ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 470 ขอร้องเสี่ยวหวาน
บทที่ 470 ขอร้องเสี่ยวหวาน
บทที่ 470 ขอร้องเสี่ยวหวาน
ตอนนี้กู้ซินเถาจะยังนิ่งสงบได้อย่างไร? ถ้อยคำเมื่อครู่ของกู้เสี่ยวหวานราวกับค้อนทุบลงกลางใจ
ถ้ากู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านซุ่นซิน แล้วพากู้ฉวนลู่กลับมาตัดสินจริง ๆ ชื่อเสียงของนางในเมืองก็คงพินาศ
ไม่! ไม่! ไม่!
กู้ซินเถาก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะคว้าแขนของกู้เสี่ยวหวาน แต่ฉินเย่จือที่เห็นความกลัวและท่าทางอยากเหนี่ยวรั้งของกู้ซินเถาก็พลันก้าวไปข้างหน้า
ก่อนที่มือของกู้ซินเถาจะแตะโดนตัวของกู้เสี่ยวหวาน มือของฉินเย่จือก็ปัดมือของกู้ซินเถาออกเบา ๆ
การเคลื่อนไหวของฉินเย่จือนั้นอ่อนโยนและเชื่องช้าราวกับว่าเขาไม่ได้ใช้กำลังแม้แต่น้อย
หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงมองเห็นทุกการกระทำ เขาเพิ่งยกมือขึ้นเมื่อเห็นว่าฉินเย่จือทำท่าปัดเบา ๆ ราวกับไล่แมลงวัน ทว่ามือของกู้ซินเถากลับชักมือกลับอย่างแรง ทั้งนางยังเซไปด้านข้างหลายก้าวอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านเหลียงก็มืดลง
กู้ซินเถาผู้นี้แสร้งอ่อนแอเก่งจริง ๆ ไม่รู้ว่าตระกูลซุนสอนลูกสาวมาอย่างไร ถึงได้เสแสร้งและร้ายกาจเช่นนี้ได้
กู้ซินเถาทั้งคร่ำครวญ ราวกับแขนของตนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งที่เมื่อครู่ฉินเย่จือไม่ได้ออกแรงใด ๆ เลย
กู้ซินเถาไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดแล้ว เพราะกู้เสี่ยวหวานกับฉินเย่จือไม่ได้หยุดฝีเท้า เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกจากลานบ้านไปแล้ว กู้ซินเถาก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่แขนของตน หากพวกเขาจากไปจริง ๆ แล้วไปโพนทะนาที่ร้านซุ่นซินเช่นนั้นในวันพรุ่งนี้ เรื่องราวมันจะใหญ่โตขึ้น
กู้ซินเถารีบร้อนและคิดเพียงแต่ว่า ถ้าคนทั้งเมืองรู้ว่านางกำลังไล่ตามบุรุษ ชื่อเสียงของนางคงพังพินาศ และคงไม่อาจแต่งงานกับครอบครัวดี ๆ ได้ในอนาคต
ถึงเวลานั้น คนอื่น ๆ จะชี้มาที่นางและกล่าวว่านางเป็นสตรีหลายใจ
กู้ซินเถาไม่สนใจอะไรแล้ว นางกระทืบเท้าอย่างเป็นกังวล “เสี่ยวหวาน เสี่ยวหวาน ข้าผิดเอง ข้าผิดไปแล้ว ขอให้เจ้าละเว้นข้าด้วย! ข้าขอร้องเจ้าว่าอย่าไปหาท่านพ่อเลย ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรก็พูดมาเลย!”
หลังจากที่พูดจบ นางก็คุกเข่าลงทันทีภายใต้สายตาประหลาดใจของทุกคน
นี่คือสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานรอคอย เมื่อได้ยินถ้อยคำนั้น ฝีเท้าของนางก็หยุดชะงักและหันกลับไป ฉินเย่จือเองก็หยุดเดินเช่นกัน พวกเขามองไปที่สีหน้าหวาดหวั่นของกู้ซินเถาด้วยแววตาเย็นชา
“ซินเถา เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” เมื่อเฉาซื่อเห็นกู้ซินเถาคุกเข่าลง ซึ่งเท่ากับยอมรับอย่างชัดเจนว่านางทำผิดและล่อลวงฉินเย่จือ ในเมื่ออีกฝ่ายก็ยอมรับผิดออกมาแล้ว นางจะจับจุดอ่อนอะไรของอีกฝ่ายได้อีก?
เฉาซื่อรีบเข้าไปดึงกู้ซินเถาขึ้น แต่ไม่ได้คาดว่ากู้ซินเถาจะไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังปัดมือเฉาซื่อที่เข้ามาช่วย นางมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างจริงใจและขอร้องอย่างขมขื่น “เสี่ยวหวาน ข้าสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะนะ!”
กู้เสี่ยวหวานแค่นเสียงสองครั้ง ก่อนยกเท้าขึ้นเดินเข้าไปในห้อง แล้วหยุดยืนอยู่ข้างหน้าห่างจากกู้ซินเถาไปสามก้าว
“ท่านพี่ซินเถา รู้ความผิดของตนเองแล้วรึ?” กู้เสี่ยวหวานแค่นเสียงพลางมองลงไปที่กู้ซินเถา
กู้ซินเถาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความกลัว “เสี่ยวหวาน ตราบใดที่เจ้าไม่พูดเหลวไหล ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง!”
เฉาซื่อเป็นกังวล กู้ซินเถา นังเด็กขี้ขลาด คิดอยากได้ตัวฉินเย่จือและรักษาชื่อเสียงของนางไว้ในเวลาเดียวกัน
บ๊ะ! จะมีเรื่องดี ๆ เช่นนี้อยู่ในโลกได้อย่างไร!
เฉาซื่อจึงเพิกเฉยต่อกู้ซินเถา ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พลางเฝ้าดูอย่างเย็นชา
กู้ซินเถากลัว! กลัวแทบตาย แต่ไม่ใช่อย่างสิ่งที่เฉาซื่อคิด
แต่มันเป็นเพราะกู้จือเหวิน
ในวันธรรมดาถ้ากู้ซินเถาทำอะไรผิดพลาด กู้ฉวนลู่จะทำแค่เพียงเมินเฉยมันไป
แต่ถ้ามันคุกคามกู้จือเหวินแล้ว สิ่งที่รอนางอยู่…
กู้ซินเถาพลันนึกถึงซุนซื่อ
กู้ซินเถาได้ยินคำพูดจากซุนซื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ในเวลาต่อมา โดยบอกว่าในตอนนั้นที่บิดาไม่สนใจซุนซื่อ เป็นเพราะเขากลัวว่าชื่อเสียงของซุนซื่อจะถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับกู้จือเหวิน
เพราะเรื่องของซุนซื่อในตอนนั้น กู้จือเหวินจึงต้องอยู่บ้านเป็นเวลาหลายเดือนและไม่ออกไปไหนเลย เพราะกลัวว่าเมื่อเขาออกไปข้างนอก คนอื่นจะชี้นิ้วพูดว่าเขาเป็นบุตรชายของนักโทษ
ในสำนักศึกษาก็เช่นกัน ทุกคนรู้ว่ามารดาของกู้จือเหวินไร้ยางอายและโลภอยากได้ที่ดินของหลานสาว ทุกคนต่างมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้กู้จือเหวินรู้สึกอับอายและโกรธเคือง เขาวิ่งออกจากสำนักศึกษา และเก็บตัวอยู่ที่บ้านอยู่นานหลายเดือน
แม้แต่กู้ฉวนลู่ก็มิอาจเกลี้ยกล่อมเขาได้ ในท้ายที่สุดเขาก็โยนความคับแค้นใจทั้งหมดมาลงที่ซุนซื่อ
เดือนนั้นที่ซุนซื่ออยู่ในห้องขัง กู้ฉวนลู่ไม่ได้ไปดูหรือเยี่ยมนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนี้ เขายังพูดถึงซุนซื่อต่อหน้ากู้จือเหวินกับกู้ซินเถาทั้งวัน โดยกล่าวว่าซุนซื่อนั้นไร้ประโยชน์
เมื่อซุนซื่อได้ยินกู้ซินเถาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง นางก็โกรธเคืองและกล่าวว่า กู้ฉวนลู่ต้องการเพียงบุตรชายเท่านั้น มิใช่ภรรยา
กู้ซินเถาคิดแล้วก็นึกกลัว กลัวอย่างยิ่งว่านางจะส่งผลต่ออนาคตของกู้จือเหวิน
ถ้าครั้งนี้กู้เสี่ยวหวานไปที่ร้านซุ่นซินเพื่อก่อเรื่อง เกรงว่าวันรุ่งขึ้นจะเกิดความโกลาหลขึ้นมากมาย
ถึงเวลานั้น เมื่อมันแพร่กระจายไปยังสำนักศึกษา ทุกคนจะพูดว่ากู้จือเหวินมีสตรีไม่ได้เรื่องหลายใจเป็นน้องสาว แล้วคนอื่นจะคิดอย่างไรกับกู้จือเหวินเล่า?
กู้จือเหวินรักหน้าตาของตัวเองนัก ถ้าเขาหนีกลับบ้านเหมือนครั้งที่แล้ว กู้ฉวนลู่จะไม่ปล่อยนางไปแน่
นอกจากนี้ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของตระกูลเจียง เจียงหย่วนจะคิดอย่างไรกับนาง หากเจียงหย่วนต้องการแต่งงานกับนางจริง ๆ เกรงว่าหลังจากได้ยินเรื่องนี้แล้ว เขาจะต้องคิดทบทวนใหม่อีกรอบ
การแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป สำหรับกู้ซินเถาแล้วมีแต่ข้อเสียและไม่มีประโยชน์ใด ๆ
ในใจกู้ซินเถาครุ่นคิดเรื่องนี้นับครั้งไม่ถ้วน หากชื่อเสียงถูกทำลาย ชีวิตของนางเองก็ถูกทำลายเช่นกัน ซึ่งไม่เพียงแต่บิดามาราดาของนางจะไม่เห็นใจนางแล้ว แม้แต่พี่ชายของนางก็จะหัวเราะเยาะนาง กระทั่งเจียงหย่วนก็ยังทอดทิ้งนางด้วย
ไม่ ไม่ ต้องไม่ให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น!
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานเดินกลับมายืนอยู่ต่อหน้านางอย่างเย่อหยิ่ง กู้ซินเถาก็ไม่สนใจความอับอายและความโกรธใด ๆ ในเวลานี้ นางมีแต่ความรู้สึกกลัวอยู่ลึก ๆ ในใจ