ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 44 จัดซื้อ
บทที่ 44 จัดซื้อ
บทที่ 44 จัดซื้อ
“ท่านพี่ ท่านเข้าไปในภูเขาลึกทั้งสองครั้งเลยใช่หรือไม่?” กู้หนิงผิงอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างจริงจัง “ท่านพี่ สถานที่แห่งนั้นค่อนข้างอันตราย ท่านห้ามไปที่นั่นอีก!”
แต่กู้เสี่ยวหวานจะไม่ไปอีกได้อย่างไร?
สระน้ำข้างใต้น้ำตกภายในภูเขาลึกแห่งนั้นมีปลาตัวอ้วนใหญ่อยู่มากมาย หากจับปลาตัวใหญ่เหล่านั้นติดมือกลับมา หมักให้ดี ผึ่งแดดให้แห้งทำเป็นปลาแห้ง แล้วนำไปขายในร้านขายของท้องถิ่น กู้เสี่ยวหวานก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเมื่อถึงเวลานั้นผู้คนที่เคยชินกับการกินของแห้งพื้นบ้านเหล่านี้จะตื่นเต้นขนาดไหนที่มีสินค้าท้องถิ่นอีกชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ยุคนี้ ในทุก ๆ ปี ทุกครอบครัวจะหมักปลาแห้ง เนื้อแห้ง และความชอบในปลาแห้งและเนื้อแห้งของทุกคนในหลายปีมานี้ไม่มีเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แม้แต่ตอนนี้ ปลาแห้งก็ยังได้รับความนิยมดีมากเช่นเคย
“เจ้าวางใจได้ พี่รู้เส้นทางหนึ่ง และเส้นทางนี้ปลอดภัยมาก” จริง ๆ แล้วกู้เสี่ยวหวานค้นพบเส้นทางที่ปลอดภัยมากเส้นหนึ่ง อีกอย่างตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว หากว่ามีหมี งู และสัตว์อื่น ๆ พวกมันก็คงเข้าสู่ช่วงเวลาจำศีล คงจะไม่ออกมาในช่วงฤดูหนาวหรอก จะกล่าวว่ากลัวก็ไม่ผิดแปลก ไม่รู้ว่าจะมีหมาป่าหรือไม่ แต่นางเข้าไปสองครั้งก็ไม่พบรอยเท้าของหมาป่าอะไรเช่นนั้นเลย
“ท่านพี่ ผู้คนที่เข้าไปในภูเขาลึกไม่มีใครรอดออกมาได้เลย” กู้หนิงผิงร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าท่านพี่เอาชีวิตไปแลกกับเงินห้าร้อยตำลึงนั่นจริง ๆ เขาไม่ต้องการเงินแบบนี้ เขาต้องการเพียงพี่สาวเท่านั้น
กู้เสี่ยวหวานเห็นท่าทางที่ทั้งตื่นเต้น ทั้งน้อยใจ ทั้งวิตกกังวลของกู้หนิงผิงแล้ว พลันรับรู้ได้ว่าเขาเป็นห่วงนาง แต่ว่ามันไม่มีหนทางใดแล้ว หลายคนในบ้านต้องการอาหาร ต้องการเสื้อผ้าสวมใส่ หรือบางทีอาจจะเกิดอาการเจ็บป่วย จะไม่หาเงินมาได้อย่างไร?
อีกอย่างตอนนี้กู้เสี่ยวหวานค้นพบช่องทางที่หาเงินได้แล้ว หากไม่รีบหาเงินผ่านช่องทางนี้แล้วล่ะก็ ชีวิตมันจะดีขึ้นได้อย่างไร?
“พี่รู้ว่าเจ้ากังวลอะไร แต่เจ้าวางใจได้ พี่จะไม่ทำให้ตัวเองเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน อีกอย่างเจ้าไม่เห็นหรือว่าตอนนี้พี่ดูเหมือนว่าจะฉลาดกว่าแต่ก่อนมาก เจ้าลองดูสิ พี่จับกระต่ายป่ากับไก่ป่าได้ แถมยังรู้ว่าหัวไชเท้าป่าสามารถกินได้ แล้วก็ยังขุดโสมขึ้นมาได้อีก นำมาขายได้เงินมากมายขนาดนี้ เจ้ายังคิดว่าพี่ยังโง่อยู่หรือไม่? พี่ฉลาดแล้ว เจ้าก็วางใจเถอะ หือ?”
“แต่ว่า ท่านพี่….”
“พอแล้ว ไม่มีคำว่าแต่อีกต่อไป หากครั้งหน้าเจ้ายังไม่วางใจ เจ้าก็ขึ้นเขาไปกับพี่ดีหรือไม่?” กู้เสี่ยวหวานถูกเด็กนี่ต้อนจนหมดคำจะพูด จึงทำได้แค่พูดเช่นนี้ออกมา
“จริงหรือ? ดีจังเลย!” คล้ายกับว่าเขากำลังรอคำพูดนี้ของกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของกู้หนิงผิงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปเร็วกว่าเปลี่ยนหน้าหนังสือของกู้หนิงผิงแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลยจริง ๆ
ทั้งสองคนซ่อนตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงสองก้วนเหรียญทองแดงกับเงินอีกสี่สิบเหรียญไว้ในอ้อมอก กู้เสี่ยวหวานคาดไม่ถึงเลยว่าโสมคนรากนั้นจะมีราคามากถึงเพียงนี้ เดิมทีที่วางแผนว่าจะไม่ซื้อเสื้อผ้าก็ถูกยกขึ้นมาเป็นเป้าหมายอีกครั้ง
ก่อนที่ทั้งสองคนจะมาถึงในตรอกเล็กเมื่อครู่นี้ กู้เสี่ยวหวานก็อยากจะซื้อข้าวและเส้นบะหมี่ก่อน ข้าวและเส้นหมี่ในบ้านหมดแล้วจึงจำเป็นต้องซื้อกลับไป
อย่างแรกก็เข้าไปในร้านค้าร้านหนึ่ง พร้อมกับสอบถามราคา
“เถ้าแก่ ข้าวและเส้นบะหมี่ของท่านขายอย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานเห็นข้าวและเส้นบะหมี่ในร้านธัญพืชมีคุณภาพดี จึงเอ่ยถามขึ้นมา
“หืม แม่สาวน้อย เจ้าถามข้าว่าขายอย่างไร แล้วเจ้ามีเงินหรือ?” เถ้าแก่คนนั้นมีหน้าตาปากแหลม แก้มตอบราวกับลิง ผูกหนวดเข้าด้วยกัน ดวงตาดูฉลาดเฉียบแหลม นั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังไม่ขยับไปไหนพลางยิ้มเยาะ
ไม่แปลกใจที่เถ้าแก่ขายข้าวและเส้นบะหมี่คนนั้นจะจ้องจับผิดกู้เสี่ยวหวานขนาดนี้ แท้จริงแล้วก็คือ…ตอนนี้บนร่างของกู้เสี่ยวหวานสวมเสื้อผ้าที่เน่าเปื่อยจนเกือบจะไร้ความเหมาะสมแล้ว
เพียงแค่ลองถามดู แม่สาวน้อยที่สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่งจะไปเอาเงินจากที่ใดมาซื้อข้าวและเส้นบะหมี่กินได้เล่า? คำตอบก็คือไม่ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์ ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมาเอาเปรียบตัวเองได้
กู้เสี่ยวหวานไม่นำคำพูดถากถางมาเก็บไว้ในใจ พ่อค้าที่ดูถูกคนอื่นเช่นนี้ นางไม่จำเป็นจะต้องไปโต้เถียงด้วย หากมีเงินก็สามารถไปซื้อที่ไหนก็ได้ เขาไม่ชอบนางก็ไปซื้อที่ร้านอื่นก็ได้
นางไม่อยากเชื่อว่าวันนี้ตนเองจะซื้อข้าวและเส้นหมี่ไม่ได้เลย
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกโมโหมาก สาบานเลยว่าต่อให้ร้านคนอื่นแพงกว่าก็จะไม่มีวันเหยียบย่างเข้าไปร้านนี้
หลังจากนั้นนางก็เดินไปหยุดตรงหน้าร้านหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ร้านธัญพืชเฉิงซิ่น’ ภายในร้านไม่มีลูกค้า มีแค่ลูกจ้างร้านคนหนึ่งที่กำลังงีบหลับอย่างหงอยเหงาเศร้าซึม
“พี่ชาย ขอเส้นบะหมี่เกาเหลียงสามสิบชั่ง ข้าวเกาเหลียงยี่สิบชั่ง แป้งสาลีสิบชั่ง ทั้งหมดราคาเท่าไรหรือ?” กู้เสี่ยวหวานเดินวนอยู่ในร้านรอบหนึ่ง มองซ้ายแลขวา หลังจากนั้นก็บอกสิ่งของที่ต้องการอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินว่าของที่ต้องการมีจำนวนมากถึงเพียงนี้ ลูกจ้างที่เคลิ้มหลับสบายคนนั้นก็มีท่าทางราวกับถูกตีด้วยเลือดนกจนสะดุ้งตื่นขึ้นมา
“เส้นเกาเหลียงห้าเหรียญต่อหนึ่งชั่ง สามสิบชั่งก็หนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ ข้าวเกาเหลียงเจ็ดเหรียญต่อหนึ่งชั่ง ยี่สิบชั่งก็หนึ่งร้อยสี่สิบเหรียญ และแป้งสาลีสิบเหรียญต่อหนึ่งชั่ง สิบชั่งก็หนึ่งร้อยเหรียญ รวมกันทั้งหมดก็สามร้อยเก้าสิบเหรียญ” เมื่อลูกจ้างคนนั้นได้ยินว่าลูกค้าต้องการของมากขนาดนี้ จิตใจก็กลับมาเบิกบานทันที และทวนรายการออกมาอย่างคล่องแคล่วอย่างไม่ขาดไม่เกิน
แม้แต่ราคากู้เสี่ยวหวานก็ไม่ต่อรองและจ่ายเงินไปทันที จากนั้นนำเสบียงอาหารใส่เข้าไปในกระบุง พร้อมกับหมุนตัวเดินออกไปจากร้านขายธัญพืชทันที
เมื่อเถ้าแก่ที่อยู่ตรงข้ามเห็นกู้เสี่ยวหวานซื้อของมามากมายก็เจ็บปวดใจราวกับลำไส้ถูกทำลายทั้งหมด เรื่องนี้จะโทษใครได้ ใครใช้ให้เขาดูถูกคนอื่นอย่างนั้นเล่า
คล้ายกับความโกรธของกู้เสี่ยวหวานบรรเทาลง เมื่อเดินผ่านร้านขายธัญพืชด้านตรงข้าม เธอก็เดินหลังตั้งตรงด้วยความหยิ่งทะนงผ่านหน้าเถ้าแก่คนนั้นไป
แต่เมื่อเดินไปไกลแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็เดินตรงเข้าไปในร้านขายผ้า พลางมองเสื้อผ้าบนร่างของตัวเองกับกู้หนิงผิง คนอื่นไม่คิดว่านางเป็นขอทานก็แปลกแล้ว
กู้เสี่ยวหวานพากู้หนิงผิงเดินเข้าไปใน ‘ร้านขายผ้าจี๋เสียง’ ภายในร้านมีแค่หญิงคนหนึ่งที่มีอายุราว ๆ ห้าสิบกว่าปีกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ และเถ้าแก่เนี้ยอายุสามสิบกว่าปีกำลังรอสตรีผู้นั้นอยู่
กู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ด้านนอกโต๊ะขาย แหงนหน้ามองผ้าฝ้ายหลากสีสันที่อยู่ด้านบนโต๊ะขาย ผ้าหยาบ ผ้าป่านล้วนมีหมด ภายในใจก็เกิดความลังเลและไม่แน่ใจขึ้นมา
ยุคนี้นางไม่เคยซื้อเสื้อผ้ามาก่อน ภายในร้านขายของเฉพาะทางก็ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป อีกทั้งในความรู้ของนาง นางแค่รู้จักผ้าหยาบ ผ้าป่าน ผ้าชีฟอง และผ้าไหมชนิดต่าง ๆ ซึ่งสิ่งของเหล่านี้ นางยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อีกทั้งราคานางก็ไม่ค่อยเข้าใจ
เสื้อผ้าและรองเท้าเหล่านี้ของพวกเด็กทั้งสี่คนควรจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว กู้เสี่ยวหวานมองรองเท้าของตัวเองกับกู้หนิงผิง นิ้วหัวแม่เท้าทะลุออกมาจากรูรองเท้ามานานจนนิ้วหัวแม่เท้าที่น่าสงสารปรากฏออกมาด้านนอก
อีกทั้งผ้านวมภายในบ้านก็ทั้งบางทั้งแข็ง ก้อนฝ้ายที่ยัดข้างในล้วนจับตัวกันเป็นก้อนแข็ง มันไม่มีความหนาเลยสักนิด ตอนนี้สภาพอากาศยังปลอดโปร่งจึงยังไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้ามีหิมะตกขึ้นมาล่ะ?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดูถูกคนอื่นเก่ง ก็รับผลของการดูถูกไปแล้วกันนะ มีเงินแล้วไม่ง้อหรอก
ไหหม่า(海馬)