ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 432 ย้ายมาอยู่ในเมืองอย่างนั้นหรือ
บทที่ 432 ย้ายมาอยู่ในเมืองอย่างนั้นหรือ?
บทที่ 432 ย้ายมาอยู่ในเมืองอย่างนั้นหรือ?
“ว่าอย่างไรนะ?” เมื่อหลี่ฝานได้ยินสิ่งนี้ เขาก็ยิ้มทันทีและกล่าวว่า “ชวนข้ากินข้าวจริงหรือ?”
“อืม! แต่ทำได้เพียงอยู่ที่นี่…” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างหมดหนทาง “บ้านของข้าทั้งเล็กและทรุดโทรม หนทางก็ยาวไกล ข้าไม่สามารถให้เถ้าแก่เดินทางไกลขนาดนั้นได้จริง ๆ จึงทำได้เพียงอยู่ที่นี่”
“ตกลง!” หลี่ฝานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องยากที่จะเห็นเจ้ากินอาหารกลางวันที่นี่ ข้าก็มีอะไรจะบอกเจ้าพอดี ข้าจะลงไปก่อนแล้วขอให้คนรับใช้เตรียมอาหาร เรามาคุยกันระหว่างกินข้าวกันเถอะ!”
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพยักหน้า
เมื่อไปที่โต๊ะ หลี่ฝานก็บอกกล่าวกับกู้เสี่ยวหวานสองเรื่องทันที
“เรื่องแรก อาจจะรบกวนเจ้าไปเสียหน่อย แต่คนทำบัญชีที่เมืองรุ่ยเสียนคำนวณได้เข้าใจยากจริง ๆ และมักจะทำผิดพลาด ใช้เวลานานกว่าสองเดือน แต่ไม่มีความคืบหน้าใดเลย ข้าเลยคิดจะไล่เขาออก เสี่ยวหวาน เจ้าไปช่วยคำนวณบัญชีที่เมืองรุ่ยเสียนด้วยได้หรือไม่ เงินเดือนเดือนละยี่สิบตำลึงเงิน เจ้าว่าอย่างไร?”
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเบิกกว้าง เขาต้องการให้นางไปเป็นคนทำบัญชีในเมืองรุ่ยเสียนและให้เงินยี่สิบตำลึงเงินต่อเดือนจริง ๆ หรือ?
เงินเดือนนี้สูงมาก รวมกับเงินเดือนในเมืองหลิวเจียนี้อีก เช่นนั้นในเดือนหนึ่งก็จะมีเงินเดือนสามสิบห้าตำลึงเงิน กู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามนางนึกถึงปัญหาในทันที
“แต่หนทางสู่เมืองรุ่ยเสียนนั้นยาวไกล ข้าเกรงว่ามันคงจะลำบากนัก” กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างลำบากใจ
ดูเหมือนว่าหลี่ฝานจะคาดการณ์ความกังวลของกู้เสี่ยวหวานไว้แล้ว จึงกล่าวว่า “ข้าได้จัดห้องรับรองไว้ให้เจ้าแล้ว เจ้าจะต้องไปเมืองรุ่ยเสียนทุกสัปดาห์ เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะส่งคนที่เชื่อถือได้สองสามคนให้ไปกับเจ้า”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าหลี่ฝานได้จัดการทุกอย่างแล้ว เหลือแค่นางต้องไปทำบัญชีเท่านั้นเอง ในใจนางมีความสุขมาก ทุกเดือนจะได้รับเงินเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบตำลึงเงิน เมื่อเทียบกับครอบครัวทั่วไปแล้ว นี่เท่ากับเงินทั้งปีของพวกเขา!
กู้เสี่ยวหวานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบตกลง “เช่นนั้นคงต้องรบกวนเถ้าแก่หลี่แล้ว”
“เรื่องที่สอง ข้าต้องการถามความคิดเห็นของเจ้าก่อน!” เมื่อหลี่ฝานเห็นว่าเรื่องแรกของเขาเสร็จสิ้นแล้ว และเขาจึงพูดถึงเรื่องที่สองต่อ
“เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ?” เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
“ตอนนี้น้องชายของเจ้าเรียนอยู่ที่สำนักศึกษาในเมืองหลิวเจีย และในอนาคตเขาจะไปที่เมืองรุ่ยเสียนอย่างแน่นอน แม้ว่าตอนนี้เจ้าซื้อที่ดินมากมายในเมืองหลิวเจีย แต่เจ้ายังคงอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ดังนั้นข้าจึงอยากจะถามว่า เจ้าวางแผนที่จะมาที่เมืองหลิวเจียหรือไม่?”
หลี่ฝานกล่าวคำเหล่านี้หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบ
เมื่อวานนี้กู้เสี่ยวหวานพูดกับเขา และเขาก็ตกลงโดยไม่พูดอะไร และพยายามอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้อย่างสุดความสามารถ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คิดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ยังคงผิดอยู่
ท่าทางที่กุ้ยซื่อมองเขาในตอนนั้น ทั้งรู้สึกอึดอัดใจและรู้สึกผิดไปพร้อม ๆ กัน จากท่าทางของนางจะเห็นได้ว่านางรู้จักเขา แต่ภายหลังนางกลับปฏิเสธว่านางไม่รู้จักพวกเขา
นั่นทำให้หลี่ฝานรู้สึกแปลกมาก
ต่อมาเขาขอให้เสี่ยวเซิ่งจื่อเอาเงินไปและไปที่หมู่บ้านเพื่อสอบถาม ถามว่ามีความขัดแย้งระหว่างกู้เสี่ยวหวานและกุ้ยซื่อหรือไม่ เมื่อเขาถามไป มันช่างเหลือเชื่อ เมื่อคนผู้นั้นได้รับเงิน เขาก็อธิบายถึงความคับแค้นใจระหว่างกู้เสี่ยวหวานและกุ้ยซื่ออย่างตรงไปตรงมา
ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่ากุ้ยซื่อมักจะแดกดันกู้เสี่ยวหวานอยู่เสมอ และกล่าวว่าในเวลานั้น กุ้ยซื่อทำผิดต่อกู้เสี่ยวหวาน และทำลายชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวาน
ปรากฏว่ากุ้ยซื่อเป็นคนเผยแพร่เรื่องที่ว่ามีผู้ชายสองคนอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวาน โดยกล่าวว่ากู้เสี่ยวหวานมีความสัมพันธ์กับคนรักของนาง และยังบอกด้วยว่าเงินทั้งหมดในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมาจากคนรักของนาง
ตามคำบอกเล่าของคนผู้นั้น เสี่ยวเซิ่งจื่อก็รู้ว่าผู้ชายสองคนที่กุ้ยซื่อกล่าวหาคือ หลี่ฝานและเสี่ยวเซิ่งจื่อนั่นเอง
เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้ หลี่ฝานโกรธมากจนแทบหันหลังม้าและไปที่บ้านของกุ้ยเพื่อตำหนินาง อย่างไรก็ตาม เพื่อประโยชน์ของกู้เสี่ยวหวาน เขาต้องระงับความโกรธในใจของเขา
แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัด
กู้เสี่ยวหวานปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้มีพระคุณ นางก็เหมือนลูกของเขาเอง
ถ้าลูกสาวของเขาถูกคนนอกใส่ร้ายและวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้น เขาจะไปทุบตีคนที่พูดอย่างแน่นอน
แต่กู้เสี่ยวหวานไม่มีพ่อหรือแม่ และไม่มีใครในครอบครัวสามารถสนับสนุนนางได้ เมื่อรู้ว่ากู้เสี่ยวหวานต้องต่อสู้ในสงครามน้ำลายกับกุ้ยซื่อในเวลานั้น หลี่ฝานก็รู้สึกผิดและเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ในตอนนั้น ถ้าเขาไม่รีบไปที่นั่นก็คงจะไม่มีเรื่องอะไรมากมาย
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะแก้ปัญหาได้อย่างน่าพอใจ แต่ในใจของหลี่ฝานราวกับมีหนามเพิ่มเข้ามาและไม่สามารถดึงออกได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผู้คนในตระกูลกุ้ย ช่างน่าเกลียดชังเสียจริง
ลูกสาวของกุ้ยซื่อเองก็ได้ทำสิ่งที่ไร้ยางอายนั่น และยังคงหน้าด้านมาเพื่อขอให้ใครสักคนสร้างหลักฐานเท็จให้ แต่สำหรับกู้เสี่ยวหวานไม่ได้ทำสิ่งที่น่าละอายเลย แต่กุ้ยซื่อกลับเอาไปพูดอย่างไร้เหตุผล
กุ้ยซื่อนะกุ้ยซื่อ นางก็เป็นคนที่มีลูกสาวด้วย ตอนนี้นางคงรู้แล้วว่า หากชื่อเสียงของลูกสาวถูกทำลายมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อนางเผชิญหน้ากับกู้เสี่ยวหวานในตอนนั้น ทำไมนางถึงตัดสินให้กู้เสี่ยวหวานถึงตายโดยไม่คิดถึงเรื่องนี้!
หลี่ฝานพลิกคว่ำโต๊ะในรถม้าอย่างโกรธจัด เขารู้สึกอึดอัดและแค้นใจแทนกู้เสี่ยวหวาน
เสี่ยวเซิ่งจื่อที่นั่งข้างเขารู้สึกคุกกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดหลี่ฝานก็มีความคิดที่จะขอให้กู้เสี่ยวหวานย้ายไปอยู่ในเมือง
“เถ้าแก่หลี่ตั้งใจจะให้ข้าย้ายมาอยู่ในเมืองอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของกู้เสี่ยวหวานเป็นประกายสดใส ไม่ใช่ว่านางไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แต่ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการจึงทำให้แผนการล่าช้าออกไป
ที่บ้านมีเงินอยู่บ้าง แต่ไม่รู้จะพอหรือเปล่า
นอกจากนี้ นางไม่ได้วางแผนที่จะซื้อบ้าน นางต้องการซื้อที่ดินและสร้างบ้านด้วยตัวเอง เป็นการดีที่สุดที่จะสร้างบ้านที่ไม่ไกลจากที่ดินของตนเอง และจะสร้างยุ้งฉางขนาดใหญ่สองแห่งด้วย
กู้เสี่ยวหวานบอกหลี่ฝานถึงสิ่งที่ตนคิด และหลี่ฝานก็ดีใจมากเมื่อได้ยิน “นี่เป็นแผนที่ดี! ตอนนี้เจ้ามีที่ดินมากมาย และข้าเกรงว่าร้านทั้งสองของข้าจะไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ การที่เจ้าจะทำยุ้งฉางขนาดใหญ่สองแห่ง มันเป็นความคิดที่ดี”
“เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่าจะซื้อที่ดินอย่างไรดี!” กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยความเป็นกังวล
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสี่ยวหวานจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองหรือไม่กันนะ
ไหหม่า (海馬)