ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 469 แต่งงานกันแล้วจะอย่างไร
บทที่ 469 แต่งงานกันแล้วจะอย่างไร
บทที่ 469 แต่งงานกันแล้วจะอย่างไร
ในเช้านี้เพื่อเป็นการสนับสนุนกู้ซินเถา นี่คือชุดกาน้ำชาที่เฉาซื่อยืมมาจากคนข้างบ้าน มันยังไม่เคยได้ถูกใช้งานมาก่อน แต่เมื่อนำมาใช้งานเป็นครั้งแรกก็ถูกกู้เสี่ยวหวานเหวี่ยงลงบนพื้นจนแตกเป็นชิ้น ๆ นี่คือเงิน เงินเลยนะ!
เฉาซื่อผุดลุกขึ้นและจ้องเขม็งไปที่กู้เสี่ยวหวาน หากแต่ไม่สนใจฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ กู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นว่าเฉาซื่อกำลังจะกระโจนใส่นางราวกับสุนัขบ้า ฉินเย่จือก็รีบดึงกู้เสี่ยวหวานไปหลบข้างหลังอย่างนุ่มนวล
ใบหน้าของเขาเย็นชา เขายกมือขึ้นด้วยความรังเกียจ และปัดมือราวกับปัดแมลงวัน เฉาซื่อผงะถอยหลังโดยไม่ตั้งใจ ฝีเท้าซวนเซไปหลายก้าวก่อนจะยืนได้อย่างมั่นคง
จากนั้นเฉาซื่อก็ค้นพบว่า ดวงตาเรียวยาวของฉินเย่จือนั้นเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
เฉาซื่อหยุดนิ่ง ยืนอยู่ที่นั่นและไม่สามารถขยับก้าวได้
เมื่อกู้ซินเถาเห็นว่าฉินเย่จือออกตัวเพื่อปกป้องกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง จึงตะโกนเสียงดังลั่น “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ามันไร้ยางอาย!”
เฉาซื่อรีบเสริมในทันที “พวกเจ้าสองคนผิดประเวณีกัน เจ้ากล้าที่จะทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าผู้อาวุโสหรือ!? เจ้าไร้ยางอาย!”
ท่าทางของกู้ซินเถาที่เคยแสดงออกอย่างสง่างาม ในตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัว
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของนางยังนิ่งสงบไร้ซึ่งความโกรธ ทำราวกับว่าคนที่กู้ซินเถาด่าไม่ใช่ตนเอง
กู้เสี่ยวหวานยิ้มอ่อน เอ่ยน้ำเสียงเย็นชา “ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้ข้าคงต้องไปร้านซุ่นซินเพื่อคุยกับท่านลุงเสียแล้วสิ! ดูสิว่าเจ้าที่ไล่ตามผู้ชายทั้งวันหรือข้าที่รับคนเข้ามาในบ้าน ใครจะไร้ยางอายมากกว่ากัน”
“เหลวไหล การที่เจ้าแบ่งข้าวให้เขา แล้วรับเขาเข้ามาอยู่ในบ้าน ใครจะเชื่อ!”
เฉาซื่อที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามมากนัก นางรู้เพียงว่ากู้เสี่ยวหวานโยนกาน้ำชาในบ้านของตนแตกและต้องชดใช้เงินมา นางชี้ไปที่ฉินเย่จือและกู้เสี่ยวหวาน และสาปแช่ง “กู้เสี่ยวหวาน เจ้ามันไร้ยางอาย เจ้าไม่ทำตามจรรยาบรรณของผู้หญิง และรับคนเข้าบ้านมาเพื่อผิดประเวณีกัน เราต้องคุยกันเรื่องนี้!”
สิ้นเสียงของเฉาซื่อ นางก็จ้องมองที่กู้เสี่ยวหวานอย่างมีชัย เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานมองมาโดยไม่พูดสิ่งใด จึงคิดว่าคำพูดของตนแทงใจดำอีกฝ่าย นางจึงรู้สึกภาคภูมิใจมาก
นางกำลังจุดไฟ ไฟนี้ยิ่งลุกแรงยิ่งดี ยิ่งร้อนแรงก็ยิ่งดี!
แม้แต่กู้ซินเถาที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อมองไปที่ฉินเย่จือ นางเต็มไปด้วยความชื่นชม ความขุ่นเคือง และความอิจฉาริษยา มีหลายปัจจัยที่ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นนางจึงได้แต่รอให้แนวป้องกันในหัวใจของกู้เสี่ยวหวานพังทลายลง และให้นางยอมสละฉินเย่จือโดยสมัครใจ นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด!
กู้เสี่ยวหวานมองสีหน้าพึงพอใจของเฉาซื่อและกู้ซินเถา ดวงตาของนางมองกลับไปกลับมาบนใบหน้าที่ภาคภูมิใจของทั้งคู่ และเอ่ยอย่างแช่มช้า “ข้าอยากจะถามพวกท่านทั้งสองคนว่าจรรยาบรรณของผู้หญิงเป็นแบบไหนกัน! ฉินเย่จือเป็นพี่ชายที่เพิ่งรู้จักของข้า เรื่องนี้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงและผู้อาวุโสในหมู่บ้านอู๋ซีก็สามารถเป็นพยานได้ พูดคำที่ไร้สาระพวกนั้นจะเป็นการตั้งคำถามต่อการตัดสินใจของหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงในขณะนั้นใช่หรือไม่?”
