย่จือกล่าว “กู้จือเหวินยังเด็กอยู่ สวีเฉิงเจ๋อคงคิดว่า ในอนาคตเขาอาจจะปรับปรุงตัวเองได้”
“ปรับปรุงตัวเอง?” กู้เสี่ยวหวานพ่นลมอย่างเย็นชา ไม่ใช่เพราะนางไม่เชื่อกู้จือเหวิน แต่เพราะกู้จือเหวินไม่น่าเชื่อถือ ครอบครัวนี้เริ่มตั้งแต่กู้ฉวนลู่ ซุนซื่อ กู้ซินเถา ไปจนถึงกู้จือเหวิน ทุกคนต่างคิดว่าครอบครัวกู้เสี่ยวหวานติดหนี้พวกเขา
มีอะไรที่วิ่งเร็วกว่ากระต่าย แต่เมื่อเห็นว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานร่ำรวยขึ้นมาก็วิ่งเข้าใส่ และมาเอาผลประโยชน์อย่างไร้ยางอาย กู้ซินเถา ในตอนเด็กนางก็โหดเหี้ยมพอที่จะผลักลูกพี่ลูกน้องของนางลงไปในแม่น้ำอย่างไร้ความปรานี ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ซินเถา กู้เสี่ยวหวานตัวจริงก็คงไม่ตาย
แม้ว่านางจะมาแทนที่กู้เสี่ยวหวานที่ตายไปแล้ว แต่มันก็เป็นหนึ่งชีวิต! ถ้ากู้เสี่ยวหวานตายจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับน้องทั้งสามคนล่ะ? แล้วถ้านางไม่มาแทน เกรงว่าเด็กเหล่านี้คงจะอดตาย ถูกแช่แข็งจนตาย หรือไม่ก็ถูกรังแกจนตาย
กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่คนที่จะตอบโต้ แต่ใครดีต่อนางหรือไม่ดีต่อนาง นางแยกพวกเขาไว้อย่างชัดเจน และหัวใจของนางก็เหมือนกับกระจก*[1]
นางไม่ชอบกู้จือเหวิน เมื่อเห็นว่ากู้จือเหวินเคยทำร้ายกู้หนิงอัน ในใจของนางก็รู้สึกแย่ กู้ซินเถาอาจเลวร้ายมากพอจนผลักตนลงไปในแม่น้ำในฤดูหนาวได้ แต่ใครจะรู้ว่ากู้จือเหวินจะทำเรื่องสกปรกอะไรบ้าง
กู้เสี่ยวหวานต้องการเตือนกู้หนิงอัน และอยากขอให้สวีเฉิงเจ๋อจับตาดูกู้จือเหวินเอาไว้
ฉินเย่จือหันมองกลับไป เขาเห็นความกังวลและความกลัวบนใบหน้าของกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นเขาจึงรีบปลอบ “เสี่ยวหวาน อย่าได้กังวลไปเลย”
กู้เสี่ยวหวานจะไม่กังวลได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ทำให้กู้จือเหวินโกรธเสียแล้ว
กู้จือเหวินนั้นจะกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน และกู้ฉวนลู่จะไม่ปล่อยนางไปอย่างแน่นอน แต่หากกู้จือเหวินออกจากสำนักศึกษาจริง ๆ กู้หนิงอันก็จะไม่ต้องกังวลเลย
นางมีฉินเย่จือ นางจึงไม่กลัว!
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวหวานก็นึกถึงประโยคนั้นพลางมองไปที่แผ่นหลังกว้างที่ดูแข็งแกร่งของคนตรงหน้า และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ในใจนางไม่พอใจสวีเฉิงเจ๋อ เนื่องจากเขาได้ไล่กู้จือเหวินออกไปแล้ว เหตุใดถึงยอมให้เขากลับมาเรียนต่อ
อย่างไรก็ตาม ความขุ่นเคืองก็คือความขุ่นเคือง และรู้สึกแย่เล็กน้อยกับบทสนทนาที่เย็นชาของนางกับสวีเฉิงเจ๋อในวันนี้
อันที่จริง นางไม่ควรเย็นชาต่อสวีเฉิงเจ๋อมากนัก
ท่าทางผิดหวังของสวีเฉิงเจ๋อ แน่นอนว่าเขาคงรู้สึกถึงความห่างเหินของนางได้แล้ว
เรื่องนี้สวีเฉิงเจ๋อไม่ได้ทำอะไรผิด
กู้จือเหวินเป็นลูกศิษย์ของเขา และเขาต้องไม่ทำสิ่งโหดร้ายเช่นนี้เพื่อทำลายอนาคตของใครบางคน
ไม่ใช่ว่ากู้เสี่ยวหวานไม่เข้าใจ ถ้ากู้จือเหวินไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวงและไล่กู้จือเหวินออกจากสำนักศึกษาอย่างง่ายดาย เกรงว่าสวีเฉิงเจ๋อจะไม่สามารถทนได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจยาว
ฉินเย่จือได้ยินกู้เสี่ยวหวานถอนหายใจแล้วเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็กังวลมาก
เมื่อคืนก่อน เสียงกระซิบแผ่วเบาของกู้ฉวนลู่ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขา เขาบอกกู้จือเหวินว่าเขาจะล้างแค้นให้จงได้ แต่จะแก้แค้นอย่างไรล่ะ?
ลองคิดดู คราวนี้…
ดวงตาของฉินเย่จือหรี่ลงเล็กน้อย และสายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา
ในช่วงเวลานี้ คงต้องดูแลกู้เสี่ยวหวานกับคนอื่น ๆ เป็นพิเศษ และต้องไม่ปล่อยให้พวกกู้ฉวนลู่ลงมือได้
ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวานคิดมากมายตลอดการเดินทาง เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็ได้ยินเรื่องใหญ่ว่ากุ้ยชุนเจียวหายตัวไป
ได้ยินมาว่าเมื่อคืนไปชมโคมไฟในเมือง แล้วก็เกิดหลงทาง
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานกลับบ้าน กู้หนิงผิงก็บอกกับนางอย่างลึกลับ
มีคนบอกว่า กุ้ยตงเหมยร้องไห้กลับมา และกุ้ยสวิ้นเหอก็เข้าไปในเมืองหลิวเจีย โดยปล่อยให้กุ้ยตงเหมยอยู่บ้านคนเดียว
เด็กผู้หญิงบางคนที่เป็นเพื่อนกับพี่น้องกุ้ยก็ไปที่บ้านของกุ้ยตงเหมย เมื่อเห็นว่าบ้านกุ้ยเหลือเพียงกุ้ยตงเหมย นอกจากนี้ ตาของนางยังบวมแดงราวกับว่าร้องไห้มาอย่างหนัก ทุกคนต่างสงสัยจึงพากันเอ่ยถาม
เนื่องจาก กุ้ยตงเหมยถูกกุ้ยซื่อด่าและถูกกุ้ยสวิ้นเหอทำร้าย ในใจนางจึงคุกกรุ่นไปด้วยความโกรธ นางจึงกล่าวว่ากุ้ยชุนเจียวหายตัวไปโดยไม่ทันได้คิด
เมื่อฝูงชนได้ยินก็เกิดความโกลาหล
การหายตัวไปของผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในสมัยโบราณ
กุ้ยชุนเจียวไม่ได้กลับมาทั้งคืน ใครจะไปรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางบ้าง
แม้ว่านางจะกลับมา แต่ด้วยคำพูดของทุกคนก็สามารถทำให้นางจมน้ำลายตายได้
กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือมองหน้ากัน และเห็นความสงสัยในสายตาของกันและกัน
กุ้ยชุนเจียวจะหายไปได้อย่างไร? กุ้ยซื่อไม่ได้พาพวกเขาไปดูโคมไฟในเมืองเมื่อคืนนี้หรอกหรือ? และยังนั่งเกวียนวัวของตนไปอีก
“ท่านพี่ ท่านว่ากุ้ยชุนเจียวจะไปที่ไหน? เมื่อวานไปดูโคมไฟไม่ใช่หรือ?” กู้หนิงผิงก็เอ่ยถามเช่นกัน
เมื่อคืนนี้พวกเขาไปในเมืองด้วยกัน กุ้ยซื่อพาลูกสาวสองคนของนางไปด้วยและบอกว่านางกำลังพาพวกเขาไปที่เมืองเพื่อหาผู้ชายที่ร่ำรวยและมีเกียรติ เหตุใดในเวลาแค่คืนเดียว กุ้ยชุนเจียวถึงหายไปได้เล่า
เมื่อได้ยินกุ้ยตงเหมยกล่าว ดูเหมือนว่ากุ้ยซื่อจะด่ากุ้ยตงเหมย ดังนั้นกุ้ยตงเหมยจึงวิ่งหนีไป กุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวจึงแยกกันไปหา และตกลงกันไว้ว่าถ้ายังหากุ้ยตงเหมยไม่เจอจะไม่กลับบ้าน แต่หลังจากที่ทุกคนในเทศกาลกลับไปกันแล้ว กุ้ยซื่อก็พบเพียงกุ้ยตงเหมย และไม่เห็นกุ้ยชุนเจียวเลยแม้แต่เงา
นั่นจึงทำให้กุ้ยซื่อตื่นตระหนกขึ้นมาทันใด
*[1] จิตใจสะอาดเหมือนกระจก หมายถึง การเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างชัดเจน