ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 496 กุ้ยตงเหมยผู้เย่อหยิ่ง
บทที่ 496 กุ้ยตงเหมยผู้เย่อหยิ่ง
บทที่ 496 กุ้ยตงเหมยผู้เย่อหยิ่ง
กุ้ยซื่อดึงกุ้ยชุนเจียวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “พวกเรารีบกลับบ้านไปหาพ่อของเจ้ากันเถอะ!” กุ้ยซื่อลากกุ้ยชุนเจียวกลับบ้านอย่างเร่งรีบ
เมื่อพบกุ้ยสวิ้นเหอ นางก็เล่าให้กุ้ยสวิ้นเหอฟังว่ากุ้ยตงเหมยพูดอะไรในวันนี้ กุ้ยสวิ้นเหอปัดโต๊ะด้วยแรงทั้งหมดของเขา จากนั้นจึงไปยืมเกวียนวัวจากคนในหมู่บ้านและไปที่ร้านจิ่นฝูในคืนนั้น
พวกเขาจะไปหากุ้ยตงเหมย ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในคืนนี้พวกเขาจะต้องหานางให้เจอ
ทั้งสามคนขึ้นเกวียนวัวและมุ่งหน้าไปในเมือง
เมื่อมาถึงร้านจิ่นฝู ร้านจิ่นฝูก็ยังไม่ปิด เมื่อเข้าไปข้างในและเอ่ยถามเกี่ยวกับกุ้ยตงเหมย แต่ก็พบว่ากุ้ยตงเหมยไม่อยู่ที่นี่ แต่ไปที่บ้านของตระกูลเจียง!
ในเมืองหลิวเจียแห่งนี้ ตระกูลเจียงเป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาและมีชื่อเสียงที่สุด
นั่นคือตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลิวเจีย!
คนรับใช้บอกว่า ทันทีที่กุ้ยตงเหมยมาถึงร้านจิ่นฝูในวันนี้ นางก็ได้รับความสนใจจากฮูหยินเจียง
ต่อมา นางบอกว่าชอบเด็กผู้หญิงคนนี้มาก จึงพากลับไปที่บ้านตระกูลเจียง
เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินว่ากุ้ยตงเหมยถูกตระกูลเจียงพาตัวไป นางก็อ้าปากค้างเป็นเวลานาน
และเมื่อกุ้ยสวิ้นเหอได้ยินว่ากุ้ยตงเหมยได้พบกับใครบางคนที่พวกเขาไม่เคยพบมาก่อน เขาก็วิ่งไปและตะโกนด้วยความโกรธ
กุ้ยตงเหมยผู้นี้กล้าหาญมาก แม้แต่คนแปลกหน้ายังกล้าที่จะตามไป ไม่กลัวว่าจะถูกขายเข้าหอโคมเขียวเลยหรือ!
สามีภรรยากุ้ย คนหนึ่งกังวล อีกคนประหลาดใจ
กุ้ยชุนเจียวรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อย โดยคิดว่าทำไมกุ้ยตงเหมยถึงโชคดีเช่นนี้ ในตอนที่คิดว่านางไปรู้จักกับฮูหยินเจียงได้อย่างไร ตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินโซเซมาจากภายนอก
เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีแก้มบวมแดง ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ครั้นกุ้ยซื่อเห็น ดวงตาพลันเบิกกว้าง ทันใดนั้นก็ได้รับรู้ว่าเด็กหญิงคนนั้นคือกุ้ยตงเหมยของนาง!
“ตงเหมย ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้?” กุ้ยซื่อตกใจ หัวใจของนางพลันเจ็บปวด นางรีบวิ่งไปกอดกุ้ยตงเหมยอย่างรวดเร็ว แล้วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
กุ้ยชุนเจียวเองก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน เมื่อมองดูลักษณะเช่นนั้นของกุ้ยตงเหมย แก้มบวมเป่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง เห็นได้ชัดว่านางถูกทุบตีจนเป็นเช่นนี้
แต่เสื้อผ้าบนเรือนร่างของนางกลับถูกสวมใส่อย่างเรียบร้อย ยกเว้นรอยยับเล็กน้อย ที่อื่นก็ล้วนดูเรียบร้อย
ดูเหมือนว่ากุ้ยตงเหมยคงจะถูกทุบตี
แม้ว่ากุ้ยชุนเจียวจะสงสารสภาพปัจจุบันของกุ้ยตงเหมย หากแต่ก็โล่งใจเล็กน้อย ยังดีที่ถูกทุบตีเพียงใบหน้า ส่วนอื่นคงไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ
แม้แต่คนรับใช้ในร้านจิ่นฝูยังแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกุ้ยตงเหมยกลับมาด้วยสภาพน่าอับอาย จึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “แม่นางกุ้ยไม่ได้ไปที่บ้านของตระกูลเจียงมาหรอกหรือ? ทำไมถึงมีสภาพเช่นนี้ได้”
กุ้ยตงเหมยก็ไม่ได้คิดว่านางจะถูกจับและถูกทำร้ายจนเลือดซิบ มันเจ็บ มันเจ็บมาก!
กุ้ยตงเหมยอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่อาจเป็นเพราะอ้าปากกว้างเกินไป จึงทำให้แผลที่มุมปากฉีกออกจนเลือดซิบ นางกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บปวดและกรีดร้องอย่างคร่ำครวญ “ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้าเจ็บมาก! ฮือฮือ…”
“ตงเหมย ตงเหมยลูกข้า ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้? ใครทุบตีเจ้า? ใครกันที่กล้าทุบตีเจ้าจนเป็นเช่นนี้!” กุ้ยซื่อจับใบหน้าของกุ้ยตงเหมยพลางร้องไห้ออกมาด้วยความทุกข์ระทม “ถ้าข้ารู้ว่าใครเป็นคนลงมือกับเจ้า ข้าจะแก้แค้นให้เจ้าแน่นอน ข้าจะแก้แค้น!”
“ใช่แล้ว ตงเหมยรีบบอกพวกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ใครเป็นคนลงมือกันแน่ เขาทำร้ายเจ้าตรงไหนอีกหรือไม่” เดิมทีกุ้ยสวิ้นเหอต้องการจับกุ้ยตงเหมยมาสั่งสอนสักที แต่เมื่อกุ้ยตงเหมยพบเจอกับความยากลำบาก เขาจะดุด่านางออกมาได้อย่างไร
“ท่านพ่อ ท่านแม่ คนตระกูลเจียง คนจากตระกูลเจียงทุบตีข้า!” กุ้ยตงเหมยสะอึกสะอื้นและเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเองมาที่นี่ให้พวกเขาฟัง
นางเล่าว่า หลังจากที่ถูกกุ้ยซื่อดุแล้ว เดิมทีนางจะกลับบ้านเมื่อหายโกรธ แต่เพราะเรื่องราวของหลี่ฝานยังคงกวนใจนางอยู่ จึงไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้
ตราบใดที่ตนเองไปหาหลี่ฝาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หลี่ฝานก็จะรักษาหน้าของพี่สาวและดูแลตนเองอย่างแน่นอน
ดังนั้นกุ้ยตงเหมยจึงไปยืมเงินจากสหายเหล่านั้นและให้สัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนพร้อมกับนำผ้าเช็ดหน้าติดตัวมาด้วย หลังจากนั้นนางก็นั่งรถม้าไปที่เมืองหลิวเจีย
เมื่อมาถึงร้านจิ่นฝูในเมืองหลิวเจีย นางก็เห็นผู้คนสัญจรไปมาและเข้า ๆ ออก ๆ ร้านจิ่นฝูมากมาย ผู้คนเหล่านั้นล้วนสวมผ้าไหมชั้นดี นั่งรถม้าอย่างสุขสบาย ท่าทางของพวกเขาดูสง่างามยิ่งนัก
และยังมีหญิงสาวที่แต่งตัวดีบางคนถูกรายล้อมไปด้วยสาวรับใช้
กุ้ยตงเหมยเฝ้าดูหญิงสาวเหล่านั้นที่แต่งหน้าและสวมชุดที่สวยงาม จินตนาการนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของนาง
คงจะดีถ้านางเป็นผู้หญิงจากครอบครัวที่ร่ำรวย
กุ้ยตงเหมยวางเดิมพันทั้งหมดของนางไว้กับหลี่ฝาน ก้าวเดินเข้าประตูของร้านจิ่นฝูอย่างตื่นเต้น นางเข้ามาคนเดียวด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย เมื่อคนรับใช้คนหนึ่งเห็นกุ้ยตงเหมย เขาจึงรีบเข้าไปขวางนางไว้ทันที
แม้ว่าเขาจะหยุดนางไว้ แต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่ดีบนใบหน้า “แม่นางกำลังมองหาใครสักคนอยู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นว่ามีคนขวางตัวเองไว้ ใบหน้าของกุ้ยตงเหมายพลันบูดบึ้งขึ้นมา แต่เมื่อเห็นว่าท่าทางของคนรับใช้ยังดีมาก กุ้ยตงเหมยก็พยักหน้าและพูดว่า “ข้ากำลังมองหาเถ้าแก่หลี่ หลี่ฝาน!”
คนรับใช้เหลือบมองกุ้ยตงเหมยอย่างเรียบนิ่ง
เขาพิศมองเสื้อผ้าบนตัวของกุ้ยตงเหมย แม้ว่ามันจะทำจากวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของคนในชนบท เขาจึงคิดว่านางน่าจะมาจากหมู่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่แม่นางผู้นี้เปิดปากพูดก็บอกว่ากำลังมองหาเถ้าแก่หลี่
“เช่นนั้นข้าขอถามว่า เจ้ามาหาเถ้าแก่เพราะมีเรื่องอะไรหรือ?”
แม้ว่าคนรับใช้จะมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะซักไซ้นาง บางทีแม่นางผู้นี้อาจจะรู้จักกับเถ้าแก่จริง ๆ ก็ได้
สีหน้าของกุ้ยตงเหมยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อเห็นคนผู้นี้มาขวางทางและยังเอ่ยถามตนเองอีก นางจึงรู้สึกไม่พอใจ
นางพูดอย่างโกรธเคือง “ข้าเป็นผู้มีพระคุณของเถ้าแก่หลี่เจ้านายของเจ้า! พี่สาวของข้าช่วยนายน้อยของเจ้าไว้!”
ใบหน้าของคนรับใช้หม่นลงและมองขึ้นลงอย่างสงสัย
“ข้าขอถามว่าแม่นางมาจากที่ไหน? และช่วยนายน้อยของข้าที่ไหน?”
ครอบครัวของส่าวตงอยู่ในเมื่อรุ่ยเสียนตลอดทั้งปี เมื่อดูจากการแต่งตัวของแม่นางผู้นี้ที่มาตามหาเถ้าแก่หลี่ นางคงไม่ใช่คนจากเมืองรุ่ยเสียนแน่
ใบหน้าของกุ้ยตงเหมยมืดมนลง นางโยนผ้าเช็ดหน้าลงด้วยความไม่พอใจและพูดอย่างชั่วร้ายว่า “ข้าเป็นน้องสาวของผู้มีพระคุณ เจ้ากล้าดีอย่างไรมาห้ามข้า หากเถ้าแก่รู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณเช่นนี้ มาดูกันว่าเถ้าแก่จะลงโทษเจ้าอย่างไร!”