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเย็นเยือก เมื่อเห็นว่าใบหน้าของกู้ซินเถาและเฉาซื่อเปลี่ยนไปแล้ว นางก็เลิกคิ้วและพูดต่อ “นอกจากนี้ ข้ากู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือก็ยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อโตขึ้นแล้ว ถ้าข้าได้แต่งงานกับเขาจริง ๆ แล้วอย่างไรล่ะ?”
หัวของเฉาซื่อแทบระเบิด นางมองไปที่การแสดงออกที่เย็นชาของกู้เสี่ยวหวาน
ทั้งสองคนพูดไม่ออก พวกเขามองหน้ากันด้วยความมึนงง และยังไม่อาจกลับมามีสติได้
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่ง สิ่งที่กู้เสี่ยวหว่านพูดนั้นถูกต้อง!
แม้ว่าคำพูดจะดูกล้าหาญ แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการอธิบายเมื่อเทียบกับการตำหนิกู้เสี่ยวหวานอย่างต่อเนื่องของกู้ซินเถา
หลังจากผลักเฉาซื่อเมื่อสักครู่นี้ ฉินเย่จือก็กลับไปยืนอยู่ข้างหลังกู้เสี่ยวหวานอีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานเอ่ยวาจากล้าหาญต่อหน้าทุกคน หัวใจของเขาก็หวานราวกับกินน้ำผึ้ง ดวงตาคู่นั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวาน
ดวงตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าด้วยความมุ่งมั่นและแน่วแน่
“กู้เสี่ยวหวาน เจ้าเด็กบ้า เจ้าไม่มีผู้ใหญ่ในครอบครัว หากเจ้าจะแต่งงานเจ้าต้องบอกท่านพ่อของข้า!” กู้ซินเถาคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันใด และตะโกนเสียงดังว่า “ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าแต่งงานกับพี่ใหญ่ฉิน!”
“โอ้ ข้าต้องขออนุญาตพ่อของเจ้าเพื่อให้ได้แต่งงานกับใครสักคนด้วยหรือ? เพราะอะไรกันล่ะ?” กู้เสี่ยวหวานหัวเราะราวกับว่าได้ยินเรื่องตลก และหันไปมองที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงข้าง ๆ และถามกลับว่า “หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง ข้าเลือกสามีด้วยตนเองไม่ได้หรือ? และข้าต้องเลือกสามีผ่านกู้ฉวนลู่จริงหรือ?”
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเป็นประกาย ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระ
หลังจากการตายของกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อ กู้ฉวนลู่ไม่เคยมาสนใจใยดีพวกกู้เสี่ยวหวานเลย บางคนทนไม่ได้และพยายามเกลี้ยกล่อมกู้ฉวนลู่ให้ช่วยดูแลเด็ก ๆ แต่กู้ฉวนลู่กลับไม่สนใจเรื่องนี้โดยอ้างว่าครอบครัวของเขาได้แยกจากกันไปแล้ว และเรื่องของกู้ฉวนฟู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีก
หากพวกเขาต้องเลี้ยงดูพวกกู้เสี่ยวหวาน นั่นคงทำให้เขาปวดหัวจนแทบระเบิด!
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกระแอมไอ เหลือบมองไปที่เฉาซื่อและกู้ซินเถาที่ตกตะลึง และพูดอย่างไม่พอใจว่า “ในตอนนั้น ครอบครัวของกู้ฉวนลู่ได้แยกบ้านออกไปแล้ว เขาเคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า ไม่ว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นอย่างไร จะจนหรือรวยในอนาคต ดังนั้น การแต่งงานของนางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวของเจ้า!”
ในเมื่อไม่ได้เลี้ยงดูพวกนาง แล้วจะไปยุ่งเรื่องครอบครัวของคนอื่นทำไม!
กู้ซินเถาเห็นว่านางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน จึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
เป็นไปได้หรือไม่ว่า กู้เสี่ยวหวานต้องการแต่งงานกับพี่ใหญ่ฉิน?
เช่นนั้นตนเองควรทำอย่างไร?
กู้เสี่ยวหวานเหลือบมองไปที่กู้ซินเถาและเฉาซื่ออย่างเย็นชาด้วยสายตาที่เย้ยหยันและรังเกียจ แล้วกล่าวเย็นชาว่า “เย่จือ ไปกันเถอะ! พรุ่งนี้เราจะไปที่ร้านซุ่นซิน!”
กู้เสี่ยวหวานหมุนกายเดินจากไป โดยมีฉินเย่จือเดินตามหลังไปอย่างเชื่อฟังทันที
กู้ซินเถารู้สึกกังวลเมื่อได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานจะไปหากู้ฉวนลู่ในวันพรุ่งนี้ ไม่ได้การแล้ว นางต้องไม่ปล่อยให้กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในเมืองเพื่อตามหาพ่อของตน ถ้านางบอกท่านพ่อ เขาจะต้องทุบตีนางให้ตายอย่างแน่นอน!
กู้ซินเถากังวลราวกับมดบนกระทะร้อน และรุดขึ้นหน้าเพื่อดึงกู้เสี่ยวหวาน “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน… ”
กู้เสี่ยวหวานไม่อยากจะสนใจนางอีก จึงทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกของกู้ซินเถา และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว