ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 438 อยากจะบินขึ้นไป
บทที่ 438 อยากจะบินขึ้นไป
บทที่ 438 อยากจะบินขึ้นไป
เฉาซินเหลียนรับเงินและคลี่ยิ้มออกมา จากนั้นจึงบอกกู้ซินเถาเกี่ยวกับเรื่องของฉินเย่จือ
หลังจากที่กู้ซินเถาได้ยินเรื่องนี้ นางก็พลันตกใจและรู้สึกผิดหวัง
ปรากฏว่าคนผู้นี้เป็นชายยากจน เขามาที่หมู่บ้านอู๋ซีเพื่อขอทานและบังเอิญได้รับข้าวจากกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นเขาจึงพักอยู่ที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานมาตลอด
“ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานยากจนถึงเช่นนั้น เขาจะมาอยู่ในบ้านของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร!” กู้ซินเถายังคงคิดไม่ออก
คนที่หล่อเหลาและโดดเด่นเช่นนี้มาจบลงที่หมู่บ้านอู๋ซีได้อย่างไร และบังเอิญได้รับการช่วยเหลือจากกู้เสี่ยวหวานอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างยิ่ง
แต่คำพูดของเฉาซินเหลียนทำให้กู้ซินเถาเชื่อมั่นว่า “เฮ้อ คนเรร่อนผู้นี้ ในทุกวันไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอ เพียงแค่คนอื่นเอาข้าวให้เขาเพื่อให้เขาอิ่ม และยังให้ที่พักและให้อาหารทุกวัน เช่นนั้นหากเขาไม่พอใจก็คงจากไปตั้งนานแล้ว!”
เฉาซินเหลียนกล่าวอย่างดูถูก “เจ้าคงยังไม่รู้ ในเวลานั้นที่ฉินเย่จือมาถึง ทุกคนในหมู่บ้านก็อ้าปากค้าง!”
“ทุกคนในหมู่บ้านคิดว่าชายผู้นี้ดูมีเสน่ห์เกินไป งดงามต่างจากความงดงามของมนุษย์ เขางดงามราวกับเทพเซียนบนสวรรค์ เขาช่างดูดีจริง ๆ!” เฉาซินเหลียนเคยเห็นเขาสองสามครั้งจึงรู้ถึงความงดงามของเขา ชายผู้นี้งดงามกว่าผู้หญิงเสียอีก นี่มันช่างน่าอิจฉาเสียจริง!
“หากข้าสามารถช่วยคนที่งดงามเช่นนี้ได้ ข้าก็ยินดีที่จะรับเขาเอาไว้!” เฉาซินเหลียนกล่าวอย่างคลั่งไคล้
“คนในหมู่บ้านต่างเสียใจแทบตาย ฉินเย่จือผู้นี้อายุสิบห้าหรือสิบหกปี เขาแข็งแกร่งและต้องเป็นชาวนาที่ดีได้แน่ นี่เป็นการใช้ข้าวเพื่อจ้างคนงานระยะยาวโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ช่างดีเสียจริง! ข้าไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานเก็บคนหน้าตาดีเช่นนี้มาได้อย่างไร…” เฉาซินเหลียนเดาะลิ้นของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
กู้ซินเถาตกตะลึง ในใจมีทั้งความเสียใจและอิจฉา เมื่อนางนึกถึงใบหน้าของฉินเย่จือที่งดงามราวกับเทพเซียน ผิวของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อเฉาซื่อเห็นกู้ซินเถาหน้าแดง แววตาของนางก็ดูประหลาดใจและคิดขึ้นมาได้ทันที
“โอ้ ซินเถา เจ้าคงจะไม่ตกหลุมรักชายผู้นั้นในครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานหรอกนะ! ” เฉาซินเหลียนกล่าวติดตลก
“ท่านอาสาม ท่าน… ท่านอย่าพูดเรื่องไร้สาระ” กู้ซินเถารีบปฏิเสธ แต่ใบหน้าของนางกลับแดงก่ำยิ่งขึ้น
เฉาซินเหลียนคงตาบอดหากไม่รู้ว่ากู้ซินเถาชอบฉินเย่จือ
เฉาซินเหลียนมุ่ยปากราวกับกำลังสื่อว่าเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ “ฉินเย่จือผู้นี้หล่อเหลาและโดดเด่น ซินเถา เจ้าก็เป็นคนสวย หนุ่มหล่อและสาวสวยเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างมา!”
กู้ซินเถายิ่งเขินอายมากขึ้น นางก้มศีรษะลงโต๊ะและรู้สึกเบิกบานในใจเล็กน้อย แต่ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านอาสาม ท่านอาอย่าพูดไร้สาระ! ข้าเป็นผู้หญิง ท่านอย่าทำลายชื่อเสียงของข้า!”
“จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร!” เฉาซินเหลียนกล่าวทันที “แค่ข้าคิดว่าเจ้ากับฉินเย่จือ คนหนึ่งหล่อและอีกคนหนึ่งก็สวย เมื่อยืนเคียงข้างกันมันไม่ใช่เพียงคู่ที่เหมาะสม แต่มันคือคู่ที่สวรรค์สร้าง ซินเถา เจ้าว่าใช่หรือไม่!”
เฉาซินเหลียนยังคงสนับสนุนต่อไป “ในปีนี้ชายหนุ่มผู้นั้นอายุสิบหกปีและเขาจะแต่งงานกับภรรยาในอีกสองปี กู้เสี่ยวหวานผู้นี้ครองผู้จ้างตำแหน่งคนงานระยะยาวนี้ ดังนั้นนางคงจะไม่ยอมไม่ให้เขาแต่งงานหรอก!”
“ท่านอา ท่านลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ข้าจะแต่งงานกับคนงานระยะยาวได้อย่างไร! ” กู้ซินเถาเงยหน้าขึ้นทันทีและกรีดร้อง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ!
เมื่อเฉาซินเหลียนเห็นกู้ซินเถากรีดร้องด้วยท่าทางไม่พอใจ ดูเหมือนว่านางจะโกรธจริง ๆ
เฉาซื่อรีบหยุดปากทันที และแสร้งทำเป็นไม่มีความสุขและตบหน้าตัวเอง “โอ้ ดูปากเสียของข้าสิ ไม่ควรพูด ไม่ควรพูดเช่นนี้เลย”
“ซินเถา พอเจ้าพูดมาข้าก็มีความสงสัยอยู่ในใจเช่นกัน เจ้าบอกว่าฉินเย่จือมักจะอยู่กับกู้เสี่ยวหวานเพียงลำพัง เจ้าว่าพวกเขาทั้งสองมีเรื่องปิดบังอะไรอยู่หรือไม่?”
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจอีกครั้ง และนางก็กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ท่านอา อย่าพูดเรื่องไร้สาระและทำผิดต่อความบริสุทธิ์ของผู้อื่น” กู้ซินเถาไม่ได้ใจดีพอที่จะปกป้องกู้เสี่ยวหวาน ดังนั้นสิ่งที่นางกล่าวว่าการทำผิดในความบริสุทธิ์ของคนอื่น คนอื่นที่ว่ามีเพียงฉินเย่จือเท่านั้น
เมื่อเฉาซินเหลียนเห็นกู้ซินเถาปกป้องเขาเช่นนี้ ในใจนางก็เข้าใจไปมากแล้ว
สาวน้อยผู้นี้ยังบอกว่านางไม่มีความคิดที่คดเคี้ยว แต่คำพูดของนางกลับเป็นการปกป้องฉินเย่จือ เฉาซินเหลียนไม่ใช่คนโง่ นางคิดว่าตนตาบอดหรือ? ดูแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่เข้าใจหรือ?
ดวงตาของเฉาซินเหลียนหันกลับมาและเห็นท่าทางที่ทั้งเขินอาย ทั้งโกรธ และทั้งอิจฉาของกู้ซินเถา ในใจของนางก็ชัดเจนขึ้นมา
“สาวน้อยซินเถา ข้ารู้ว่าเจ้ามีเจตนาดี แต่คนอื่นไม่คิดเช่นนั้น เจ้าพูดเรื่องดีของฉินเย่จือที่นี่ เขาก็ไม่ได้ยินหรอก การที่เจ้าทุ่มเทฝ่ายเดียวมันไม่เป็นผลหรอก!” คำพูดของเฉาซินเหลียนชี้ไปที่บางสิ่ง
ดวงตาของกู้ซินเถามืดลงในทันทีและกล่าวอย่างดุร้าย “ท่านอาหมายความว่าอย่างไร?”
มีบางอย่างในคำพูดของเฉาซินเหลียนที่ฟังแล้วดูเหมือนว่านางรู้บางอย่างเกี่ยวกับกู้ซินเถา
กู้ซินเถาตื่นตัวทันทีและจ้องที่เฉาซินเหลียนอย่างระมัดระวัง
เฉาซินเหลียนยิ้มราวกับคาดไว้แล้วว่ากู้ซินเถาจะตื่นตัว นางลดเสียงและกล่าวอย่างลึกลับ “ข้าได้ยินมาว่าลูกชายของตระกูลเจียงมักจะมาเล่นกับเจ้า ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจเจ้ามาก!”
สิ่งที่รู้ก็คือเพียงแค่มุมเดียว คือการฟังทางหูเท่านั้น
นางไม่รู้ข่าวที่ว่าเจียงหย่วนออกจากเมืองหลิวเจียไปนานแล้ว และนางก็ไม่รู้ชัดเจนเพราะนางไปจำมาจากการฟังคนอื่นพูดเท่านั้น
เมื่อกู้ซินเถาได้ยินเช่นนี้ หัวใจของนางก็เต้นรัว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฉาซื่อจะรู้เรื่องของตนเอง?
“ท่าอาหมายความว่าอย่างไร?” กู้ซินเถาเอ่ยถามกลับ
“ไม่มีความหมายอื่น ข้าแค่หวังดีกับเจ้า!” เฉาซินเหลียนแสร้งทำเป็นหวังดีและกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าตระกูลเจียงมีเงินมากมาย และลูกชายของตระกูลเจียงก็เป็นลูกชายคนเดียว ไม่มีพี่น้อง ในอนาคตทรัพย์สินของตระกูลเจียงนี้จะเป็นของนายน้อยเจียง หากเจ้าแต่งงานกับครอบครัวเจียงได้ เจ้าจะมีทั้งเสื้อผ้าดี ๆ อาหารดี ๆ รถม้า และบ้านที่หรูหรา เจ้าจะมีกินมีใช้ไม่มีวันหมด!” เฉาซินเหลียนกล่าวอย่างอิจฉาราวกับว่าหากกู้ซินเถาแต่งงานในครอบครัวที่ร่ำรวย นางจะสามารถบินขึ้นไปบนกิ่งไม้และกลายเป็นเหมือนหงส์ได้*[1]
*[1] หมายถึง เมื่อผู้ใดได้ปีนขึ้นไปพร้อมกับภูมิหลังหรือครอบครัวที่ดี และคุณค่าของคนผู้นั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก