ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 448 ไปกับข้าเถอะ
บทที่ 448 ไปกับข้าเถอะ
บทที่ 448 ไปกับข้าเถอะ
คนผู้นี้ดูดีจริง ๆ ทั้งที่เป็นแค่คนงานระยะยาว แต่กลับหล่อเหลาถึงเพียงนี้ หากตนเองเอากลับบ้านไปจะดีแค่ไหนกัน!
กู้ซินเถาไตร่ตรองแล้ว จึงเดินไปทางฉินเย่จือ
เมื่อนางอยู่ห่างจากฉินเย่จือเพียงไม่กี่ก้าวก็เกิดลมกระโชกแรง กู้ซินเถายกมือของนางขึ้น แสร้งทำเป็นปล่อยผ้าเช็ดหน้าในมือให้ปลิวไปตามลม
แผนการของกู้ซินเถาคือให้ลมพัดผ้าเช็ดหน้าของนางไปโดนร่างกายหรือใบหน้าของฉินเย่จือ
หากมันสามารถปลิวไปโดนบนใบหน้าของเขาและให้เขาได้กลิ่นน้ำหอมบนร่างกายของนาง จากนั้นเมื่อเขารับผ้าเช็ดหน้าแล้วส่งกลับให้นางอย่างอ่อนโยน นางจะได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการคุยกับเขา
กู้ซินเถาแสร้งทำเป็นเขินอาย ยกยิ้มภาคภูมิใจขึ้นเล็กน้อยและมองที่ฉินเย่จืออย่างเสน่หา โดยคิดว่าผ้าเช็ดหน้าจะไปตกที่ฉินเย่จืออย่างแน่นอน
ใครจะไปรู้ว่าผ้าเช็ดหน้าไม่ได้ปลิวไปตกที่ใบหน้าของฉินเย่จือ แต่มันกลับปลิวลงมาที่ข้างเท้าของฉินเย่จือแทน
ฉินเย่จือไม่แม้แต่จะชายตามอง เขายังคงเดินต่อไป และถูกต้อง เท้าของฉินเย่จือเพิ่งเหยียบผ่านผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไป
ฉินเย่จือไม่ได้หยุดฝีเท้า แสร้งทำเป็นไม่เห็นซินเถาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วแบกน้ำเดินจากไป
กู้ซินเถาจ้องไปที่ผ้าเช็ดหน้าบนพื้นด้วยความตกตะลึง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวราวกับหิมะได้มีรอยเท้าของฉินเย่จือประทับไว้เสียแล้ว
นี่…
นี่มันแตกต่างไปจากที่นางคิดไว้อย่างสิ้นเชิง!
ไม่! ต้องเป็นเพราะฉินเย่จือไม่เห็นมันแน่ ๆ กู้ซินเถาไม่สนใจที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้า นางรีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วและวิ่งไปทางฉินเย่จือ
ขณะวิ่ง นางก็ตะโกนอย่างอ่อนโยน “พี่ฉิน พี่ฉิน รอข้าด้วย รอข้าด้วย!”
ฉินเย่จือไม่ได้ยินและเดินไปเรื่อย ๆ กู้ซินเถาตามเขาไม่ทันและหอบหายใจ นางรู้สึกหดหู่ใจอยู่ครู่หนึ่ง ตนเองวิ่งไล่ตามเขาด้วยตัวเปล่า แต่ก็ยังวิ่งไม่ทันฉินเย่จือ ผู้ซึ่งกำลังแบกถังน้ำอยู่เต็มสองถัง ฉินเย่จือผู้นี้แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว
กู้ซินเถาไม่คิดมาก และยังวิ่งตามต่อไป
นางต้องหาเรื่องคุยกับฉินเย่จือให้ได้ ก่อนที่เขาจะกลับไปถึงบ้านของกู้เสี่ยวหวาน
กู้ซินเถาวิ่งด้วยกำลังทั้งหมดของนาง และในที่สุดก็ตามฉินเย่จือทัน
“พี่ฉิน ท่านเดินช้าลงหน่อย ข้าตามไม่ทัน!” กู้ซินเถาหอบหายใจและมองไปที่ฉินเย่จืออย่างอ่อนโยน
หากแต่ฉินเย่จือไม่สนใจ
“พี่ฉิน เราเจอกันเมื่อวานแล้ว!” กู้ซินเถารู้สึกไม่มีความสุขเล็กน้อยเมื่อเห็นฉินเย่จือไม่สนใจตนเอง แต่นางก็พูดอย่างนุ่มนวลราวกับเป็นการเตือนฉินเย่จือ “พี่ฉิน ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเสี่ยวหวาน ข้าชื่อซินเถา!” หลังจากพูดจบ นางก็ก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
ในทันทีที่กู้ซินเถาหยุดเดิน ฉินเย่จือก็เดินห่างจากนางไปหลายก้าว
ฉินเย่จือไม่ฟังที่นางพูดและเดินจากไป
ฉินเย่จือเคยเห็นกู้ซินเถามาก่อนแล้ว นอกจากความรังเกียจในใจแล้วก็ยังมีความโกรธอีกด้วย
หญิงผู้นี้อายุยังน้อย แต่กลับรู้เรื่องเช่นนี้มาก
ถ้าเป็นเรื่องปกติ ผู้หญิงที่จงใจเข้าหาเขาคงจะโดนฉินเย่จือโยนทิ้งไปแล้ว แต่นางเป็นลูกพี่ลูกน้องของกู้เสี่ยวหวาน หากเขาทำเกินเรื่องไปก็จะไม่ดีสำหรับกู้เสี่ยวหวาน
ฉินเย่จือไม่ต้องการทำให้กู้เสี่ยวหวานเจอความยากลำบากที่จะตามมา เขาจึงไม่ได้สอนบทเรียนให้กู้ซินเถา
ฉินเย่จือยังคงมีใบหน้าที่เย็นชา หากเมื่อวานนี้กู้ซินเถาไม่เห็นความอบอุ่นของเขาต่อกู้เสี่ยวหวาน กู้ซินเถาคงคิดว่าคนผู้นี้ยิ้มไม่เป็น
อย่างไรก็ตาม ต่อหน้ากู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าที่หล่อเหลาและไม่ธรรมดานี้ช่างน่าดึงดูดยิ่งนัก นั่นเป็นสาเหตุที่กู้ซินเถายืนกรานอย่างหนักว่าต้องได้คนผู้นี้มาครอบครอง อยากให้เขาอยู่เคียงข้าง และแสดงรอบยิ้มที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลให้กับนาง
ฉินเย่จือไม่สนใจนางและเดินเร็วขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ารำคาญและจัดการได้ยากจริง ๆ
“พี่ฉิน ครอบครัวของข้าอาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจีย มีบ้านหลังหนึ่งที่ใหญ่กว่าบ้านของกู้เสี่ยวหวาน หากไม่รังเกียจ สามารถไปที่บ้านข้าได้ ข้าจะไม่ใช้ท่านเป็นลูกจ้างระยะยาว แค่…” กู้ซินเถากล่าวด้วยใบหน้าเขินอาย “แค่มาเป็นพี่ชายของข้าก็ได้!”
ฉินเย่จือเดินต่อไปโดยไม่สนใจกู้ซินเถา
“โอ้ พี่ฉิน ท่านดูดีและพิเศษมาก ท่านไม่ควรมาทำงานไร่งานสวนที่ลำบากเช่นนี้เลย ดูท่านสิ ท่านถูกกู้เสี่ยวหวานบีบคั้นจนผอมลงมาก!” กู้ซินเถากล่าวอย่างทุกข์ใจ
เฉาซื่อที่ซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาก็อดยิ้มเยาะไม่ได้
กู้ซินเถาผู้นี้รู้เรื่องไร้สาระจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งพบฉินเย่จือเมื่อวานนี้ แต่กลับกล่าวว่าเขาผอมลง คำเยินยอนี้ปลอมเกินไป
ไม่รู้ว่าฉินเย่จือจะยอมรับหรือไม่
เขาแบกน้ำไว้บนไหล่ และเดินต่อไปโดยไม่สนใจกู้ซินเถา
กู้ซินเถาคิดว่าฉินเย่จือเขินอายจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่ฉิน อย่าเกรงใจไปเลย ถ้าท่านอยากจะไปที่บ้านของข้า ข้าจะไปบอกกู้เสี่ยวหวานให้ กู้เสี่ยวหวานเคยให้ความช่วยเหลือท่านเล็กน้อยก่อนหน้านี้ การที่ท่านตอบแทนให้นางเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่ท่านไม่สามารถทำงานหนักเช่นนี้เพียงเพื่ออาหาร ท่านอยู่ที่บ้านของนางมานานมากแล้ว และท่านได้ตอบแทนน้ำใจสำหรับอาหารไปแล้ว” กู้ซินเถาพูดเองเออเองและไม่เห็นใบหน้าของฉินเย่จือที่มืดมนลงเรื่อย ๆ
“ข้ารู้ว่าพี่ฉินเป็นคนดีและต้องเป็นคนผิวบางแน่ ท่านต้องการออกจากบ้านของกู้เสี่ยวหวาน แต่ก็เกรงใจเกินกว่าจะพูดออกไป ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปบอกกู้เสี่ยวหวานให้ปล่อยท่านไป และขอให้นางไม่รั้งท่านเอาไว้!” กู้ซินเถาดีใจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่เฉาซื่อพูดนั้นถูกต้องจริง ๆ
ฉินเย่จือรู้สึกขุ่นเคืองในใจ มันไม่ง่ายเลยที่เขาจะมาอยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวานได้ แต่คนผู้นี้ต้องการเกลี้ยกล่อมให้เขาออกไปอย่างนั้นหรือ?
เมื่อฉินเย่จือเห็นว่ากู้ซินเถายังคงพูดไม่หยุด ดวงตาของเขาดูเคร่งขรึม แต่มีรอยยิ้มที่มุมปากของเขา และเขาพูดเบา ๆ “โอ้?”
คำพูดของฉินเย่จือ แม้จะเป็นเพียงคำสั้น ๆ แต่ก็ทำให้กู้ซินเถารู้สึกดี ดูเหมือนว่าฉินเย่จือต้องการออกไปจากบ้านของกู้เสี่ยวหวาน แต่เพราะกู้เสี่ยวหวานเคยแบ่งอาหารให้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเกรงใจเกินกว่าจะจากไปเท่านั้น
“เอาล่ะ พี่ฉิน ไม่ต้องกังวลไป ท่านไม่ใช่คนธรรมดา ท่านเพียงแค่ต้องออกจากหมู่บ้านอู๋ซีและไปที่เมืองหลิวเจีย แล้วข้าจะขอให้พ่อทำให้ท่านมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งดีกว่าในหมู่บ้านอู๋ซีแห่งนี้และดีกว่าการตามหลังเสี่ยวหวานไปเพื่อทำไร่ทำสวนแน่นอน!” กู้ซินเถาเกลี้ยกล่อมราวกับว่ากำลังวางแผนอนาคตที่สดใสเพื่อฉินเย่จือ